มิหนำซ้ำ สำหรับเธอ เด็กคนนี้จะเป็นเพียงความทรงจำของเขาเท่านั้น!
เจเน็ตไม่ได้พูดออกไปดัง ๆ เธอเพียงแค่ยิ้ม ใบหน้าของเธอฉายความอ่อนโยนและสงบเยือกเย็นออกมา
“ฉันพิจารณาดูแล้ว และฉันตัดสินใจที่จะคลอดเขาให้ลืมตาดูโลกนี้และเลี้ยงดูเขาให้เติบโต ไม่ว่าฉันจะต้องเผชิญกับอะไรที่ยากลำบากในอนาคตก็ตาม ฉันจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจที่ฉันได้ทำลงไปในวันนี้ นอกจากนี้ เมื่อการก้าวเดินไปข้างหน้ามันยาก ฉันยังคงมีเธออยู่ใช่ไหม? การเป็นแม่ทูนหัวคงจะไม่ง่ายนัก เธออยากเป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ของเราไหม?”
เนลล์โกรธมาก จนเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปอีกดี
เธอไม่สามารถห้ามตัวเองให้กลอกตาได้
“ได้ ได้ ได้! ฉันจะเป็นนางฟ้าผู้พิทักษ์ของเธอ แต่เธอจะอธิบายเรื่องนี้กับคุณลุงแฮนค็อกอย่างไร? ฉันได้ยินว่าทั้งสองคนทะเลาะกันก่อนที่เธอจะย้ายออกมา เขาจะไม่ยอมให้เธอคลอดลูกคนนี้”
เจเน็ตเงียบไปชั่วครู่
จากนั้นเธอก็พูดออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวด “ฉันคงต้องยอม ถ้าเขาไม่ยอมยกโทษให้ฉัน เขาแค่ต้องแสร้งทำเป็นเหมือนกับว่าเขาไม่เคยมีฉันเป็นลูกสาว สุดท้ายแล้ว... สุดท้ายแล้ว ฉันไม่เคยทำให้เขาภูมิใจและให้เกียรติเขาเลย”
คำพูดของเธอสร้างความเจ็บปวดให้กับเนลล์
“เจน”
เจนเน็ตฝืนยิ้มและเงยหน้าของเธอขึ้นมา
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องปลอบฉัน ฉันหมายถึงฉันได้คิดทุกสิ่งทุกอย่างแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉัน คือดูแลลูกในท้องของฉัน สภาพแวดล้อมในประเทศคงไม่เหมาะสม แม้ว่าฉันจะตัดสินใจแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้คนภายนอกได้รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นฉันจะเดินทางออกจากประเทศภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้าเธออยากจะมาเยี่ยมฉัน เธอสามารถบินมาหาที่ต่างประเทศได้ เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้วฉันจะกลับมานะ"
เนลล์พบว่ามันยากที่จะแสดงถึงความเศร้าและเสียใจของเธอ
อย่างไรก็ตามเมื่อเจเน็ตตัดสินใจแล้ว เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสนับสนุนเพื่อนสนิทของเธอ
เธอลุกขึ้นไปนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของเจเน็ตและจับมือของอีกคน
“เจน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าลืมว่าคุณยังมีฉันอยู่”
เจเน็ตยิ้มและพยักหน้ารับ
...
สามวันต่อมา เจเน็ตออกเดินทาง
วันนั้น เนลล์เป็นคนไปส่งเธอที่สนามบิน เธอยังส่งเบอร์โทรศัพท์ของคนที่เธอเคยรู้จักในประเทศเอฟ หากมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น อย่างน้อยเจเน็ตจะได้ติดต่อใครสักคนได้
เจเน็ตพูดติดตลกเกี่ยวกับการที่เธอมาส่งเนลล์เมื่อห้าปีที่แล้ว และตอนนี้ เธอกลับเป็นคนที่เนลล์มาส่ง ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร มันก็รู้สึกเหมือนเป็นการเปลี่ยนร่างของกันและกัน
เนลล์ยิ้มออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่อาจทนที่เจเน็ตทิ้งเธอไปแบบนี้ แม้ว่าพวกเธอจะยังสามารถพบกันที่ประเทศเอฟ ได้ก็ตาม
ในทางกลับกันมันก็ไม่สะดวกเหมือนกับพบกันที่จินเฉิง นอกจากนั้นเจเน็ตยังไม่เต็มใจที่จะบอกความลับของเธอ ซึ่งทำให้เนลล์เป็นกังวล
อย่างไรก็ตาม เนลล์ก็ไม่ได้บอกว่าเธอคิดอย่างไร หลังจากที่ส่งเจเน็ตเสร็จแล้ว เธอก็กลับไปที่บริษัท
กิดเดียนไปที่เมืองหลวงเป็นเวลาสองวันแล้วเพื่อไปส่งท่านผู้หญิงและลิซซี่กลับ
ลิซซี่สุขภาพไม่ดีและต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ทุกครั้งกิดเดียนจะไปกับเธอด้วย
เนลล์เองก็อยากไปกับพวกเขาด้วยเช่นกัน แต่เรื่องของเคธี่ในจินเฉิง เธอจำเป็นจะต้องดูแลเรื่องนี้อยู่ตลอด เธอจึงไม่สามารถทิ้งไปได้ ดังนั้นเธอคงจะสามารถไปที่นั่นในครั้งต่อไป
กาเร็ธและเอริค มีความสุขมากเมื่อรู้ว่าเธอกลับมาอย่างปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่เชื่ออะไรก็ตามที่เซลีนพูด ตอนนี้ความเชื่อของพวกเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ของเนลล์ พวกเขาอดที่จะรู้สึกเศร้าไม่ได้
แม้ในขณะนี้จะรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ต้องกลับไปทำงาน
คืนนั้น กาเร็ธจัดงานสังสรรค์ที่หอประชุมเซียนสุ่ย และได้เชิญเนลล์ด้วย
ผู้ที่มาร่วมงานเป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียง และผู้ที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงส่วนตัว ผู้ที่ถูกเชิญมาร่วมงานจึงมีไม่มากนัก และไม่ใช่งานเลี้ยงที่เกี่ยวกับเรื่องงาน
เนื่องจากเนลล์ก็อยู่ในวงการนี้เช่นกัน การสังสรรค์กับคนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เป็นเรื่องดีที่กาเร็ธวางแผนเพื่อจัดงานนี้ขึ้นมา และเชิญเธอด้วย เป็นธรรมดาที่เธอไม่ควรจะมองข้ามความมีน้ำใจของเขา
เวลา 20:00 น. ณ หอประชุมเซียนสุ่ย เต็มไปด้วยบรรดาแขกเรื่อที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่หรูหราและคับคั่งไปด้วยเสียงพูดคุย
กิดเดียนอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินเธอตอบ เสียงของเขาอ่อนลง “ผมจะกลับไปวันพรุ่งนี้ คุณจะมารับผมที่สนามบินได้ไหม?”
เนลล์นิ่งไป เธอคาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเร็วเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้ารับและตกลงที่จะไปรับ
คนทั้งคู่พูดคุยกันอยู่นานก่อนจะวางสายไป
หลังจากวางสาย เนลล์ปล่อยให้สายลมพัดผ่านเพื่อทำให้เธอสงบลง เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอหายจากอาการมึนเมาแล้ว เธอจึงหันกลับมาและเตรียมตัวกลับ
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็สังเกตเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินมาหาเธอ
“ไซม่อนเหรอ? คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ไซม่อนมีท่าทางเย็นชาตามปกติของเขา เขาถือแก้วไวน์ไว้ในมือของเขา
“ผมตัดสินใจมาร่วมงานสังสรรค์ พี่สะใภ้ คุณมาทำอะไรที่นี่ แทนที่จะติดสอยห้อยตามพี่ชายของผมไปที่เมืองหลวง?”
เนลล์ยิ้มออกมา “คือคุณได้รับอนุญาตให้ร่วมงานสังสรรค์ได้ แต่ฉันไม่อย่างนั้นสิ?”
ไซม่อนลูบจมูกของเขา “ก็พี่ชายของผมไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องเข้าร่วมงานนี่”
แต๊ง! สองพี่น้องนี้มีความคิดเหมือนกัน ที่ว่าคนในครอบครัวต่างคิดอะไรเหมือน ๆ กันนั้น เป็นความจริง!
เนลล์ดูเวลาและตระหนักได้ว่าดึกแล้ว เธอจึงตัดสินใจขอตัว
“เอาล่ะ ฉันกำลังจะกลับเข้าไปข้างใน อย่าดื่มเยอะ เข้าใจไหม?”
ไซม่อนพยักหน้า
จากนั้นเนลล์ก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ประตูของห้องส่วนตัวที่อยู่ประตูถัดไปถูกผลักออก และชายที่มีอาการมึนเมาอย่างหนักปิดปากของเขาพลางทรุดลง
เนลล์ตกใจ ด้วยความรำคาญที่มีต่อชายคนนั้น เธอจึงเดินผ่านไปยังห้องส่วนตัว และเขาก็พุ่งชนเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก