“คุณฉิน สวัสดีครับ ผมคือวังจ่างหลิน”
วังจ่างหลินอีกฝั่งที่คิดว่าฉินปิงหลันนั้นได้ยินไม่ชัดจึงรีบพูดซ้ำออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ฉินปิงหลันนั้นตกตะลึงไปหมดแล้ว
นี่วังจ่างหลินโทรหาตนจริงๆเหรอเนี่ย
แถมยังเรียกตนว่าคุณอีก?
“วัง ประธานวังคะ เมื่อสักครู่ฉันได้ยินชัดเจนดีแล้วค่ะเพียงแต่ว่าไม่คิดว่าจะเป็นท่านที่โทรมา”
“คุณฉินไม่ต้องเกรงใจไปหรอกนะครับ จริงสิ เรามาคุยเรื่องการทำงานร่วมกันดีกว่าไหมครับ?”
วังจ่างหลินที่อยู่อีกฝั่งถูกทำให้ตกใจจนผงะไป
“ภรรยาของเถ้าแก่ก็คือเถ้าแก่เนี้ย เขาเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้นจะให้อีกฝ่ายเรียกตนว่าท่านได้ยังไงกัน นี่มันเป็นจังหวะคอขาดบาดตายจริงๆ”
อย่างไรก็ตามคนที่ตกใจมากที่สุดกลับเป็นฉินปิงหลัน เธอไม่ได้สนใจคำพูดของวังจ่างหยางเพราะเธอคิดว่ามันคือคำพูดที่แสดงความสุภาพก็เท่านั้นแต่เธอกลับจดจ่อกับคำพูดที่ว่า--ทำงานร่วมกัน?
ไม่กี่วันมานี้เธอได้ทำการเสริมเติมแต่งให้แบบออกมาสมบูรณ์ ด้วยความสามารถที่แข็งแกร่งบวกกับงานที่เร่งรัด ดังนั้นแผนงานแรกของเธอจึงถูกทำออกมาและส่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ตั้งแต่ต้นจนจบในใจของเธอกลับรู้สึกว่ามันยังไม่ก้าวหน้ามากพออีกทั้งยังมีเหยียนเลว่มาทำให้ลำบากใจอีก เธอไม่คิดเลยว่าวังจ่างหลินผู้ที่เป็นเถ้าแก่ของวังซื่อกรุ๊ปจะโทรมาหาเธอเพื่อหารือเรื่องการทำงานร่วมกันเช่นนี้
“คือว่า ประธานวังคะ ฉันอยากจะถามอะไรสักหน่อย คือว่าแผนงานของฉันมีข้อบกพร่องอะไรไหมคะ?”
“อันนี้น่ะเหรอ”
เมื่อวังจ่างหลินนึกถึงสิ่งที่เฉินอีพูดเมื่อตอนกลางวันได้จึงรีบพูดออกไปว่า “แน่นอนว่าต้องมีข้อบกพร่องอยู่แล้ว อันที่จริงบนโลกใบนี้ไม่มีแผนงานแรกแผนไหนที่จะสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างหรอกนะแต่มันก็ถือว่าดีกว่าที่อื่นๆมากอยู่”
“คุณฉิน หากว่าคุณสะดวกล่ะก็เรานำเรื่องข้อบกพร่องเหล่านี้มาเจรจากันในวันพรุ่งนี้ดีไหม?”
“อ่ออ่อ ดีค่ะ”
ฉินปิงหลันวางสายลงด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เดิมทีเธอต้องการรอให้อีกฝ่ายกดวางสายไปก่อน มันถือเป็นมารยาทแต่วังจ่างหลินกลับบอกให้เธอกดวางสายก่อนซึ่งนั่นทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อมากขึ้นไปอีก
“เฉินอี ประธานวังคนนี้คงไม่ใช่ตัวปลอมหรอกใช่ไหม?”
“พร๊วด!”
ชาที่เฉินอีดื่มพุ่งพรวดออกมาอย่างจังจากนั้นเขามองไปที่ฉินปิงหลันอย่างประหลาดใจ “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
“เพราะว่าเขานั้นสุภาพเกินไป ฉันเคยได้ยินมาว่าเขาเป็นคนที่พิถีพิถันเรื่องมารยาทมากเลย คิดว่าคนที่จะไปได้ไกลกับเขาคงจะเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ทางด้านมารยาทลึกซึ้งเสียอีก”
“นักธุรกิจที่ทะเยอะทะยานมีชื่อเสียงขนาดนั้นจะมาทำตัวเกรงใจกับฉันได้ยังไงกันล่ะ”
ฉินปิงหลันถามออกไปด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ
และไม่ต้องพูดถึงชื่อเสียงของเธอในเมืองฉือเลยก็ได้ว่ามันไม่ดีแค่ไหน ตนเป็นแค่ประธานตัวน้อยๆของฉินซื่อกรุ๊ปจะไปคู่ควรกับการปฏิบัติตัวเช่นนี้ของวังจ่างหลินได้ยังไงกัน ดังนั้นปฏิกิริยาแรกของเธอคือคิดว่านี่ต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ!
อาจจะ!
“หรือว่านายหาคนมาแกล้งทำให้ฉันมีความสุข?”
ฉินปิงหลันถามออกมาด้วยท่าทีที่จริงจัง
เฉินอีที่ถูกจ้องมองก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ผมไม่ได้เบื่อขนาดนั้นหรอกนะ อีกอย่างพรุ่งนี้ไปวังซื่อกรุ๊ปก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อืม ก็ทำได้แค่นี้แหละ”
ฉินปิงหลันยังอยู่ในท่าทางที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เฉินอีที่มองดูอยู่ก็รู้สึกขบขันไปชั่วครู่
ภรรยาคนนี้นี่ไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลย
ในเวลาเดียวกัน หลี่ซือกรุ๊ป
“คุณชายเฉิน พวกเราจะเอายังไงกันต่อดีครับ?”
คนที่พูดอยู่นั้นก็คือหลี่ฉางโซว่ ประธานของหลี่ซือกรุ๊ป เขาจ้องมองไปที่เฉินฝูและถามด้วยความโกรธเคือง
เมื่อสักครู่หลันเทียนได้พาทีมสืบสวนพิเศษมาและพูดว่าจำเป็นต้องสอบสวนกรณีหลี่ซือกรุ๊ปที่ใส่ความวังซื่อกรุ๊ป
หลังจากหลี่เจ๋อกลับมาที่ห้องก็ได้รับสายโทรศัพท์ จากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาสีหน้าของเขาก็ดูมืดมนและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“นายจะบอกว่าเหยียนเลว่ไปยุ่งกับฉินปิงหลันงั้นเหรอ?”
เขาที่เพิ่งได้รับข่าวสารนี้มาก็รู้สึกเหลือเชื่อ
เหยียนเลว่ก็ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาหลี่เจ๋อนั้นชอบฉินปิงหลันอยู่ ทำไมสุนัขตัวนี้ถึงได้กล้าทำเช่นนี้กันนะ?
ไม่ถูกสิ!
“เฉินฝู ต้องเป็นเฉินฝูแน่ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะไม่สนใจความรู้สึกของฉันแล้วไปสั่งให้เหยียนเลว่ทำขนาดนี้ หรือจะพูดได้ว่าในสายตาของเฉินฝูนั้นตนสู้เฉินอีไม่ได้งั้นสิ?”
“เฉินอี ไอ้คนระยำ!”
แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะไปทำตัวไม่พอใจเฉินฝูอยู่ดี อย่างน้อยเขาก็ไม่กล้าที่จะแสดงมันออกมา ดังนั้นเขาจึงนำความโกรธเคืองนี้ไปไว้ที่เฉินอีแทน
“ออกคำสั่งไป ให้นักฆ่าลงมือได้!”
“หลังจาค่ำคืนนี้ฉันไม่ต้องการเห็นเฉินอีอีกต่อไป”
“เรื่องนี้ทำอย่างลับๆและอย่าให้เฉินฝูรู้เรื่องนี้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นเขาอาจมาตัดพ้อต่อว่าฉันได้”
“ชายคนนี้ต้องการเล่นกับเฉินอี ส่วนฉันแค่ต้องการให้เฉินอีตายก็เท่านั้น!”
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินปิงหลันตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อจัดเตรียมเอกสาร
เธออ่านแผนงานทั้งหมดใหม่อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรจากนั้นก็ไปแต่งตัว
“ภรรยา เครื่องสำอางพวกนี้ของเธอนี้คุณภาพไม่ดีเลยนะ วันนี้หลังจากเสร็จงานให้ผมไปเป็นเพื่อนช่วยเลือกที่ห้างไหม”
เฉินอีมองดูเครื่องสำอางที่มูลค่าไม่ถึงร้อยหยวน เขาเจ็บปวดใจ
แม้ว่าฉินปิงหลันจะเป็นแม่คนแต่เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ยังอายุไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ อีกทั้งการรักสวยรักงามก็เป็นธรรมชาติของผู้หญิงด้วยซึ่งก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับฉินปิงหลันเลย นอกจากนี้เธอยังต้องไปเจรจาธุรกิจในนามของฉินซื่อกรุ๊ปซึ่งก็แน่นอนว่าจะต้องแต่งตัวเสียหน่อยแต่การต้องมาใช้สินค้าที่ด้อยคุณภาพเช่นนี้ก็คงทำให้ระคายเคืองผิวได้ง่าย
“ไม่ต้องหรอก ประหยัดเงินไว้ดีกว่า เอาไว้ใช้เป็นค่าเล่าเรียนของโต๋วโต๋ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ศึกเดือด มหากาฬ