คน ๆ นั้นจ้องตากับเขาโดยไม่พูดอะไรออกมา
เกรกอรียิ้มออกมาอย่างเย็นชา
ฮาโรลด์หยิบแส้ขึ้นมา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “นายน้อยกำลังถามแกอยู่นะ แกไม่ได้ยินที่เขาถามเหรอ? ตอบเขาสิ!”
คน ๆ นั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมา ด้วยความเจ็บปวดจากกการถูกเฆี่ยนตี แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังจ้องมองไปที่เกรกอรี ก่อนจะพ่นเลือดที่อยู่เต็มปากของเขาออกมา
แววตาของวิกกี้เย็นชาลง
ช่างเป็นคนที่จัดการได้ยากเย็นซะจริง
เกรกอรีไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย “ไม่เป็นไรถ้านายไม่อยากพูด เพราะฉันมีวิธีที่จะทำให้ฉันรู้ ในสิ่งที่ฉันอยากรู้อยู่เสมอ”
เขามองต่ำก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันจำได้ นายอยู่กับฉันมาตั้งแต่อายุสิบสามแล้วใช่ไหม?”
อีกฝ่ายยังปิดปากเงียบ
เกรกอรีพูดต่อว่า “ครอบครัวของนายถูกกดขี่ข่มแหง โดยบุคคลสำคัญทางการเมืองในท้องถิ่นในปีนั้น พี่สาวของนายเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ และแม่ของนายก็ป่วยหนัก นายไม่มีเงินซื้อยาและโรงพยาบาลก็ไม่รับแม่ของนายเข้ารักษา ดังนั้นนายจึงขอเข้าร่วมชมรมต่อสู้ที่ผิดกฎหมายตั้งแต่อายุยังน้อย โดยหวังว่านายจะสามารถช่วยแม่ของนายได้ด้วยตัวของนายเอง”
“จากนั้นฉันก็ได้เจอกับนายโดยบังเอิญ และช่วยชีวิตตอนที่นายกำลังถูกตีแทบตาย ฉันให้เงินนายไปดูแลแม่ของนาย และให้โอกาสเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องถูกใครทำร้ายจนปางตายอีก”
“ฉันให้งานนายตอนที่นายไร้ความมั่นคง เพื่อที่นายจะได้ทำงานอยู่ที่นี่ และไม่ต้องอดมื้อกินมื้ออีกต่อไป ในขณะที่นายมีเงินใช้เหลือเฟือขนาดนี้ ฉันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าทำไมนายถึงได้ทรยศฉัน”
เกรกอรีจ้องหน้าเขา
พวกเขาจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่ง บุคคลนั้นส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมา
เสียงหัวเราะนั้น เปรียบเสมือนดั่งงูพิษที่แลบลิ้นสองแฉกออกมา และเลื้อยขึ้นไปบนกระดูกสันหลังของเขา ที่สร้างความน่ารังเกียจขึ้นมาเป็นอย่างมาก
วิกกี้ขมวดคิ้ว เธอรู้สึกขยะแขยงเมื่ออยู่ต่อหน้าคน ๆ นี้
เธอรู้ดีว่าคนที่จะมาอยู่รอบตัวของเกรกอรีได้นั้น ส่วนใหญ่เขาเป็นคนเลือกเอง
เมื่อพวกเขาได้รับการคัดเลือกมาแล้ว พวกเขาจะถูกส่งให้ไปฝึกกับผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นนักรบที่อุทิศตนให้กับเกรกอรีเท่านั้น
วิกกี้เคยคิดว่าคนแบบนี้จะไม่มีวันทรยศหักหลังเขาอย่างเด็ดขาด
เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้มันคืออะไรกันแน่?
เธออยากจะรู้
ทันใดนั้น คน ๆ นั้นก็หัวเราะเสียงดังลั่นออกมา แล้วตอบพลางหัวเราะไปด้วยว่า “ให้งานฉัน ให้เงินฉันอย่างนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า... ใช่ แกทำอย่างนั้นจริง ๆ แต่ว่าเงินที่ได้มา มันไม่ใช่ได้มาจากหยาดเหงื่อ และเลือดเนื้อของเราเองหรอกเหรอ? เราเสี่ยงชีวิตเพื่อสร้างเงินให้กับแก แต่แกกลับอยู่เฉย ๆ ที่นี่ ทำตัวเป็นผู้สูงส่งและยิ่งใหญ่ ราวกับว่าแกเป็นคนโอบอ้อมอารี แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?"
คำพูดของเขาไม่เพียงแต่วิกกี้เท่านั้นที่ได้ยิน เพราะทั้งเกรกอรีและฮาโรลด์เอง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกันอีกด้วย
เกรกอรีตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “แค่นั้นเองเหรอ? นั่นคือเหตุผลที่นายเลือกที่จะร่วมมือกับพวกเขา แล้ววางระเบิดในห้องของฉันเหรอ?”
คน ๆ นั้นพูดจาเย้ยหยันออกมาด้วยความเย็นชา “ใช่ ฉันขอลี้ภัยไปอยู่กับพวกเขาเอง เพราะนอกจากสัญญาเรื่องเงินแล้ว พวกเขายังให้สัญญาว่าจะให้ตำแหน่งผู้บังคับบัญชากับฉันด้วย”
“ทุกคนคงจะคิดว่าแกได้ช่วยชีวิตของพวกเราเอาไว้ แถมพวกเราก็ยังได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายนี้ เพราะเรามีทั้งอาหาร เสื้อผ้า ที่คลุมหัวนอน และเงินถ้าพวกเราอยู่กับแก”
“แต่ไม่มีใครรู้ว่าพวกเราต่ำต้อยยิ่งกว่าสุนัข พวกเราดำดิ่งสู่อันตรายและเสี่ยงชีวิตเพื่อแก แต่เงินส่วนใหญ่กลับอยู่ในกระเป๋าของแก ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?”
“เพราะว่าแกเกิดมาในครอบครัวที่ดีอย่างนั้นใช่ไหม? หรือเพราะว่านามสกุลของแกคือเกรแฮม? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า... ฉันจะไม่ยอมรับชะตากรรมอันเฮงซวยนี้หรอก!”
ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในขณะที่เขากำลังพูดนั้น ใบหน้าของเขาก็ดูเลวร้ายมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
แต่เกรกอรีก็ไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของเขาออกมา และเธอก็ไม่อยากจะพูดอะไรออกมาในตอนนี้
เธอใช้เวลาครู่หนึ่ง ก่อนจะเม้มปากและพูดว่า “นายอย่าคิดมากไปเลยนะ ไม่ว่านายจะทำอะไรบนโลกใบนี้ สวรรค์จะเป็นพยานให้นายเอง นายไม่สามารถสนองความอยากอาหารของคนที่ไม่รู้จักพออย่างผู้ชายคนนั้นได้หรอกนะ กับคนแบบนั้น ไม่ว่านายจะทำดีสักแค่ไหนก็ตาม เขาไม่มีทางรับรู้หรอก อย่าเก็บคำพูดของเขามาใส่ใจเลย”
เกรกอรีเงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ดวงตาของเขาเผยให้เห็นประกายแห่งความสุข
“เธอเป็นห่วงฉันเหรอ?”
วิกกี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
เมื่อพิจารณาจากท่าทีของเขาแล้ว เธอรู้ว่าคำพูดของคน ๆ นั้น ไม่มีผลอะไรต่อเขาเลย
ดังนั้นเธอจึงเข็นรถเข็นของเขาออกไป เพราะพูดไปก็คงจะเสียเวลาเปล่า
เมื่อเห็นว่าเธอไม่อยากจะตอบคำถาม เกรกอรีจึงเลิกเซ้าซี้เธอต่อไป แต่เนื่องจากความห่วงใยที่แผ่ซ่านออกมาจากรอบ ๆ ตัวของผู้หญิงคนนั้น อากาศหนาวเย็นรอบกายเขาก็เริ่มจางหายไป
เมื่อเธอเข็นเขาออกมาข้างนอกแล้ว วิกกี้ก็ชะลอความเร็วลง
ขณะที่เธอผลักเขาออกไปที่อาคารหลักอย่างช้า ๆ เธอก็ถามว่า “ผู้ชายก่อนหน้านี้ เขาชื่อว่าอะไรเหรอ?”
เกรกอรีตอบอย่างจริงจังว่า “เขาชื่อ เทอร์เรนซ์ โคดี้ ฉันพบเขาในคลับต่อสู้ใต้ดินเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นเขาอายุแค่สิบสามปี แต่กลับต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ”
“ฮ่า!” ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นมันหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว เขาหัวเราะเยาะเย้ยออกมาอย่างเย็นชา “เขายังเด็กมาก แต่กลับต่อสู้ได้อย่างโหดเหี้ยม ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ซ้ำซากจำเจในการต่อสู้ของเขา เขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้สามรอบติดต่อกัน เพียงเพราะเขาสามารถทำทุกอย่างได้โดยไม่สนใจชีวิตของเขาเลย เขาไม่ควรจะลงต่อสู้ในรอบที่สี่ แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะสู้ต่อ จนในท้ายที่สุด เขาก็เกือบถูกคู่ต่อสู้ที่มีพลังมากกว่าโจมตีจนเกือบตาย
“ฉันรู้สึกสงสารเขา ฉันจึงจ่ายเงินเพื่อประกันตัวเขามา ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่มีศักยภาพ ฉันจึงปล่อยให้เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ แล้วก็เก็บเขาเอาไว้ข้างกาย แต่ใครจะรู้...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก