ชิม่อนรับรู้ได้ถึงความชัดเจนในบทบาทของเขาในตระกูลนี้ เขาเป็นคนที่มีวรรณะที่ต่ำต้อยที่สุด
ทั้งเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ส และหลุยส์ ฟลินเดอร์ต่างก็มีพลังที่จะปิดปากเขาได้ทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ
มันคงจะง่ายเหมือนการขยี้มดด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาไม่ต้องการพูดอะไร ไม่ว่าเขาจะสงสัยหรือรู้สึกสับสนเพียงใดก็ตาม
เขากลัวว่าเขาจะถูกฆ่าทิ้งถ้าหากว่าเขารู้มากเกินไป
ชิม่อน ฟลินเดอร์ไม่กล้าคิดว่าตระกูลฟลินเดอร์นั้นไร้เดียงสาอย่างที่เคยเป็น
เพราะสัตว์ประหลาดอายุนับพันปีที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็ทำให้เขาตกใจมากพอแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงสงสัยเกี่ยวกับอายุของชายผู้นี้อยู่บ้าง แต่ดูเหมือนว่าเจฟฟ์จะไม่ได้หลอกลวงเขา เมื่อเขาได้เห็นชายผู้นั้นทำให้สิ่งของสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ และชิม่อนก็มองไม่เห็นข้อผิดพลาดใด ๆ เมื่อเขาแสดงมันให้ดู
เขาสามารถมีอายุนับพันปีได้อย่างที่เขาพูดจริง ๆ
และถ้าหากเป็นเรื่องจริง สถานการณ์ทั้งหมดอาจจะทำให้ชิม่อนแย่ลงได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่ว่าพวกเขาจะฉลาดแกมโกงและอันตรายมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ใครบางคนที่มีชีวิตอยู่ได้ถึงหนึ่งพันปีเช่นนี้ ชิม่อนไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาสามารถเรียกร่างนั้นว่า "มนุษย์” ได้หรือเปล่า
ความผูกพันที่เขามีต่อตระกูลฟลินเดอร์ได้หายวับไปทันทีหลังจากที่เขาได้รับรู้ความจริง
ราวกับว่าความศรัทธาของเขากำลังพังทลายลง
แต่เห็นได้ชัดว่าเจฟฟ์เองก็ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเขาเลย
ในเวลานี้เขาอารมณ์ไม่ดีนัก
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีของชีวิตที่เขาไม่ได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ และที่แย่ไปกว่านั้น เขารู้สึกอับอายหลังจากที่เขาถูกหลอก
คนที่อวดดีอย่างเจฟฟ์ ฟลินเดอร์ไม่ควรจะได้รับความรู้สึกเช่นนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ชายชราไมค์ก็ขึ้นไปหาเจฟฟ์พร้อมกับกล่องหยกยาวครึ่งเมตร
“นายท่านครับ ผมนำลูกปัดเงินมาแล้วครับ มันอยู่ในกล่องนี้”
เจฟฟ์เอื้อมมือหยิบกล่องมาแล้วเปิดออก
ลูกปัดเงินที่ส่องแสงระยิบระยับวางอยู่ในกล่อง
ผลไม้สีทองเป็นประกายสองสามผลห้อยลงมาจากกิ่งก้านของมัน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่ายาที่เขาทานเป็นประจำ
ชิมอนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เขารู้มานานแล้วว่ายานี้หาได้ยากมากเพียงใด แม้แต่ตระกูลที่มีอิทธิพลก็ยังได้รับอนุญาตให้มีได้ในจำนวนที่จำกัด
เขาคิดว่าเป็นเพราะสูตรยาที่เป็นสาเหตุของการหาซื้อได้ยาก
ในความจริงเป็นจริง เหตุผลที่ตระกูลฟลินเดอร์มีอายุยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้โดยที่หลายคนยังคงเป็นหนึ่งเดียงกันไม่ใช่เพียงเพราะว่าชายชราดูแลตระกูลได้ดี
แต่เป็นเพราะสมาชิกในตระกูล ที่เกิดมาและจะต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยได้ตลอดเวลา ดังนั้นถ้าหากพวกเขาไม่ได้ทานยาให้ทันเวลา จุดจบของพวกเขาก็อาจจะเป็นความตายได้
เพื่อหลีกเลี่ยงชะตากรรมเหล่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้แค่เพียงคอยอยู่ใกล้ชิดกับตระกูลของพวกเขาให้มากที่สุด
นั่นคือเหตุผลที่คนในตระกูลฟลินเดอร์ถูกกำหนดให้ทำงานเพื่อธุรกิจของตระกูลมายาวนานหลายปี ไม่ว่าพวกเขาจะร่ำรวยเพียงใดหรือสถานะทางสังคมของพวกเขาจะสูงเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถไปไหนได้ไกลถ้าหากพวกเขาไม่มีวิธีรักษาความเจ็บป่วยได้เหมือนดั่งตระกูลของพวกเขา
เจฟฟ์มีชีวิตอยู่มานานนับพันปีและเป็นหัวหน้าตระกูลที่แท้จริงมาช้านาน
อาจจะพูดได้ว่า การทำงานให้กับตระกูลฟลินเดอร์ก็เท่ากับการขายจิตวิญญาณของพวกเขาให้กับเจฟฟ์นั่นเอง
ถ้าหากเปรียบเทียบตระกูลเป็นเหมือนดังเครื่องจักรขนาดมหึมา เจฟฟ์ก็จะคงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของมัน
ใบหน้าของชิม่อนซีดลงด้วยความคิดเหล่านั้น
ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่า เขาถูกปล่อยให้กุมความลับมากเกินไปเมื่อเขามาที่นี่ในวันนี้
ไม่เพียงแต่ตัวตนของเจฟฟ์จะถูกเปิดเผยแก่เขาเท่านั้น แต่เรื่องยาก็เช่นกัน...
ไม่มีดินหรือน้ำอยู่ในกล่องแต่ดูเหมือนว่าต้นไม้จะเติบโตได้ด้วยตัวมันเอง หากแสงส่องไปที่ผลไม้สีทอง พวกมันจะดูน่าหลงใหลราวกับลูกโลกทองคำ
เขาอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
“ฉันเชื่อว่านายทำได้ใช่ไหม?" เจฟฟ์ถาม
ชิม่อนพยักหน้า
เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวของตัวเองในขณะที่เขายื่นมือไปรับกล่องหยก
สิ่งนั้นคือกุญแจสำคัญในการควบคุมชะตากรรมของตระกูลมานานนับพันปี
มีผู้คนกี่คนที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลเพียงเพื่อให้ได้ชิ้นส่วนของสิ่งนั้น? และจะมีสักกี่คนที่จะสามารถเพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษเช่นนั้นได้?
ด้วยพลังที่เจฟฟ์มี ทำให้เขาดูเหมือนจักรพรรดิมากกว่าหัวหน้าตระกูล
ดูเหมือนว่าโอกาสจะอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วในตอนนี้ ถ้าเขาสามารถปลูกเองและขยายพันธุ์ได้มากกว่านี้ คนที่เคยเชื่อฟังคำสั่งของหลุยส์ก็จะ...
ในเวลานั้น ราวกับว่าสมองของเขาถูกกระแทกด้วยบางอย่างที่หนักหน่วง เขารีบสะบัดความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว
จู่ ๆ เขาก็หันกลับมามองเจฟฟ์อย่างไม่เชื่อสายตา
เจฟฟ์ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยใบหน้าที่ดูสงบนิ่งราวกับว่าเขาไม่ได้เห็นท่าทางแปลก ๆ ของชิม่อนเลย
เขาเหลือบมองไปที่เจฟฟ์ จากนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขากำลังตกเป็นเป้าหมายของงูพิษ จนทำให้ตัวเขาสั่นและเหน็บหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง
ไม่ มันไม่ถูกต้อง
เจฟฟ์ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ
ถึงแม้ว่าเกรกอรีจะใช้หยกอาถรรพ์ข่มขู่ว่าเขาจะสังหารพวกเขา แต่จากการสนทนาของพวกเขาก็ชัดเจนแล้วว่า เกรกอรีไม่รู้ว่าเจฟฟ์เป็นสัตว์ประหลาดที่มีอายุถึงหนึ่งพันปี
เขาบอกเจฟฟ์ผ่านกล้องสอดแนมว่า ชายชราจะต้องไปลงนรกกับพวกเขา ถ้าหากว่าวิกกี้กับเขาตายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก