ในวันข้างหน้าเกรกอรีจะหลอกใช้วิกกี้เหมือนกับที่เขาทำกับยูเลียนา เพื่อให้ตัวเขาเองได้ในสิ่งที่เขาต้องการแบบนี้หรือเปล่า?
เมื่อเขากล้าที่จะฝ่าฝืนหลักการของเขาเป็นครั้งแรก เขาก็จะทำลายหลักการของเขาเป็นครั้งที่สอง จากนั้นเขาก็จะทำมันต่อ ๆ ไปอีกจนนับครั้งไม่ถ้วน
วิกกี้ไม่กล้าที่จะจินตนาการต่อ เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในอนาคต
เธอรู้สึกซับซ้อนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ดังนั้นเธอจึงกินอะไรได้ไม่มากในช่วงกลางวัน
เธอเคยคิดที่จะห้ามเกรกอรี
แต่นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่า ยูเลียนาเต็มใจที่จะทำแบบนั้นแล้ว เกรกอรีเองก็อาจจะไม่ได้ซาบซึ้งในการปรากฏตัวของวิกกี้เลยก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่สามารถไปงานแต่งงานของฮัดสันได้โดยที่ไม่มีบัตรเชิญ
วิกกี้จึงเลิกคิดแบบนั้น
หลังจากที่เธอรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ เธอก็ชวนมัสซิโมมาพูดคุยด้วย
วิกกี้กำลังดื่มชาอยู่ที่ลานหลังบ้าน ตอนที่มัสซิโมมาถึง
เมื่อเธอเห็นมัสซิโมกำลังเดินมา เธอก็โบกมือให้เขา “มาชิมชาที่ฉันเพิ่งจะชงเสร็จใหม่ ๆ กันเถอะ”
มัสซิโมส่งยิ้มขณะที่กำลังเดินเข้าไปหาเธอ หลังจากที่เขานั่งลง เขาก็หยิบชาที่วิกกี้เทให้เขาขึ้นมาจิบ
“ไม่เลวเลยหนิ ฝีมือการชงชาของเธอยังดีเหมือนเดิม”
วิกกี้ยิ้มออกมา
เธอคิดไม่ออกเลยว่าทำไมเกรกอรีถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ นั่นคือเหตุผลที่เธอชวนมัสซิโมมาพูดคุยด้วยเพื่อหาคำตอบ
เธออยู่ในคุกมาสี่ปี ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่รู้ว่าตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา เกรกอรีต้องเจอกับอะไรมาบ้าง
แต่มัสซิโมกลับแตกต่างออกไป
ตระกูลโนแลนเป็นกลุ่มธุรกิจที่เที่ยงตรง ซึ่งแตกต่างจากตระกูลเกรแฮมด้วยสิ้นเชิง
แต่ไม่ว่ายังไงมัสซิโมและเกรกอรี ก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก รู้แบบนี้แล้ว มันคงจะไม่เป็นการโอ้อวดเกินไป ที่จะเรียกพวกเขาว่า สองพี่น้องฮาร์คอร์
ในตอนนั้นเธอไม่เชื่อว่ามัสซิโมจะไม่รู้อะไรเลย ว่าทำไมเกรกอรีถึงได้ตัดสินใจทำอะไรแบบนั้น
ขณะที่เธอกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ ดวงตาของเธอก็หม่นหมองลง
มัสซิโมรู้ว่าวันนี้เกรกอรีไม่ได้อยู่ที่บ้าน และเขาก็ยังรู้อีกด้วยว่าวิกกี้จะเรียกให้เขามาหาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
หลังจากดื่มชาเสร็จแล้ว เขาก็รีบตรงเข้าประเด็นทันที “บอกฉันสิ ว่าเธออยากจะรู้เรื่องอะไร?”
วิกกี้มองมาที่เขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม ก่อนจะถามว่า “นายรู้ได้ยังไงว่าที่ฉันชวนนายมาที่นี่เพราะว่าฉันอยากรู้อะไรบางอย่าง?”
มัสซิโมหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
“ทั้งเธอและเกรกอรีมีนิสัยแบบเดียวกัน พวกเธอทั้งสองคนจะไม่มีวันแสดงความสนใจกับใครสักคน เว้นแต่ว่าจะมีเรื่องที่อยากจะรู้อยู่ในใจ ถ้าฉันไม่มีอะไรที่เธอต้องการ เธอจะไม่โทรเรียกให้ฉันมาหาแบบนี้หรอก”
เขาหยุดพูดครู่หนึ่ง ก่อนจะคาดเดาด้วยความกระตือรือร้น “เรื่องของเกรกอรีใช่ไหม?”
วิกกี้ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรกับเขาอยู่แล้ว เธอจึงพยักหน้ารับ
สีหน้าของมัสซิโมกลายเป็นเคร่งขรึมในทันที
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เรื่องระหว่างเรามันช่างน่าอึดอัดจริง ๆ คนหนึ่งก็พี่ชายของฉัน อีกคนก็เพื่อนของฉัน ถ้าเธอถามอะไรที่ฉันไม่สะดวกจะพูด ฉันควรจะตอบเธอดีรึเปล่า? เพราะฉันอาจจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกไม่พอใจก็ได้”
แต่วิกกี้กลับไม่ได้รู้สึกอะไร เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ตรงกันข้าม เธอกลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
“นี่นายกำลังสื่อให้เห็นว่าเขากำลังปิดบังอะไรบางอย่างกับฉันอยู่หรือเปล่า?”
มัสซิโมชะงักไปด้วยความตกใจ
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมารู้สึกตัว และเริ่มหัวเราะออกมา
เขาชี้ไปที่วิกกี้พลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็หัวเราะ “เธอนี่ยังฉลาดเหมือนเดิมเลยนะ ฉันยังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเลย แต่เธอก็สามารถหาคำตอบได้โดยการเดาใจของฉัน”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมาแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับเกรกอรีหรือเปล่า?”
“ทุกคนคิดว่าในที่สุดพวกเขาจะได้พบกับความสงบสุขหลังจากจบสงคราม”
“แต่กองทัพทหารมังกร กลับถูกโจมตีโดยไม่คาดคิดหลังสงครามจบได้เพียงไม่นานนัก”
“ฝ่ายที่เข้าโจมตีมีพลังอำนาจมากมาย และโอกาสก็อยู่ในมือของพวกเขา หากการจู่โจมนั้นเกิดขึ้นก่อนสงคราม กองทัพทหารมังกรก็คงไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว แต่ทว่ากองทัพทหารมังกรได้รับบาดเจ็บสาหัสหลังจากสงครามมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทนต่อการถูกโจมตีอีกครั้งได้”
“กองทัพทหารมังกรอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุด ฝ่ายตรงข้ามที่รู้ดีอยู่แล้วว่ากองทัพทหารมังกรไม่สามารถฟื้นตัวจากสงครามครั้งก่อนได้ทันอย่างแน่นอน ดั้งนั้นพวกเขาจึงใช้โอกาสนี้โจมตีกองทัพทหารมังกร”
“ในที่สุด กองทัพทหารมังกรก็ถูกฉีกออกจากกันเป็นชิ้น ๆ”
“แม้จะอยู่ภายใต้การแนะนำของเกรกอรี ซึ่งทำให้กองกำลังที่เหลือมีความมั่นคงเหลืออยู่ แต่สงครามก็ยังคงสร้างความเสียหายอย่างมากต่อกองทัพทหารมังกร ด้วยเหตุนี้ กองทัพทหารมังกรจึงยังคงไม่สามารถฟื้นคืนได้จนถึงในตอนนี้”
“ส่วนเกรกอรีเป็นคนแบบไหนน่ะเหรอ?”
“เขาเป็นคนประเภทที่ไม่ยอมให้ตัวเองต้องทนทุกข์อยู่ในความเงียบได้”
“เขาแอบไปรู้มาว่า การถูกโจมตีในครั้งนั้นเป็นคำสั่งของใครบางคน”
“ดังนั้น เขาจึงส่งสายลับไปตามสืบอย่างลับ ๆ และในที่สุด เบาะแสก็ได้ชี้ไปที่ตระกูลฟลินเดอร์”
“แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เพราะแม้แต่ตัวของเกรกอรีเอง ก็ยังไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขานั้นจะเป็นความจริง ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือคนของตระกูลฟลินเดอร์ได้บุกรุกอาณาเขตของตระกูลเกรแฮม”
“หากเขาไม่หาวิธีแก้แค้นให้เร็วที่สุด เขาก็จะหมดหนทางหนี”
“เขาไม่ได้คิดถึงแค่ตัวเขาคนเดียวเท่านั้น เพราะเขายังต้องคำนึงถึงความเป็นอยู่ของสหายนับพันที่ยังคงติดตามเขาอยู่ด้วยเหมือนกัน”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องเข้ายึดครองตระกูลฟลินเดอร์” มัสซิโมถอนหายใจออกมา หลังจากที่เขาพูดจบ
เขามองไปที่วิกกี้และพูดว่า “ฉันรู้ว่าเธอใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมา แต่เกรกอรีก็ยากลำบากไม่แพ้กัน เขาไม่เพียงแต่โดนลอบสังหารมาหลายต่อหลายครั้งเท่านั้น แต่เขายังคงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการเรื่องธุรกิจของเขาอีกด้วย
“พวกตระกูลฟลินเดอร์ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด พวกมันอาจจะโปร์ไฟล์ต่ำ แต่พวกมันอาจจะแข็งแกร่งกว่าต้นชงโคก็เป็นได้ กองทัพทหารมังกรอาจจะยังคงมีอำนาจไปพร้อม ๆ กับตระกูลเกรแฮมจากประเทศจีน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลฟลินเดอร์ที่มีประวัติมานับพันปี พวกเขาถือว่ามีอำนาจน้อยกว่ามาก
“วิก เธอเคยเห็นต้นไม้ที่มีอายุร้อยปีมาก่อนไหม? ต้นไม้อายุร้อยปีอาจดูเหมือนต้นไม้ธรรมดาที่มีลำต้นหนากว่าต้นอื่นเล็กน้อย แต่เมื่อไหร่ที่พายุได้พัดโหมกระหน่ำเข้ามา เธอจะรู้ว่าต้นไม้อื่น ๆ ทั้งหมดจะล้มลง แต่ต้นไม้ที่มีอายุร้อยปี จะเป็นต้นไม้เพียงต้นเดียวที่ยังคงยืนอยู่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก