สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 253

เมื่อเห็นแววตาที่แน่วแน่ของอินชิงเสวียน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งใจ

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อยๆ พูดว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าก็จะให้เสด็จอาไปช่วยปกป้องเจ้า แต่เจ้าต้องระวังด้วย เมื่อเจ้ากลับถึงวังแล้ว ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นกุ้ยเฟย เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่เจ้า”

อินชิงเสวียนตกใจ รีบเอ่ยขึ้นทันควัน “หม่อมฉันเพียงต้องการให้ราษฎรในต้าโจวสงบสุข ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยสงคราม ไม่เคยคิดที่จะใช้สิ่งนี้เพื่อไต่เต้าสู่ตำแหน่งสูงเพคะ”

ยิ่งนางอยู่ในตำแหน่งที่สูงก็ยิ่งมีคนอิจฉามากขึ้นเท่านั้น และยากจะหลุดพ้น ตอนนี้ตำแหน่งสนมขั้นเฟยก็สูงพอควรแล้ว นางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปีนขึ้นไปต่อ

เย่‍จิ่ง‍อวี้จับมือนางแล้วพูดอย่างอบอุ่น “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน เรื่องนี้สำหรับข้าแล้ว นี่เป็นเพียงโอกาสที่เหมาะสม เดิมทีเจ้าควรจะเป็นไทเฮาของข้าด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว”

อินชิงเสวียนยื่นมือออกมา โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วพูดว่า “หม่อมฉันไม่รู้สึกเสียใจเลย ตอนนี้ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ขอฝ่าบาทถอนความคิดเมื่อครู่ อย่าแต่งตั้งเป็นหวงกุ้ยเฟยเลยเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดอย่างไม่พอใจ “เจ้ากลัวอะไร ตราบใดที่มีข้าอยู่ ก็ไม่มีใครในวังกล้าแตะต้องเจ้า”

อินชิงเสวียนไม่ได้กลัวอยู่แล้ว ด้วยพลังมิติเสริมแกร่งห้านาทีก็เพียงพอที่จะกวาดล้างทั้งวังหลัง แต่ไม่ต้องการสร้างปัญหาอีกก็เท่านั้น

เมื่อเห็นว่านางไม่พูด เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็พูดว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว ก็ให้เป็นไปตามนี้”

ขณะที่อินชิงเสวียนกำลังจะพูด เย่จั้นก็ได้เดินเข้ามาจากด้านนอก

“กระหม่อมถวายบังคม”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยกมือเหมือนจะประคองเขาขึ้น “เสด็จอาตามเชิญสบาย เชื่อว่าเสด็จอาคงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงมาแล้ว”

เย่จั้นพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ยินมาว่าขุนนางราชสำนักเสียชีวิตสองคนตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว ฝ่าบาทมีเบาะแสใดหรือไม่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถอนหายใจเบาๆ “ยังเลย ฉะนั้นข้าจึงอยากให้เสด็จอาอยู่ต่ออีกสักหลายๆ วัน”

เย่จั้นเข้าใจทันที “ฝ่าบาทต้องการใช้ค่ายเปลวเพลิงสีชาด?”

เย่‍จิ่ง‍อวี้คลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “เสด็จอารู้ใจข้าจริงๆ ข้ายังมีอีกเรื่องที่จะขอรบกวนเสด็จอา”

“ฝ่าบาทเชิญตรัสมาได้เลย”

“เมื่อหลายวันก่อนเสวียน‍เอ๋อร์ได้เสนอเรื่องการศึกษาและผลิตดินปืนกับข้า เพื่อสยบกองทัพทหารเจียงวู ข้าได้นำสิ่งที่นางต้องการมาแล้ว แต่สิ่งนี้จำเป็นต้องไปทำการทดลองนอกวังหลวง ซึ่งคนเดียวที่ข้าไว้ใจได้ในตอนนี้คือเสด็จอา”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ตบกล่องทั้งสี่กล่อง เย่จั้นอดกังขาเสียมิได้

ทำไมไม่ได้พบกันแค่วันเดียว ถึงเกิดความคิดเรื่องดินปืนขึ้นมาได้?

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยิ้มบางๆ กล่าวว่า “จะเป็นของที่มีลักษณะอย่างไรนั้น ข้าก็ไม่ทราบ ทำได้เพียงรอข่าวดีจากเสวียน‍เอ๋อร์ในวังเท่านั้น”

เมื่อได้ยินเย่‍จิ่ง‍อวี้เรียกนางอย่างสนิทสนมเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจพอสมควร

ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “หม่อมฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสิ่งนี้ให้สมบูรณ์แบบเพคะ”

เย่จั้นถามว่า “พระสนมเหยาเฟยเตรียมจะออกจากวังเมื่อใด ข้าพอจะรู้จักพื้นที่โล่งอยู่บ้าง อยู่ทางทิศเหนือแถบชานเมือง บริเวณใกล้ๆ มีเพียงสองสามครัวเรือน บางทีข้าอาจซื้อบ้านได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดพร้อมกับเอามือไพล่หลัง “ถ้าสามารถซื้อได้ก็เป็นเรื่องดีที่สุด เรื่องนี้จะต้องไม่ถูกเปิดเผยออกไป ข้าสงสัยมาโดยตลอดว่าในราชสำนักมีหนอนบ่อนไส้ของเจียงวูอยู่ ตอนนี้มีเพียงเราสามคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ เมื่อสิ่งนี้สำเร็จ ก็จะส่งไปที่ด่านถงกู่ทันที”

“เจียงวูบีบเค้นกันทุกด้าน เป็นอันตรายต่อพวกเรามาก ในเมื่อท่านอ๋องสามารถหาสถานที่สำหรับการทดลองได้ ก็ควรรีบออกจากวังโดยเร็วเถอะ”

เมื่อเห็นเค้าหน้าอันสง่าผ่าเผยของอินชิงเสวียน เย่จั้นก็อดไม่ได้ที่จะชมเชย “แน่นอนว่าพ่อเสือไม่ได้ให้กำเนิดลูกสุนัข ข้าจะปกป้องความปลอดภัยของเจ้าเอง”

อินชิงเสวียนรีบโค้งคำนับ พูดว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ยื่นมือข้างที่สวมธำมรงค์นิ้วหัวแม่มือหยกออกมา และกดลงบนไหล่ของเย่จั้นหนักๆ

“ข้าจะรอข่าวดีจากพวกเจ้า”

อย่างไรก็ตาม อินชิงเสวียนก็ยังคงเป็นห่วงเสี่ยว‍หนาน‍เฟิง

“หม่อมฉันไม่ได้อยู่ในวัง หวังว่าฝ่าบาทจะมีคำสั่งห้าม ยกเว้นอวิ๋นฉ่ายและยายหลี่แล้ว ก็ห้ามผู้ใดเข้าใกล้จ้าวเอ๋อร์อีก”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้เจ้าวางใจได้เลย ข้าจะปกป้องลูกของเราอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินเขาพูดคำว่า ‘ของเรา’ ใบหน้าของอินชิงเสวียนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย

“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”

สิบห้านาทีต่อมา อินชิงเสวียนได้เปลี่ยนเป็นชุดลำลอง และออกจากวังพร้อมกับเสี่ยวอานจื่อ

การเดินทางครานี้ได้รับการคุ้มครองโดยเย่จั้น ซึ่งทำให้รู้สึกปลอดภัยอย่างยิ่ง

นอกจากสวะเย่จิ่งเย่าคนนั้นแล้ว เหล่าบุรุษในตระกูลเย่ต่างก็มีความสามารถพร้อมด้วยบุ๋นและบู๊ โดยเฉพาะเย่จั้น ซึ่งเป็นผู้นำกองทัพต่อสู้มาหลายปี ดังนั้นการปกป้องนางจึงไม่ใช่ปัญหา ยิ่งกว่านั้นอินชิงเสวียนก็สามารถใช้ระบบแลกเปลี่ยนพลังได้ด้วย นางไม่ใช่ไก่อ่อนคนที่เพิ่งข้ามเวลามาอีกแล้ว

ทุกคนออกจากประตูเมืองทางทิศเหนือ ไม่นานก็มาถึงทางด้านเหนือของชานเมือง มีพงป่าเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ แต่กลับยังไม่ได้กลายเป็นทุ่งนา

“ขอข้าเตรียมอัตราส่วนก่อน คนอื่นมาช่วยก็จะยิ่งวุ่นวาย ของสิ่งนี้ข้าก็ไม่เคยทำมาก่อน ไม่อาจรับประกันว่าจะสำเร็จในครั้งเดียวหรือไม่ อาจต้องทำการทดลองหลายครั้ง ท่านอ๋องอย่าเพิ่งรีบร้อน”

“ข้าไม่รีบ หากพระสนมต้องการความช่วยเหลือ ก็เรียกหาข้าได้ตลอดเวลา”

หลังจากที่เย่จั้นพูดจบ เขาก็พาคนออกจากประตูไป

หลังจากเหลือบมองไปยังทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดที่เฝ้าอยู่ข้างนอก เสี่ยวอานจื่อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

เขากระซิบ “พระสนม ท่านนี่เก่งกาจจริงๆ ถึงกับทำให้ทหารหน่วยเปลวเพลงสีชาดยืนคอยปกป้องพวกเราได้ด้วย”

อินชิงเสวียนกลอกตามองเขาแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าอยากออกมานักหรือ ที่ทำอยู่นี่ก็เพื่อราษฎรชาวต้าโจว ไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบมาช่วยข้าเทดินประสิวพวกนี้ลงในหม้อ ของพวกนี้จำเป็นต้องต้มก่อน ถึงจะได้จะได้ผลึกดินประสิวขาว”

“ต้มดิน?”

เสี่ยวอานจื่อไม่เข้าใจ

อินชิงเสวียนเปิดกล่องเหล่านั้นออก ยืนเท้าสะเอวแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ทำตามที่ข้าบอก...”

ในขณะที่หลายคนกำลังยุ่งอยู่นั้น อินสิงอวิ๋นก็ได้รับข่าวว่าจิ้งอ๋องออกจากเมืองแล้ว

“เขาจะไปแล้ว?”

ผู้ส่งสารพูดเสียงเหี้ยม “เหมือนจะยังไม่ใช่ เย่จั้นพาคนไปเพียงยี่สิบคนเท่านั้น”

อินสิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะยกมุมริมฝีปากขึ้น

“เข้าช่างกล้าหาญเสียจริง ข้าน่าจะไปพบเขาสักหน่อย”

ในเวลาเดียวกัน อีกฝ่ายหนึ่งก็ได้รู้เรื่องที่เย่จั้นออกจากเมือง

ชายคนนั้นหัวเราะชวนขนลุก

“นี่เป็นโอกาสดีเทีเดียว แม้ว่าพิษในบ่อน้ำจะถูกกำจัดออกไปแล้ว แต่มีขุนนางในราชสำนักสองคนเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ความโกลาหลแบบนี้เหมาะสำหรับการลงมือของพวกเราแล้ว ถ้าเย่จั้นตาย ฮ่องเต้น้อยก็เหมือนถูกตัดแขนขาด”

“นายท่านหมายความว่าอย่างไร”

ชายคนนั้นหัวเราะเยียบเย็นกล่าวว่า “เรียกรวมตัวทุกคนทันที ออกจากเมืองเป็นกลุ่มๆ ไปสังหารเย่จั้น!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์