“ไม่ใช่เลยค่ะ หนมสาบานได้หนมเคยเกลียดเขายังไงก็ยังเกลียดอยู่อย่างงั้น เมื่อกี้ที่เล่นใหญ่ไปหน่อยก็แค่จะจัดการยัยซีลีนแล้วก็แกล้งอีตานั่น แล้วก็ได้ผลนะคะดูท่าทางจะเคลิ้มกับหนมน่าดู ตลกเป็นบ้าเลยแค่เล่นละครนิดหน่อยก็หลงกลหนม นี่คงคิดว่าหนมหึงหวงเขาจริง ๆ”
“เหรอ?”
“ค่ะ คอยดูเดี๋ยวจะเอาคืนให้หนักกว่านี้ เมื่อกี้ถึงจะเปลืองตัวไปหน่อยแต่ก็คุ้มที่ได้ปั่นหัวคนที่เกลียด”
“หึ! ตลกว่ะขนม แกล้งปั่นหัวพี่แบบนี้สนุกมากไหม!” ผมถามคนที่นั่งหันหลังให้ผม ไม่ต้องเห็นหน้าแค่ฟังจากเสียงผมก็รู้แล้วครับว่าเธอมีความสุขแล้วก็สะใจแค่ไหน
“พี่เควิน! / วิน! / อีวิน!” เสียงขนม แมนนี่ มินตรา มิลาน เรียกชื่อผมด้วยความตกใจ คงคิดไม่ถึงว่าผมจะมาได้ยินอะไรแบบนี้
“ว่าไงครับ สนุกมากไหม” กูแม่งไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่านี้แล้วครับ สิ่งที่รู้สึกอย่างเดียวคือมันจุก ขนมคือผู้หญิงคนแรกที่ผมรู้สึกพิเศษด้วยจริง ๆ แค่เวลาไม่นานแต่ผมก็รู้ว่าเธอพิเศษกว่าใครทั้งนั้น
ทั้งที่รีบมาหาเธอหลังจากที่ดุซีลีนไปชุดใหญ่เสร็จเรียบร้อย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากปกป้องขนมนะครับ แต่เธอแม่งยั่วซะสติผมหลุด แถมตอนนั้นผมก็กำลังดีใจที่เห็นขนมหึงเลยอยากดูว่าเธอจะทำยังไง แล้วอีกอย่างก็ไม่อยากให้ใครมองเธอไม่ดีถึงได้ห้ามขนมก่อนที่จะไปห้ามซีลีน ขนมโตกว่าถ้าใจเย็นกว่าเด็กแบบซีลีนมันก็ต้องดีกับเธออยู่แล้ว แล้วดูสิ่งที่กูได้หลังจากอาละวาดน้องรหัสจนเด็กคนนั้นร้องไห้กลับบ้านไปสิ
“เอ่อ...” หึ! อุตส่าห์คิดว่าช่วงที่ผ่านมาที่เราได้มีเวลาใกล้ชิดกันเธอจะรู้สึกดีกับผมขึ้นมาบ้าง แต่แม่งไม่ใช่เลยสักนิดขนมเกลียดผมยังไงก็ยังเกลียดอยู่อย่างนั้น บางทีอาจจะเกลียดมากกว่าที่ผมคิดซะอีก
“อีวินน้องแค่พูดเล่น เนี่ยท่าทางจะเมาแล้ว” แมนนี่มันคงเห็นท่าไม่ค่อยดีถึงได้ช่วยแก้ตัว แต่หน้ากูดูโง่รึเปล่า?
“เออก็คงเมา เพาะถ้าไม่เมาก็คงไม่กล้าไปนั่งตักคนที่โคตรเกลียด” ผมตอบแมนนี่แต่สายตามองจ้องไปที่ขนมที่สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คงเพราะโดนผมจับได้มั้งครับ
“มึงใจเย็น ๆ สิคะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน” แมนนี่พูดมาอีกประโยคแต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับในบรรดากลุ่มผม ผมใจเย็นที่สุดแล้ว
“ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ” ในที่สุดตัวต้นเรื่องก็พูดได้สักที พูดด้วยน้ำเสียงเบาแล้วก็ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินไปที่ชั้น 3 ทันที หึ!
“เราอยากจะคุยอะไรกับพี่ครับ” ผมเปิดประเด็นขึ้นทันทีที่เราเข้ามาในห้องงานไอ้ออสตินที่เป็นส่วนตัวที่สุด ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวายถ้าไม่ได้รับอนุญาต
“ขนมว่าพี่เควินก็คงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าขนมรู้สึกยังไงรวมถึงการแสดงออกทุกอย่างของขนมด้วย” เธอมองหน้าผมแล้วก็พูดออกมา แม่งพูดมาได้ไงวะ จะบอกว่าผมรู้ดีว่าเธอเกลียดผมมากแต่ผมหลอกตัวเองว่าเธอหึงรึไง จะบอกว่าที่แกล้งปั่นหัวผมเมื่อกี้มันไม่ผิดรึไงวะ
“สนุกมากไหม” ผมถามเธอออกมาเสียงนิ่ง พยายามมองจ้องลงไปที่ตาสวย ๆ ของเธอว่ามันจะมีความหวั่นไหวอะไรบ้างรึเปล่า
“ค่ะ...สนุกมาก” ขนมตอบคำถามได้แสบถึงทรวงฉิบหาย แถมยังตบท้ายด้วยการทำหน้าสะใจใส่ผมอีก เกิดมายังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพูดกับผมแบบนี้เลยสักคน
“คิดว่าพี่อยากเสียเวลามาควงผู้หญิงเล่น เรียกใครว่าแฟนเล่นเหรอขนม ถ้าพี่ไม่รู้สึกดีด้วยพี่จะมาเสียเวลากับเราทำไมวะ” ผมถามขนมเสียงนิ่งแล้วสิ่งที่ได้กลับมาก็คือปฏิกิริยาว่างเปล่าจากตาของเธอ
“ก็เห็นควงเล่นอยู่ประจำนี่คะ” ขนมแค่นยิ้มเยาะใส่ผม
“อย่ามาเล่นลิ้นขนม เราก็รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน” ผมดุยัยเด็กดื้อไปแต่ก็คงไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดผมเหมือนเดิม
“แล้วจะให้ทำยังไงคะ ให้ขนมลบความรู้สึกที่โคตรเกลียดแล้วไปรักพี่เควินรึไง ขนมทำไม่ได้หรอก” นาทีนี้ผมรู้แล้วครับว่าเธอเกลียดผมแค่ไหน
“พี่รู้ว่าขนมโกรธพี่เรื่องนั้นมากแต่พี่ก็กลับไปแก้ไขมันไม่ได้ ที่ผ่านมาพี่ก็พยายามทำให้มันดีขึ้น พี่ไม่ได้บังคับให้เรามาคบกับพี่เพราะอยากแกล้งนะ แต่พี่อยากให้เริ่มต้นกันใหม่เข้าใจบ้างไหม” ผมอธิบายให้เธอฟังชัด ๆ เพื่อให้เธอเข้าใจความต้องการของผมสักที
“ขนมรู้ค่ะว่าพี่เควินพยายามทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนมันดีขึ้น แต่เกลียดก็คือเกลียดไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามผมแล้วก็จ้องตาท้าทายผม
“ตกลงไม่ว่าจะยังไงขนมก็เกลียดพี่” ผมถามพร้อมกับข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะความอดทนใกล้จะหมดลงแล้วจริง ๆ
“...ค่ะ”
“โอเคงั้นเรื่องที่พี่บังคับให้เรามาเป็นแฟนก็ยกเลิกไปซะ” ผมพูดออกไปทำให้ขนมมองหน้าผมด้วยความสงสัย
“คะ?”
“ตามนั้นนั่นแหละ” ผมไม่พูดซ้ำอีกรอบให้เธอฟัง เพราะผมมั่นใจว่าเธอได้ยินทุกคำที่ผมพูด
“แน่ใจนะคะ ไม่ใช่ว่าเอารูปน่าเกลียดนั่นมาบังคับขนมให้คบกับพี่เควินหรือทำอะไรบ้า ๆ อีกนะ” ขนมถามแล้วก็หรี่ตามองผมแบบไม่ไว้ใจ
“ครับพี่แน่ใจ ไม่ต้องห่วงหรอกนับจากวันนี้พี่กับขนมไม่ใช่แฟนหลอก ๆ บ้าบอนั่นอีกต่อไป” ผมพยักหน้าบอกเธอ ทำให้ขนมมีสีหน้าดีขึ้น แต่คนที่เจ็บคือกูนี่ครับ
“ขอบคุณนะคะ รักษาคำพูดด้วยล่ะ” ยัยเด็กดื้อยิ้มแก้มปริทันที ยิ้มแบบไม่ได้สนใจความรู้สึกของผมเลยสักนิด แม่งอยากเอาคือผมมาตั้งนานตอนนี้รู้ตัวรึยังวะว่าทำสำเร็จแล้ว
“อื้ม จะกลับตอนไหนก็บอกนะครับ พี่นั่งอยู่ที่เดิมนั่นแหละ” ผมบอกเธอเสร็จก็เดินผละออกมาเพื่อลงไปข้างล่าง
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวกลับกับพี่แมนนี่ได้ ขอบคุณนะคะ”
“พี่พามาก็ต้องพากลับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวกลับเอง” ขนมมองหน้าผมแล้วก็เชิดหน้าใส่ผม
“พี่บอกจะพากลับก็คือพากลับ”
“บอกว่าไม่... / ไอ้ออสตินกับไอ้แอลฟ่าเลวยังไงขนมคงพอจะรู้นะ ส่วนพี่ก็คงไม่เป็นแกะขาวในฝูงแกะดำหรอก จริงไหม” พอเธอตั้งท่าจะเถียงผม ผมก็เลยขู่ออกไปแล้วมันก็ดูเหมือนจะได้ผลด้วยสิเพราะเธอเริ่มจะหุบปากลง
“จะกลับเมื่อไหร่ก็บอก อย่าหนีกลับก่อนเพราะพี่ทำได้มากกว่าขู่แน่” ผมบอกเธอแค่นั้นแล้วก็เดินออกมาทันที ขอไปนั่งทำใจก่อนครับ ยอมรับตรง ๆ ว่าเจ็บ ไม่เคยคิดเลยว่าจะรู้สึกดีกับใครได้มากขนาดนี้
ถึงจะไม่เคยรักใครแต่ผมก็ไม่ได้ควายขนาดไม่รู้ความรู้สึกของตัวเอง ผมรู้ดีว่าผมรักเธอ รักขนม รักยัยเด็กดื้องี่เง่าที่สมองมีแต่ความคิดที่อยากจะเอาคืนผม บางทีก็อยากจะซัดกลับบ้างว่าถ้าผมไม่หล่อยัยเด็กฟันเหยินในตอนนั้นจะแอบชอบผมจนถึงขั้นมาสารภาพรักไหม
ถึงแม้มันอาจจะดูเร็วไปที่จะยอมรับว่ารักเธอ แต่แล้วมันยังไงวะรักก็คือรักแค่นั้น มันจะต้องใช้เวลาอะไรมากมายในการที่จะยอมรับว่ารักใครสักคน
ฉันปิดประตูรถอีตาเควินที่สตาร์ทรถเรียบร้อยแล้ว พอขึ้นมานั่งบนรถก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะคะ เขาเงียบฉันก็เงียบ แต่เป็นความเงียบที่ไม่ได้รู้สึกว่าจะมีพายุอะไร วันนี้เขาคงแค่อยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษประมาณว่าพามาก็ต้องพากลับอย่างที่พูดจริง ๆ
พอนั่งรถมาได้ไม่ถึง 10 นาทีน้องก็ง่วงแล้วค่ะ ไม่ได้อยากหลับก็เลยพยายามประคองสติ แต่เคยเป็นกันไหมมันหลับวูบ ๆ เหมือนหลับในมาเป็นระยะ คิดว่าหลับแต่ไม่หลับ คิดว่าไม่หลับแต่ก็หลับ โอ๊ย! งงการอธิบายลักษณะอาการของตัวเองในขณะนี้ ฮ่า ๆๆ
เอาเป็นว่ามันเป็นอาการหลับ ๆ ตื่น ๆ ทำให้ไม่ค่อยมีสติรับรู้โลกภายนอก พอผ่านไปสักพักรถก็จอดลง คงถึงแล้วล่ะมั้ง
“ถึงแล้วครับ” นั่นไงถึงแล้ว เพราะมีเสียงของเฮียเควินอดีตชายในฝันของน้องพูดขึ้น ได้เวลาลงจากรถแล้วก็ลาขาดกันอย่างถาวรค่ะ
“ขอบคุณนะคะ” ฉันหันไปขอบคุณเขาดี ๆ เพราะอย่างน้อยถึงฉันจะแสดงออกว่าเกลียดเขาแค่ไหนแต่เขาก็ยังมีน้ำใจมาส่ง ก่อนจะคว้าสัมภาระข้าวของแล้วจับที่เปิดประตูเพื่อออกไป
“...”
“ที่นี่ที่ไหน?” ฉันหันขวับไปมองหน้าไอ้บ้านั่นที่กำลังปลดเบลท์ออกจากตัว มันพาฉันมาที่ไหนก็ไม่รู้เป็นบ้านหลังหนึ่ง ไม่สิคฤหาสน์ต่างหาก
“บ้านพี่”
“บ้านนาย?” พอได้ยินคำตอบสรรพนามอีหนมก็เปลี่ยนทันที ไหนบอกว่าจะพาไปส่งวะแล้วเล่นบ้าอะไรถึงพามาบ้านเขา
“พามาทำไมไหนบอกจะพาไปส่งเล่นตลกอะไรฮะ!” ฉันตะคอกถามเสียงลั่นรถเลยค่ะ ความโมโหมันพุ่งปรี๊ดมาเร็วยิ่งกว่าความเร็วแสงแล้วตอนนี้
“พี่บอกตอนไหนว่าจะพาไปส่ง พี่บอกเราว่าพามาก็ต้องพากลับต่างหาก แต่หมายถึงพากลับบ้านพี่นะคะ” อีตาเควินหันมาพูดพร้อมส่งรอยยิ้มกวนส้นตีนให้อีหนม!
“พามาทำไม! ไหนบอกว่าจะเลิกเป็นแฟนปลอม ๆ นั่นแล้วไง จะแกล้งอะไรฉันอีก จะผิดคำพูดเหรอ คำพูดนายมันเชื่อได้บ้างรึเปล้าฮะเควิน!”
“แกล้งอะไรครับ พี่พูดคำไหนคำนั้นครับสบายใจได้” อีตานี่ยังตอบฉันด้วยรอยยิ้ม แถมพูดไปกลั้วหัวเราะไปเหมือนกำลังพูดกับเด็กยังไงยังงั้น สูนค่ะ เจอแบบนี้มันสูน! (สูน = โมโห, โกรธ)
“นี่เรียกว่าไม่แกล้งเหรอเควิน” ฉันถามเขาเสียงแข็ง
“เรื่องแฟนปลอม ๆ พี่ก็ยกเลิกแล้วไง”
“แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่พาไปส่งที่หอ เลิกเป็นแฟนกำมะลอแล้วก็จบกันไปสิวะ” ฉันโวยวายขึ้นมาอีกครั้ง แต่พอฉันโวยวายจบอีตานี่ก็นิ่งลง เขาหยุดทำหน้ากวนส้นตีนแล้วก็มองหน้าฉันด้วยสายตาจริงจังก่อนที่จะกระตุกยิ้มมุมปากเบา ๆ
“หึ ๆๆ ฟังให้ดีนะครับขนม พี่ยกเลิกการเป็นแฟนของเราไปแล้วจริง ๆ สาบานได้ ไอ้แฟนกำมะลอแกล้งคบกันแบบนั้นพี่ไม่เคยต้องการหรอก พี่ต้องการอะไรที่มันเป็นของจริงมากกว่า” เขาพูดบ้าอะไรวะ! พูดแล้วก็มองหน้าฉันนิ่ง
“อะไร ต้องการอะไรอย่ามาลีลา”
“ต้องการอะไรที่มันเป็นของจริงไง ในเมื่อให้เป็นแฟนดี ๆ ไม่ชอบก็ข้ามขั้นเป็นเมียมันคืนนี้ไปเลยจะได้เลิกดื้อกับพี่สักที!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: So Sexy Girl สยบรักร้ายนายเจ้าชู้
ตอนต่อไป มาตอนไหน...