"จะ..จะ..จริงเหรอวะ" อัมพรแม่ของจั๊กจั่นไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมีคนไปตามก็รีบมาดู
"ต่อไปนี้แม่จะไม่ให้ใครทำร้ายหนูได้อีกแล้ว เราจะกลับไปพร้อมกันนะ" ประไพพูดพร้อมกับลูบผมของจั๊กจั่นเบาๆ เพื่อปลอบใจ
หญิงสาวไม่ตอบแต่เธอพยักหน้าเพราะตื้นตันใจ ขนาดท่านไม่ใช่แม่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเธอขนาดนี้
"คนนี้บอกว่าเป็นแม่ของคุณจั๊กจั่นครับท่าน" ตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่ข้างนอกได้พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา
"จั๊กจั่น" อัมพรตกใจที่เห็นลูกสาวอยู่ในอ้อมกอดของใครก็ไม่รู้
"คนนี้ใช่ไหม" ประไพถามจั๊กจั่น แต่สายตามองไปที่อัมพร ซึ่งข้างกายของอัมพรก็มีผู้หญิงอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกับจั๊กจั่นยืนอยู่ด้วย
จั๊กจั่นทำได้แค่ส่ายหน้า เพราะเป็นห่วงแม่ ยังไงท่านก็เป็นแม่ที่ให้กำเนิด
"บอกแม่มาตามตรง คนนี้ใช่ไหมคือแม่ใจร้ายที่ทำหนู"
"เกิดอะไรขึ้นน่ะน้า" ตั๊กแตนสะกิดข้างของน้าอัมพร แล้วถามเบาๆ สายตาก็ได้มองไปดูทั่วบริเวณบ้านของเสกสรร ซึ่งตอนนี้ผู้ชายที่แต่งตัวภูมิฐาน ต่างก็ยืนรอบล้อมอยู่แถวนั้น
"ท่านนี้คือผู้ใหญ่ที่จะมาสู่ขอจั๊กจั่นให้ผมครับ" เสกสรรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ก็เดินเข้ามาแนะนำให้แม่ของจั๊กจั่นได้รู้จัก "ท่านคือ ท่านรัฐมนตรีสำราญ"
"รัฐมนตรีจริงเหรอ" คนที่พูดก็คือตั๊กแตน ส่วนอัมพรทำได้แค่มองตาไม่กระพริบ เพราะไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะขบวนใหญ่ขนาดนี้
ทางด้านพ่อกับแม่ของเสกสรรก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนี้ยืนอยู่ไม่ไกลจากแถวนั้น
"สะ..สะ.. สวัสดีค่ะ" อัมพรยกมือขึ้นไหว้
"สวัสดี" คนที่ตอบก็คือประไพ แต่คำพูดและใบหน้าเหมือนกับไม่ยินดีที่จะรับไหว้เลย "ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ เพราะอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน"
สำราญได้แต่มองหน้าของภรรยาเก่า เพราะดูเหมือนนางจะจริงจังกับเรื่องนี้มาก
"ที่ฉันกับสามีมาในวันนี้ เพื่อจะมาคุยเรื่องแต่งงานของเด็กทั้งสอง หวังว่าคุณคงจะไม่ขัดขวางใช่ไหม"
"คะ?..เออ..ค่ะ"
"น้า!" ตั๊กแตนแอบสะกิดไว้ เพราะมันง่ายเกินไป
"ก่อนที่จะพูดเรื่องสู่ขอ ถามอะไรหน่อยสิ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร" ประไพตวัดสายตามองไปที่ตั๊กแตน เพราะเรื่องนี้ก็ได้ยินลูกสะใภ้เล่าให้ฟังเช่นกัน
"หมายถึงฉันเหรอคะ" ตั๊กแตนถามขึ้นมาเอง "ฉันก็เป็นพี่สาวของจั๊กจั่นไง"
"จริงเหรอลูก" ประไพหันกลับมาถามจั๊กจั่นดูบ้าง
"ไม่จริงค่ะ หนูเป็นลูกสาวคนเดียว"
ได้ความแน่ชัดแล้วนางก็หันกลับไปมองตั๊กแตนอีกครั้ง
"ฉันไม่ได้โกหกนะ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ แต่ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน"
"ลูกพี่ลูกน้อง? นั่นหมายถึงว่าคนนอกครอบครัวแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับในครอบครัว ถ้างั้นก็ช่วยหุบปากหน่อยนะ" นางไม่ชอบคนประเภทนี้มาก ก็เลยพูดแบบไม่ไว้หน้า
ตั๊กแตนพยายามสะกิดน้าอัมพร แต่อัมพรเงียบมาก ขนาดตอนนี้ตัวของนางเอง ยังไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า
"เรามาเริ่มคุยเรื่องของเรากันเลย ได้ยินว่าเรียกค่าสินสอดเท่าไรนะ"
"สองล้าน" ตั๊กแตนยังมิวายพูดออกมา เพราะอยากจะตบหน้าคนใหญ่คนโตด้วยจำนวนเงิน
"สองล้าน? หึ.. ทำไมเรียกค่าตัวลูกสาวฉันถูกจังเลย"
"ถูก??" ยังไม่วายเป็นคนเดิมที่เสียมารยาทพูดขึ้นมา เพราะเงินสองล้าน ถ้าแต่งเมียที่หมู่บ้านแถวนี้ คงได้หลายสิบคน
"วันนี้สินสอดฉันเตรียมมายี่สิบล้าน ฉันไม่ได้ดูถูกเงินสองล้านของพวกเธอหรอกนะ แต่ที่เอามาเยอะ เพราะอยากให้จบๆ ไป แล้ววันนี้ฉันก็จะพาลูกสาวของฉันกลับไปด้วย"
"ลูกสาวหมายความว่ายังไง" แทบจะไม่ได้ยินเสียงแม่แท้ๆของจั๊กจั่น เพราะอัมพรพูดไม่ทันตั๊กแตนสักที และคำนี้ก็เป็นตั๊กแตนที่ถามขึ้นเหมือนเช่นเคย
"ฉันดูจากร่องรอยที่คุณซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ได้ทำร้ายร่างกายของลูก จึงเห็นสมควรแล้วว่า ฉันจะรับหนูจั๊กจั่นไปเป็นลูกบุญธรรม" แต่ประไพก็ทำเป็นไม่สนใจตั๊กแตน ยังหันไปพูดกับอัมพร
"ไม่ได้! น้าฉันไม่ยอมหรอก" พอตั๊กแตนพูดจบประโยคนี้ก็รีบหลบเข้าไปด้านหลังของน้าอัมพร เพราะกลัวสายตาประไพที่มองมา
"ตอนนี้เรื่องยอมหรือไม่ยอมมันไม่สำคัญแล้ว เพราะฉันสามารถทำให้คุณหมดสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้ จริงไหมคะท่าน" ประไพหันไปหาผู้เป็นสามีบ้าง
"แล้วแต่คุณเห็นสมควรเลย" สำราญพูดออกมายังไม่จบประโยคเลยด้วยซ้ำตั๊กแตนก็พูดแทรกขึ้น
"แต่นั่นแม่กับลูกเขา พวกคุณจะ.."
"พอแล้วตั๊กแตน!!" อัมพรหันกลับมาตวาดตั๊กแตนให้หยุดพูด
"น้าไม่เห็นหรือไงว่าเขาจะแย่งลูกของน้าไป"
"เห็นแล้ว เพราะปากเอ็งนั่นแหละ!"
"อะไรนะน้าา ฉันอุตส่าห์รักและหวังดีกับน้าและน้อง"
"เก็บเอาความหวังดีของเธอไปใช้ที่อื่นเถอะตั๊กแตน" คนที่พูดก็คือจั๊กจั่น "ฉันจะกลับไปกรุงเทพฯ กับคุณนายแม่ แม่อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน แต่แม่คงไม่เหงาหรอกมั้ง เพราะยังมีตั๊กแตนข้างกายอยู่นี่"
พอทางตำรวจได้รับคำสั่งก็พาตัวตั๊กแตนออกมาขึ้นรถเพื่อที่จะนำไปดำเนินคดี ตั๊กแตนมีเหรอที่จะไม่โวยวาย แต่พอถูกตำรวจขู่เท่านั้นแหละถึงกับเงียบ
"หรือคุณอยากจะได้สักข้อหาเหมือนหลานรักไหมคะ" พอจัดการกับตั๊กแตนเสร็จ ประไพหันไปพูดกับอัมพรบ้าง เพราะยังนึกโมโหที่เห็นรอยถูกทำร้ายอยู่บนผิวกายของจั๊กจั่น
"คุณนายแม่คะ" จั๊กจั่นรีบพูดขอไว้
"ที่จริงคนแบบนี้น่าจะได้รับบทเรียนบ้าง เชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าลูกสาวได้ยังไง" แต่นางก็ยอมฟังที่จั๊กจั่นขอ เพราะเด็กคนนี้ดูกตัญญูมาก ถูกทำร้ายขนาดนี้ ยังรักและเป็นห่วง คนที่ทำร้ายตัวเองอีก
อัมพรพยายามจะคืนเงินยี่สิบล้านให้กับท่านรัฐมนตรี แต่ท่านก็ไม่รับคืนเพราะได้ให้ไปแล้ว
[บ้านปลายนา]
"ลูกมาอยู่ที่นี่เองเหรอ" ประไพขอมาดูที่พักของลูกชายก่อนที่จะกลับ แต่ที่จริงนางก็บอกให้พ่อของเหนือตะวันกลับไปก่อน เพราะเรื่องทุกอย่างมันลงตัวแล้ว แต่สำราญให้เหตุผลว่าอยากจะมาดูที่พักของลูกชายด้วย
และตอนนี้ทุกคนก็มาอยู่ที่นี่ ส่วนขบวนที่มาต้อนรับ สำราญได้ให้กลับไปหมดแล้ว
"ทำไมถึงไม่ทำถนนลงมาดีๆ ล่ะ จะได้เอารถเข้ามาจอดที่นี่ได้ ไฟฟ้าก็ไม่มีเหรอ"
ที่จริงถ้าเหนือตะวันจะนำพวกนั้นเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขาอยากคงความเป็นธรรมชาติของที่นี่ไว้ให้มากที่สุด ถ้าน้ำประปาไม่จำเป็น เขาก็คงไม่ต่อมา
"คุณพ่อกับคุณแม่ค้างที่นี่สักคืนไหมครับ" เขาอยากให้พวกท่านเห็นความสวยงามของที่นี่ในยามค่ำคืน
"แม่อยู่ได้ แต่พ่อของลูก คงจะอยู่ไม่ได้หรอก เพราะท่านมีคนรออยู่ที่โน่น"
"ไม่มีหรอก" สำราญรู้ดีว่านางหมายถึงอะไร
"เดี๋ยวผมจะเตรียมที่นอนให้พ่อกับแม่แล้วกันนะครับ บ้านอีกหลังยังว่างอยู่" ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าพ่อกับแม่ยังมีใจให้กันอยู่ และเขาจะเป็นคนเติมเต็มให้พวกท่านเอง
ตัดมาที่เสกสรรกับจั๊กจั่น
พอจบเรื่องทุกอย่าง เขาก็พาเธอเข้ามาในห้องนอนที่บ้านของตัวเอง เพราะตอนนี้ถือว่าจั๊กจั่นเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาแล้ว
"พี่พูดยังไงทำไมพวกท่านถึงยอมมา" ไม่ใช่แค่ยอมมาสิ แต่พวกท่านหอบเงิน 20 ล้านมาด้วย จั๊กจั่นถึงอยากจะรู้ว่าเสกสรรพูดยังไง ขนาดเหนือตะวันเป็นลูกชายแท้ๆ ยังหมดปัญญา
"อยากรู้จริงเหรอ"
"ถ้าไม่อยากรู้จะถามหรือไง"
"มันเป็นความลับสุดยอดเลยนะ แต่ถ้าอยากรู้ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันหน่อย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สยบรัก