ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก นิยาย บท 265

ณ ตระกูลโจนส์

คฤหาสน์ของตระกูลโจนส์สว่างไสว

ท่านผู้หญิงโจนส์นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ ขณะที่คุณการ์เร็ตต์นั่งที่ตรงข้าม เขาแสดงท่าทางจริงจังออกมา

“มั่นใจได้เลยคุณการ์เร็ตต์! ฉันสัญญาว่าอะไรก็ตามที่คุณสั่ง จะเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันและจะดูแลมันอย่างดี”

โจเซฟ การ์เร็ตต์ยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเชื่อใจคุณท่านผู้หญิงโจนส์ พวกเราทำการสืบเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และพวกเราพบเพียงว่าเด็กคนนี้น่าจะถูกนำมาที่จินเฉิงโดยขบวนการค้ามนุษย์ในตอนนั้น เบาะแสที่เหลือหายไป การค้นหาของเราจึงไร้ผล เราจึงพึ่งพาคนอื่นได้เท่านั้น ถ้าพูดถึงการตามหาคนในจินเฉิง ตระกูลโจนส์ไม่เป็นสองรองใคร”

“ผมเดินทางมาที่จินเฉิงเป็นการส่วนตัวในครั้งนี้เพื่อจัดการเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นปัญหาภายในของตระกูลการ์เร็ตต์ เช่นนั้นผมหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”

“พ่อของผมป่วยมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว และในเวลานี้ เขาปรารถนาที่จะพบลูก ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะสามารถตามหาเด็กคนนั้นเจอหรือไม่ก็ตาม กรุณาแจ้งให้ผมทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อผมยืนยันทุกอย่างแล้ว ผมจะบอกข้อมูลกับเขา เพื่อเขาจะไม่ตื่นเต้น”

มาดามโจนส์พยักหน้า

“เป็นปกติ ไม่ต้องกังวลไปคุณการ์เร็ตต์ ถ้าเรามีอะไรเพิ่มเติม ฉันจะแจ้งให้คุณทราบอย่างแน่นอน”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ขอบคุณท่านผู้หญิงมาก นี่คือรูปถ่ายของเด็ก แต่มันถูกถ่ายเมื่อเธออายุได้ไม่กี่เดือน ดังนั้นตอนนี้มันแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย”

โจเซฟยื่นภาพเก่า ๆ สีเหลืองให้กับเธอพร้อมกับใบหน้าที่สิ้นหวังของเขา

ท่านผู้หญิงโจนส์ มองภาพถ่ายและพิจารณามัน

แม้ว่าภาพถ่ายสีเหลืองใบนี้จะถูกถ่ายมามากกว่าสิบปีก่อน ทว่ามันยังอยู่ในสภาพดี

สามารถบอกได้ว่าเจ้าของภาพนี้เก็บรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดี

ท่านผู้หญิงมองมันและหัวเราะเบา ๆ

“ด้วยความสัตย์จริง เด็ก ๆ ส่วนใหญ่หน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่เด็กคนนี้มีลักษณะค่อนข้างดี ตัดสินจากในรูป เธอดูคล้าย ๆ กับเนลลี่ เมื่อครั้งเธอยังเด็ก”

ชายวัยกลางคนข้าง ๆ เธอ ขัดจังหวะขึ้น “คุณแม่ คุณลืมไปแล้วหรือ? เนลล์มีพ่อแม่ เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เคธี่ มอร์ริสัน ตั้งครรภ์เนลล์ พวกเรายังเคยไปเยี่ยมเธอที่บ้านเลย แล้วเธอจะเกี่ยวข้องกับคุณการ์เร็ตต์ได้อย่างไร?”

ท่านผู้หญิงโจนส์หัวเราะ “ใช่ ใช่ มันเป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น”

อย่างไรเสียโจเซฟก็สนใจกับคำกล่าวนั้นของเธอ

“คุณกำลังหมายถึงคุณเจนนิงส์ที่ร้องเพลงให้พวกเราที่หอประชุมเซียนสุ่ยใช่ไหม?”

ท่านผู้หญิงโจนส์พยักหน้ารับ “นั่นเธอล่ะ”

โจเซฟยิ้ม “จริง ๆ แล้ว เมื่อผมสบตาเธอครั้งแรก ผมคิดว่าเธอคล้ายกับแอนนี่มาก แต่ผมก็ไม่ได้พูดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอ ความรู้สึกที่เธอแสดงออกมา เมื่อเธอมองมาเธอมีเสน่ห์ เธออายุเท่าไร?”

“ยี่สิบห้าปี ฉันคิดว่าแบบนั้น!”

“ยี่สิบห้าปีหรือ?” โจเซฟเลิกคิ้ว

หากแอนนี่ยังคงมีชีวิตอยู่ เธอน่าจะมีอายุราว ๆ ยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปี

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกตื่นเต้น “คุณบอกว่าแม่ของเธอคือ เคธี่ มอร์ริสัน ใช่ไหม? คุณเป็นพยานรับรู้ว่าเคธี่ให้กำเนินเธอด้วยตาของพวกคุณเองหรือไม่?

ท่านผู้หญิงโจนส์งงงวย

ณ เวลานั้น เธอไม่ได้อยู่ที่จินเฉิง และไม่ได้เป็นสักขีพยานในการเกิด เธอเพียงแค่ไปเยี่ยมเคธี่เมื่อครั้งที่เธอตั้งครรภ์และอุ้มลูกของเธอหลังจากที่เธอคลอดแล้วเท่านั้น

ท่านผู้หญิงพูดไม่ออก

ขณะที่เธอกระอักกระอวน ก็มีเสียงดังขึ้นที่ประตูทางเข้า “แน่นอน ฉันเห็นมันด้วยตัวของฉันเอง”

ทุกคนมองไปที่ทางเข้าประตูและเห็นหญิงวัยกลางคนเดินมาหาพวกเขา

ท่านผู้หญิงแนะนำเธอ “โอ้ ฉันขอแนะนำลูกสะใภ้ของฉัน ฟรานเชสก้า คอนเนอร์ ฟราน นี่คือคุณผู้ชายที่สองของตระกูลการ์เร็ตต์จากเมืองหลวง คุณสามารถเรียกเขาว่า คุณการ์เร็ตต์”

ฟรานเชสก้าทักทายเขา

โจเซฟถามเธอด้วยความรีบร้อน “คุณเห็นเหตุการณ์เมื่อเธอคลอดด้วยตาของคุณเหรอ?”

ฟรานเชสก้ายิ้มตอบกลับไป “ใช่ แม่ของเคธี่เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อเคธี่ทำงาน เธอไม่มีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงที่ไว้วางใจได้ เนื่องจากพวกเราเป็นเพื่อนกันระหว่างครอบครัว และฉันมีลูกเร็วกว่าเธอสองปี ฉันตัดสินใจที่จะไป และฉันการันตีว่าเนลล์เป็นลูกสาวของเคธี่”

โจเซฟเห็นว่าเธอจริงจังและรู้สึกผิดหวังมากแค่ไหน

ดังนั้นเธอจึงมองหาร้านอาหารเพื่อรับประทานอาหาร

อย่างไรก็ตามเมื่อเธอตัดสินใจได้และกำลังจะมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารร้านนั้น เธอก็ชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่ประตู

คุณการ์เร็ตต์? เขามาทำอะไรที่นี่?

โจเซฟไม่คาดคิดว่าเขาจะเจอเธอที่นี่เหมือนกัน เขายิ้มออกมา “อ้าว คุณเจนนิงส์ มาทานอาหารเที่ยงที่นี่เหรอ?”

เนลล์ยิ้มตอบและพยักหน้า “ค่ะ คุณก็เช่นกันหรือคะ?”

“ใช่ ฉันกำลังจะขึ้นเครื่องบินกลับไปที่เมืองหลวง ตอนนี้เป็นเวลาอาหารกลางวันและฉันตัดสินใจมาหาอะไรกินเพราะฉันพอจะมีเวลาอยู่บ้าง”

เนลล์พยักหน้า พวกเขาเงียบไปชั่วขณะ เธอไม่มีความคิดที่จะพูดอะไรและเตรียมจะขอตัว

ทันใดนั้น โจเซฟก็ถามเธอ “คุณมาคนเดียวเหรอคุณเจนนิงส์?”

เนลล์ตอบกลับ “ค่ะ”

“ฉันก็มาคนเดียวเหมือนกัน ถ้าคุณไม่รังเกียจนะคุณเจนนิงส์ พวกเราไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันได้”

เนลล์รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย “ฉัน...ฉันจะไม่รบกวนคุณเหรอคะ?”

“ไม่เลย เป็นเรื่องดีเสียอีก ฉันยังไม่มีโอกาสขอบคุณคุณที่คุณร้องเพลงให้ฉันฟังในตอนนั้นเลย เอาแบบนี้ไหม? ฉันจะเลี้ยงอาหารกลางวันเอง”

เนลล์เขินอายและอยากจะปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอ

โจเซฟกล่าวเสริมอย่างรีบร้อน “มันน่าเบื่อที่จะต้องทานอาหารตามลำพัง ถ้าคุณไม่รังเกียจ เราไปทานเป็นเพื่อนกันเถอะ”

เพราะเขาพูดแบบนั้น การปฏิเสธเขาคงจะค่อนข้างหยาบคาย

ยิ่งไปกว่านั้น การรับประทานอาหารเพียงคนเดียวหรือรับประทานอาหารกับผู้อื่นก็ไม่ได้แตกแต่งกันมากนัก

ดังนั้นเมื่อเนลล์คิดเช่นนั้นและตกลง “ได้ค่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก