“เฮ๊ย! ทำอะไรออกไปนะ!” ฉันที่ยืนรอเขาเปิดประตูให้ถึงกับต้องร้องออกมาเสียงหลงเพราะอีตานี่ก้าวเข้ามาในห้องฉันทันทีที่เปิดประตูเสร็จ
“ไม่ พี่ง่วง อิ่มแล้วก็ง่วงมากพี่จะนอนแล้ว” อีตาเควินหันมาบอกฉันแล้วก็ล้มตัวลงนอนที่เตียง นี่มันจะบ้าบอหน้ามึนไปกันใหญ่แล้วนะ!
“ใครอนุญาตออกไปเลย!” ฉันยืนเท้าสะเอวมองเขาด้วยความโมโห
“พี่อนุญาตตัวเองจ๊ะ” อีตานี่เงยหน้าจากหมอนขึ้นมาตอบฉันพร้อมรอยยิ้มหวาน ๆ สูนคักแล้วเด้ออดไว้เด้อหนมเอ๊ย! (สูนคัก = โกรธมาก / โมโหมาก , อดไว้ = อดทนไว้)
“เควิน” ฉันเรียกชื่อเขาเสียงเย็นเพราะกลัวว่าจะเผลอตะโกนออกไปเสียงดังจนคนข้างห้องแตกตื่น
“ครับ” เขาขานรับเสียงอู้อี้เพราะกำลังเอาหน้าซุกหมอน
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่ตลกด้วยนะ”
“ก็พี่บอกหนูว่าพี่จะนอนไง พี่ตลกตรงไหน” กรี๊ด! บักปอบ! หน้ามึนคัก (หน้ามึนคัก = หน้ามึนมาก)
“...”
ฉันยืนเงียบอยู่ตรงนี้แหละ แม่งไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เถียงไปด่าไปก็เท่านั้น อีตาเควินก็คงรู้สึกได้ว่าบรรยากาศมันเงียบผิดปกติเขาก็เลยเงยหน้าขึ้นมามอง
“โกรธเหรอ?” เหอะ! ยังมีหน้ามาถาม น้องยืนหน้าบึ้งขนาดนี้คงกำลังแฮปปี้มั้งคเหี๊ย เอ๊ย! เฮีย
“เกลียด” ฉันตอบไปตรง ๆ เลยค่ะ เกลียดมากถึงมากที่สุด
“เกลียดยังไงได้ยังงั้นนะครับ” นี่ตกลงอีตาเควินไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำว่าเกลียดของฉันเลยใช่ไหม ทำไมหน้ามึนได้ขนาดนี้อ่ะ คือหนมเหนื่อยหนมอยากอาบน้ำนอน!
“ฉันเกลียดจิ้งจกมากกว่านาย และฉันจะยอมมีผัวเป็นจิ้งจกโอเคนะ”
“เหอะ!” พอฉันพูดแบบนั้นไปเขาก็ฟุบหน้าลงที่หมอนอีกครั้ง โว้ย! จะอะไรกับฉันนักหนาวะคะบักเควิน!
“จะกลับไหม วันนี้ฉันฝึกงานทั้งวันจนหัวหมุนแล้วนะฉันต้องการพักผ่อน” พอเขาเงียบไปก็ต้องเป็นฉันที่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน ไม่งั้นก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องไม่จบเรื่องสักที
“ก็พี่บอกว่าพี่จะนอนที่นี่ไง”
“ไม่ขำนะ กลับได้แล้วขอร้องเหอะ” ฉันเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงเพราะมันอาจจะได้ผลกว่าการที่ปากหมาไปวัน ๆ ใส่เขาก็ได้
“คุยกับพี่เพราะ ๆ ก่อนแล้วพี่จะยอมกลับ” พอฉันเสียงอ่อนลงเขาก็หันหน้ามาบอกฉัน เหอะ! เอาเลยบังคับเลยตอนนี้เฮียเป็นต่อนี่ เอาสิทรมานใจหนมให้พอใจเลยบักพากมึง!
“กลับบ้านได้แล้วนะคะฉันต้องการพักผ่อน” ฉันสูดลมหายใจลึก ๆ แล้วก็พูดกับเขาดี ๆ พร้อมกับส่งยิ้มหนึ่งทีไปให้
“คำพูดโคตรไม่จริงใจ นอนละพี่ไม่อาบน้ำนะ” ฮะ? เฮ๊ย! เขาพูดเสร็จก็ตลบผ้าห่มขึ้นมาห่มตัว ปวดหัวกับความกวนตีนไม่สิ้นสุดของบักพากนี่จริง ๆ
“นี่! จะให้พูดยังไงฮะ จะเอาแบบไหนถึงจะพอใจเขียนสคลิปมาเลย” ฉันกระชากผ้าห่มออกจากเขาแล้วก็เอาหมอนข้างฟาดลงไปที่ตัวเขาเต็มแรง
ตุบ!
“เฮ๊ย! มันเจ็บนะขนม” เขาสะดุ้งสุดตัวเพราะฉันไม่ได้ฟาดเบานี่คะ
“จะให้พูดยังไงบอกมา!”
“คิดเอง” อีตาเควินบอกฉันพร้อมหน้าตาที่กำลังเหวี่ยงฉัน เหอะ! ใครควรเหวี่ยงใครกันแน่
“...”
“เรียกพี่เหมือนเดิมแล้วก็แทนตัวเหมือนเดิมครับ พูดดี ๆ แล้วจะยอมกลับ” เขามองหน้าฉันที่นิ่งไปแล้วก็บอกออกมา
“พี่เควินคะกลับได้แล้วค่ะขนมอยากพักผ่อน” ฉันรีบพูดทันที พูดด้วยน้ำเสียงดี ๆ ด้วยค่ะแอ๊บให้น่ารักไปเลยจะได้จบสักที หนมไม่ได้โง่งี่เง่าที่จะพูดไม่ดีแล้วให้เขาบังคับให้พูดใหม่อีกที พูดอีกทีพูดอีกทีได้รึเปล่า ถรุ้ย!
“น่ารักที่สุด” ฮะ! พอฉันพูดจบเขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มแล้วก็เดินออกไป เดี๋ยว ๆ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ เฮ๊ยแล้วปล่อยให้อีหนมเมื่อยปากไล่ตั้งนานทำไม!
“ขนม” เขาเรียกฉันที่หันหลังให้ฉันก็เลยหันไปตามเสียงเรียก
“อือ มีอะ...”
จุ๊บ!
“ฝันดีนะคะ”
OoO!
บักเควิน!
-หลายวันต่อมา-
“เหนื่อยไหมครับ” พอขึ้นรถก็เจอคำถามเดิมที่เขาถามเหมือนเมื่อวาน เมื่อวันก่อน เมื่อวานซืน ฯลฯ ตอนนี้เลิกงานแล้วค่ะและแฟนจำเป็นของน้องก็มารับที่หน้าบริษัทเรียบร้อยแล้ว
“อ้าวเกล ไง” เขาหันไปมองคนมาใหม่แล้วก็ทักโดยที่ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักนิดว่าเธอเข้ามาในห้องได้ยังไงมีแต่อีหนมเนี่ยที่นั่งงงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครและเข้ามาได้ยังไง
“เอ่อ...มีแขกเหรอ ขอโทษนะนึกว่าอยู่คนเดียว” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มบาง ๆ มาให้แล้วก็หันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับก้มหัวให้ฉันเป็นการขอโทษ อะไรกันฉันงงไปหมด
“ไม่ใช่แขกหรอกนี่ขนมแฟนฉันเอง” อีตาเควินรีบบอกแล้วก็แนะนำฉันให้ผู้หญิงคนนั้นรู้จัก ทำให้เธอทำหน้าประหลาดใจ
“แฟน?” ยัยเจ้นี่ทำหน้าประหลาดใจแล้วก็มองหน้าฉันเหมือนไม่เชื่อคำพูดอีตานั่น ทำไมคะซิสหน้าสวย ๆ อย่างหนมจะเป็นแฟนนายเควินนี่ไม่ได้เหรอคะ ทำไมต้องทำหน้าแปลกใจเสียมารยาทแบบนี้ด้วยวะ ถึงแม้จะเป็นแฟนแบบไม่เต็มใจแต่ฉันก็เคืองนะ
“อื้ม ขนมครับนี่เกลเพื่อนพี่” อีตาเควินหันมาแนะนำฉันก็เลยยิ้มให้เธอไปตามมารยาท
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ขอโทษนะที่เสียมารยาทเข้ามานะพอดีจะมาถามเจ้าของห้องว่ามีบะหมี่ไหม” ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นด้วยท่าทางสบาย ๆ
“จะกิน?” เขาพูดพร้อมกับเลิกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
“เออดิขี้เกียจลงไปหาไรกิน มีป้ะ” ฉันนั่งฟังสองคนนี้คุยกัน มันเป็นการสนทนาที่เหมือนเพื่อนคุยกันนั่นล่ะค่ะ คงเป็นเพื่อนอีตานี่อย่างที่บอกจริง ๆ นั่นแหละ
“เอ่อ ทานด้วยกันไหมคะเรากำลังจะทานข้าวกันพอดี” ฉันพูดแทรกขึ้นเพราะจะให้ไปหยิบบะหมี่ให้เธอโดยที่เรากำลังจะกินข้าวมันก็ดูแปลก ๆ
“ได้เหรอจ้ะ จะขัดเวลาสวีทไหม” พอฉันบอกแบบนั้นพี่คนนี้ก็ทำตาโตทันทีพร้อมกับยิ้มหน้าบาน ทำให้ความรู้สึกอคตินิด ๆ ที่ฉันมีเมื่อกี้มันหายไป
“ไม่เลยค่ะ เดี๋ยวขนมไปหยิบจานมาให้นะคะ” ฉันยิ้มให้พี่เขาเพราะดูท่าทางเป็นมิตร
“งื้อน่ารักจังขอบคุณน้า”
“พอเลย ๆ จะกินก็ไปหยิบเองอย่ามาใช้แฟนฉัน ขนมนั่งเลยครับหนูเพิ่งทำอาหารมาเหนื่อย ๆ” อีตาเควินพูดแทรกแล้วก็จับข้อมือฉันดึงไว้เพื่อไม่ให้เดินไป
“ปล่อยค่ะขนมจะไปหยิบจานให้พี่เกล”
“ไม่ครับขนมทำกับข้าวเป็นชั่วโมงยังไม่ได้พักเลย เธอไปหยิบจานเองเลยยัยงี่เง่า” อีตาเควินพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ฉันก่อนที่จะหันไปบอกพี่เกลที่ยืนอยู่ด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
“ชิส์” พี่เขาทำเสียงไม่พอใจใส่อีตานี่แล้วก็เดินสะบัดหน้าไปในครัวทันที
หนมไม่ได้คิดอะไรกับเขานะคะ ไม่ได้หึงหวงนะเพราะหนมเกลียดเขามาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่หนมจะพูดต่อไปนี้ขอให้ตัดเรื่องความระแวงหรือความหึงหวงออกไปได้เลย ไม่ได้สังเกตหรือจับผิดด้วยซ้ำสาบานได้แต่แค่มองเหตุการณ์เมื่อกี้แป๊บเดียว แค่ประโยคสนทนาโต้ตอบและสายตาท่าทางของสองคนนั้นที่สื่อสานกันแค่ 2 ประโยคทำไมมันให้ความรู้สึกเหมือน
...เขาสองคนเป็นแฟนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: So Sexy Girl สยบรักร้ายนายเจ้าชู้
ตอนต่อไป มาตอนไหน...