วิกกี้รู้สึกเหมือนกับว่าร่างกายมันยังคงเป็นของเธอ แต่จิตวิญญาณที่อยู่ข้างในนี้เหมือนจะไม่ใช่ของเธอ
ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของวิกกี้ แต่เธอก็สะบัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
วิกกี้ยิ้มไม่ออก เธอคิดกับตัวเองว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่?
เธอที่ไม่เคยเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง เธอที่เชื่อแต่เรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้เท่านั้น ตอนนี้เธอกลับมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวเธอเองอย่างนั้นเหรอ?
เธอส่ายหัว แล้วหันหลังเดินออกจากห้องน้ำมา
แอนเดรียกำลังรอเธออยู่ข้างนอก
เธอเห็นวิกกี้เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอจึงเอ่ยถามด้วยความประหม่าว่า “คุณวิกกี้คะ วันนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ?”
เมื่อคืนก่อน พวกเธอตกลงกันไว้ว่า วิกกี้จะเป็นคนหาทางให้พวกเขาปล่อยตัวแอนเดรียออกไปในอีกสองวันข้างหน้า
เมื่อวิกกี้เห็นท่าทางประหม่าของแอนเดรีย เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“อย่าทำท่าทางแบบนั้นสิ เดี๋ยวพวกเขาก็รู้หรอกว่าเรากำลังจะทำอะไร! เธอแค่ทำตัวให้เป็นปกติ และผ่อนคลายเอาไว้ ตอนนี้ฉันยังไม่มีแผนการที่ชัดเจน รอีกสักพัก แล้วเรามาดูกันว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง"
เมื่อแอนเดรียได้ยินว่าวิกกี้ยังไม่มีแผนที่ชัดเจน ความมั่นใจในตนเองที่เธอมีมาตั้งแต่แรก ก็เหี่ยวเฉาลงทันที
เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย ก่อนจะถามวิกกี้ว่า "แล้ว...มันจะได้ผลรึเปล่าคะ?"
วิกกี้ตอบอย่างแผ่วเบาว่า “ตราบใดที่พวกเขายังต้องการอะไรบางอย่างจากฉัน พวกเขาจะต้องยอมรับข้อเสนอของฉันอย่างแน่นอน เธออย่าได้กังวลไปเลย”
เธอพูด ขณะที่เดินนำออกจากห้องไป
แอนเดรียรีบเดินตามเธอไปติด ๆ
ที่นี่เป็นวิลล่าขนาดสามชั้น และเมื่อคืนนี้พวกเธอถูกจัดให้อยู่ในห้องบนชั้นสอง
ทันทีที่พวกเธอเดินออกมา ก็เจอกับบันไดหินอ่อนกว้าง ที่ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่นหรูหราและสว่างไสว
ในห้องนั่งเล่นนั้น มีชายคนหนึ่งกำลังเอนกาย นั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟาด้วยความเกียจคร้าน และคน ๆ นั้นคงจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ลูเซียส?
เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เขาก็หันหลังกลับมาดู พลางส่งยิ้มเล็กน้อยให้กับวิกกี้
“อรุณสวัสดิ์จ้ะน้องสาว”
วิกกี้หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นในทันที
นี่มันเพิ่งจะผ่านไปได้แค่เพียงคืนเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากเรียกเธอว่าวิกกี้ ไปเป็นเรียกน้องสาวแทนแล้วเหรอ?
ฮ่า! เขาช่างเปลี่ยนสีเร็วเหมือนกับกิ้งก่าจริง ๆ
แต่วิกกี้ก็นึกถึงแผนการของเธอเอาไว้อยู่เสมอ เธอจึงเดินลงไปข้างล่างอย่างว่าง่าย
ตรงข้ามกับเธอ ในแววตาของลูเซียสเปร่งประกายไปด้วยความหวัง
การที่เธอไม่ปฏิเสธ ถือว่าเป็นสัญญาณใหม่สำหรับเขาโดยไม่ต้องสงสัย
เขาหันหน้าไปมองแอนเดรียที่กำลังเดินตามวิกกี้ออกมา เขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของ แอนเดรียดูไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรเลย เธอเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ ตอนที่เห็นเขาเท่านั้น
ลูเซียสหรี่ตาลงเพื่อตรวจสอบวิกกี้อย่างละเอียด
สาวน้อยคนนี้กำลังแสแสร้งทำเป็นว่าเชื่อฟังเขา? มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกเสียจริง
เขาทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไร ก่อนจะลุกขึ้นยืน พลางพูดว่า "ในเมื่อพวกเราตื่นกันครบหมดแล้ว งั้นก็ไปกินข้าวกันเถอะ"
พูดจบเขาก็เดินไปที่ห้องอาหาร
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายที่นั่งตรงข้ามกับเธอ แต่ว่าอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้ม และมองมาที่เธอด้วยสีหน้าปกติเท่านั้น
วิกกี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา พลางพูดว่า “ก็ได้ เอสเป็นว่าสิ่งที่นายพูดนั้นเป็นความจริง เราเป็นพี่น้องกันจริง ๆ แต่นี่มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมนายถึงเพิ่งจะมาหาฉันเอาตอนนี้? จนป่านนี้แล้วทำไมนายถึงยังเลือกที่จะตามหาฉันอยู่ล่ะ?
“อย่าบอกนะว่านายเพิ่งจะหาตัวฉันเจอ ฉันไม่เชื่อหรอก เพราะขนาดแดน ทินน์เพิล และคนอื่น ๆ ยังหาฉันเจอได้อย่างง่าย ๆ เลย”
เธอพูดในขณะที่จ้องไปที่ลูเซียส
เขาต้องยอมรับเลยว่า วิกกี้เป็นคนที่รับมือยากกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้ในตอนแรกเล็กน้อย
แต่ยังไงก็ตาม สิ่งนี้ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นปัญหาสำหรับเขา เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะพูดว่า "ฉันยอมรับว่าจริง ๆ แล้ว ฉันเจอความผิดปกติเกี่ยวกับตัวตนของเธอมาตั้งนานแล้ว แต่ในตอนนั้น ฉันก็ยังแค่สงสัย แถมยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดอีก”
“เธอก็น่าจะรู้ดีว่าตอนที่เธอถูก เกรกอรี เกรแฮม ส่งให้เข้าไปอยู่ในคุก สถานที่นั้นได้รับการคุ้มกันจากคนของเขาทั้งหมด และต่อให้ฉันจะอยากหาโอกาสเข้าไปแทรกแซงสักเท่าไร ฉันก็ไม่สามารถทำได้”
“ในตอนนั้น ฉันยังคิดหาทุกวิถีทางที่จะพาเธอออกมาจากคุกนั้น แต่ฉันก็กังวลว่าขืนทำแบบนั้นไป อาจจะก่อให้เกิดการต่อสู้กันขึ้นมาอีกครั้ง อีกอย่างตอนนั้นฉันก็ยังไม่ได้เป็นกัปตันแห่งกรีนเมาท์เทน ดังนั้นฉันจึงทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันสร้างศัตรูกับเกรกอรี เกรแฮม ไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ฉันทำได้เพียงแค่แอบส่งคนไปเก็บตัวอย่างเลือดของเธอมา เพื่อทำการทดสอบนี้”
“หลังจากที่เธอกำลังจะออกจากคุก ผลการทดสอบนี้ก็ออกมาพอดี ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ทำอะไรโดยไม่จำเป็น”
“เดิมที ฉันกำลังคิดว่าฉันจะออกไปเจอกับเธอแบบตัวต่อตัว แต่พอฉันมารู้ว่าเธอกลับไปกับเกรกอรี ฉันเลยคิดว่าเธอน่าจะรู้ความจริงเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว”
“ฉันไม่กล้ามาหาเธอ เพราะฉันเข้าใจว่าเธอคงจะไม่มีวันให้อภัยให้ฉันได้ในสถานการณ์แบบนั้น”
“ฉันก็เลยหาวิธีอื่น และคิดว่าเราน่าจะเจอกันเป็นการส่วนตัวก่อน หลังจากนั้นคนของฉันพบว่าเธอได้รับประสบอุบัติเหตุ เขาจึงเข้าไปช่วยชีวิตเธอทันที”
“ฉันอยากจะให้พวกเขาพาเธอกลับมาที่นี่จริง ๆ เพราะฉันเห็นว่าเกรแฮมไม่สามารถปกป้องเธอได้ และฉันจะเป็นคนปกป้องเธอเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะยังเข้าใจฉันผิดอยู่ก็ตาม”
“แต่แล้วเธอก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาลักพาตัวเธอมา จากนั้นฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่า เราไม่ควรทรมานเธอด้วยอาการบาดเจ็บของเธอ”
“วิกกี้ นี่มันไม่ได้หมายความว่าฉันละทิ้งเธอหรอกนะ ฉันตามหาเธอมาหลายปีแล้ว และฉันก็จะไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนอีก บนโลกใบนี้เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้องแล้วนะ เราควรจะสนับสนุน และดูแลซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ใครอื่น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก