ศึกเดือด มหากาฬ นิยาย บท 37

ในสายตาของเฉินอี วังจ่างหลินคือนักธุรกิจ และวังซื่อกรุ๊ปก็เป็นองค์กรที่สร้างผลกำไร แน่นอนว่าจะต้องมีการแข่งขันทางธุรกิจ แล้วมีอะไรที่น่ารายงานให้เขารับรู้กัน

“เจ้ามังกร มีบางอย่างที่คุณยังไม่รู้ โครงการฟื้นฟูหมู่บ้านในเมืองหรือที่เรียกกันว่าโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมืองนั้น เดิมทีมีบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่หลายแห่งในภาคตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้ดำเนินงานมาโดยตลอด แต่ความสามารถของวังซื่อกรุ๊ปในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั้นค่อนข้างอ่อนแอ ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็หนีไม่พ้นหลี่ซือกรุ๊ป”

“ฉันเข้าใจแล้ว”

เมื่อเฉินอีฟังจบ เข้าก็แสดงท่าทีเข้าใจในทันที

“หากจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว หลี่ซือกรุ๊ปเป็นบริษัทที่เหมาะสมที่สุดที่จะชนะการแข่งขันโครงการก่อสร้างจิงชุน ส่วนวังซื่อกรุ๊ปนั้นมีโอกาสที่จะชนะอยู่ไม่มากนัก ประกอบกับตอนนี้หลี่ซือกรุ๊ปกำลังเรืองอำนาจ คงไม่มีบริษัทไหนกล้าแข่งขันกบัหลี่ซื่อกรุ๊ปอย่างแน่นอน แต่การเคลื่อนไหวของวังซื่อกรุ๊ปคงทำให้เมืองฉือสั่นสะเทือนวงการอุตสาหกรรมการก่อสร้างรวมไปถึงแวดวงธุรกิจทั้งหมดได้ไม่น้อย”

เพียงครู่เดียวเขาก็ครุ่นคิดทุกอย่างออกมาได้อย่างละเอียด

“มังกรเขียวพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า : “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเคลื่อนไหวของวังซื่อกรุ๊ปในครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก และเกี่ยวพันไปถึงบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่อีกหลายแห่งภายในประเทศ ต้องการร่วมมือกับพวกเขาให้สำเร็จ และจับมือกันต่อสู้กับหลี่ซือกรุ๊ป”

“เดิมทีไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คิดเพียงว่าวังซื่อกรุ๊ปทำเช่นนี้เพียงแค่ต้องการประจบประแจงหลี่ซือกรุ๊ป จึงยินดีเป็นตัวประกอบในการแสดงละครฉากใหญ่เท่านั้น แต่ตอนนี้คนของวังซื่อกรุ๊ปกำลังออกติดต่อเจรจากับบริษัทก่อสร้างหลายบริษัท อีกทั้งยอมสละกำไรเพื่อแย่งชิงโครงการครั้งนี้มาให้ได้ ดังนั้นตอนนี้วังซื่อกรุ๊ปจึงกลายเป็นเสี้ยนหนามในสายตาของหลี่ซือกรุ๊ปไปเรียบร้อยแล้ว”

“ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงเสี้ยนหนามเล็ก ๆ สำหรับพวกเขา แต่ก็ขวางหูขวางตาไม่น้อย ถ้าหากผมเดาไม่ผิด หลี่ซือกรุ๊ปน่าจะลงมือจัดการวังซื่อกรุ๊ปในเร็ววันนี้”

ก่อนที่มังกรเขียวจะเข้ามาอยู่ในสำนักมังกรลับ ถือได้ว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในแถบตะวันตก เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แน่นอนว่าเขาย่อมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจเหล่านี้เป็นอย่างดี และนี่เป็นเหตุผลที่เฉินอีให้มังกรเขียวคอยอยู่ช่วยเหลือเขาที่นี่

เฉินอีฟังจบ แสยะยิ้มออกมาแล้วพูดว่า : “ดูเหมือนว่าวังจ่างหลินจะตัดสินใจได้แล้ว อีกทั้งการตัดสินใจของเขาก็ไม่มีข้อผิดพลาดเสียด้วย”

“ใช่แล้วครับ ก่อนหน้านี้คนของเราที่ส่งไปได้รายงานข่าวกลับมาว่า ลูกชายและลูกสาวของวังจ่างหลินและคณะผู้บริหารของวังซื่อกรุ๊ปไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดแล้ววังจ่างหลินอาศัยอำนาจของตนเองตัดสินใจเรื่องนี้ออกมาจนสำเร็จครับ”

มังกรเขียวเองก็เห็นด้วยเช่นกันว่าการตัดสินใจของวังจ่างหลินในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ฉลาด

หากวังจ่างหลินเลือกที่จะยืนอยู่ตรงกลางก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น แต่หากเมื่อไหร่คนที่พวกเขาสนับสนุนขึ้นมาแทน ขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดในอนาคต ถึงตอนนั้นวังจ่างหลินคงจะต้องตกที่นั่งลำบากอย่างแน่นอน

ส่วนเรื่องที่ว่าวังจ่างหลินจะทรยศพวกตนหรือไม่นั้น เรื่องนี่มังกรเขียวไม่เคยคิดถึงมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงเหตุผลอื่น เพียงแค่วังจ่างหลินได้เห็นจุดจบของตระกูลหลินก็คงไม่กล้าทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนี้ออกมาแน่นอน

ถึงแม้ฐานอำนาจของสำนักมังกรลับจะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่หลายปีมานี้ก็มีการสั่งสมความมั่งคั่งมาโดยตลอดจนวังซื่อกรุ๊ปยากที่จะจินตนาการได้ เพียงแค่เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้เมืองฉือทั้งเมืองต้องสั่นสะเทือน

เฉินอีมีแผนการเช่นนี้อยู่ในใจ

“ติดต่อไปหาสำนักมังกรลับ ให้ระดมทุนหนึ่งล้านล้านหยวนเข้ามาเป็นเงินทุนของมูลนิธิต้นแบบ จากนั้นให้ประกาศออกไปว่าจะช่วยวังซื่อกรุ๊ปในการแข่งขันแย่งชิงโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง”

“นอกจากนี้ ให้ปล่อยข่าวไปยังตระกูลฉิน ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด หากไม่มีปิงหลัน ตระกูลหลี่คงไม่มีทางสนใจตระกูลฉินอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น พวกเขาคงต้องหันหน้าเข้าหาวังซื่อกรุ๊ป และนั่นจะเป็นโอกาสอันดีที่ปิงหลันจะได้กลับเข้าไปในตระกูลฉินอีกครั้ง”

ตอนนี้ มังกรเขียวกับผงะไป

“แต่ตระกูลฉินทำกับท่านแม่เช่นนั้น แล้วยังจะให้เธอกลับไปที่ตระกูลฉินอีกหรือครับ อีกทั้งยังจะแบ่งผลกำไรให้ตระกูลฉินอีก นี่ไม่เท่ากับเป็นการตอบแทนความชั่วด้วยความดีหรือครับ ?”

เขาไม่ชอบตอบแทนความดีด้วยความชั่ว และเขาก็ไม่ชอบตอบแทนความชั่วด้วยความดีเช่นเดียวกัน มันเป็นเรื่องที่โง่มาก

เฉินอีเองก็มีนิสัยเช่นเดียวกัน แต่เขาเข้าใจความคิดของฉินปิงหลันดี

“ปิงหลันอยากกลับเข้าไปในตระกูลฉิน และได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลฉิน ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สติแตกเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันเองจำเป็นจะต้องช่วยเหลือเธอ”

“ถ้าหากไม่ใช่การทำให้ตระกูลฉินยอมรับเธอ และอาจถึงขั้นทำให้เธอได้กลายเป็นเสาหลักคนใหม่ของตระกูลฉินแล้วล่ะก็”

“ก็คงจะต้องทำให้ปิงหลันรู้เช่นเห็นชาติคนในตระกูลฉิน และรู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด เช่นนี้ปิงหลันจึงจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้จริง ๆ เสียที เริ่มต้นอนาคตใหม่ที่สดใส......”

ฉินหวยจือไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขาได้แต่ยืนลังเล แต่จ้องมองหลี่เจ๋อที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธ และกำลังเตะเท้าลงบนพื้น

“แต่ฉันก็ยังยืนยันคำเดิม หากตระกูลฉินไม่ยอมส่งตัวฉินปิงหลินมาให้ฉัน พวกแกก็อย่าคิดจะเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ในโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมืองเด็ดขาด !”

“ฮะ !”

ฉินหวยอันรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาทันที

นี่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้า ที่ตกลงกันเอาไว้อย่างชัดเจนว่าจะให้พวกเขาเข้าร่วมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมือง เพื่อโครงการนี้ ตระกูลฉินได้ทุ่มเททรัพยากรมนุษย์และเงินทุนไปเป็นจำนวนมหาศาล แต่ถ้าหากถูกหลี่เจ๋อปฏิเสธก็จะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับตระกูลฉิน รวมไปถึงอาจมีโอกาสล้มละลายได้เลยทีเดียว

หลี่เจ๋อเหลือบมองเขา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า : “แกมีปัญหาอะไร ?”

“ไม่ ไม่มีครับ”

ฉินหวยจือรีบส่ายหัวด้วยความขี้ขลาด

หลี่เจ๋อส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา สีหน้าของเขาดูผ่อนคลายลงไม่น้อย แล้วพูดออกมาอีกว่า : “ฉันจะให้โอกาสนายอีกสักครั้ง แกบอกว่าผู้ชายที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นมีลูกน้องอยู่ในมือจำนวนหนึ่งไม่ใช่หรือ เดี๋ยวฉันจะติดต่อกับ เจ้ากริชให้เขาไปกับนาย ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็จะต้องชิงตัวฉินปิงหลินมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแค่ตระกูลฉินของนายจะไม่ได้เข้าร่วมโครงการก่อสร้างหมู่บ้านในเมืองเท่านั้น แต่ตระกูลฉินของนายอาจจะต้องล้มละลายด้วย !”

ทุกคำพูดฝังแน่นลงไปในสมองของฉินหวยจือ เขารีบรับคำอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลี่เจ๋อก็ไล่เขาออกไป

หลินหวยจือออกจากตระกูลหลี่ ใบหน้าที่ซีดเผือดของเขาบัดนี้ได้กลายเป็นสีเขียวคล้ำด้วยความโมโห

“นังฉินปิงหลัน แกคิดที่จะทำลายตระกูลฉินของเราจริง ๆ ไม่ได้ ยังไงเสียก็จะต้องทำให้เธอยอมขึ้นเตียงกับคุณชายหลี่เจ๋อให้ได้”

“มีเพียงวิธีนี้ ที่จะทำให้ตระกูลฉินไม่ล้มละลาย แต่ถึงจะทำให้ฉันรุ่งเรืองขึ้นได้ !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ