“หา? ฆ่าตัวตาย? ทำไมล่ะ?”
“เหอะๆ ก็เพราะว่าไปสารภาพรักกับคุณชายจ้าวไง แต่กลายเป็นว่าเขาไม่ตกลง! เสร็จแล้วผู้หญิงคนนั้นก็คิดสั้นละมั้ง!”
“ที่แท้ก็อย่างนี้งั้นเหรอ เห้อ ช่วงนี้คนไปสารภาพกับคุณชายจ้าวมากขึ้นเรื่อยๆเลย แต่เหมือนฉันจะได้ยินมาว่า สองวันนี้เหมือนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งสนิทกับคุณชายจ้าวอยู่นะ!”
“แม่งดิ น่าอิจฉาจริงเชียว ผู้หญิงคนไหนโชคดีขนาดนี้กันนะ? สามารถทำให้คุณชายจ้าวหันมองได้!”
“ไม่ว่าผู้หญิงคนอื่นจะเป็นยังไง แต่ว่าเป้าหมายเดียวของฉันมีแค่คนเดียว ก็คือคุณชายเฉิน หึๆ!”
คนหนึ่งที่ดูหยิ่งๆ แค่มองก็ดูว่าเป็นตำแหน่งสาวฮอตพูดขึ้น
“โหๆๆ! คนแบบคุณชายเฉินนะเป็นคนที่ไม่น่าจะเจอแล้วก็จับต้องไม่ได้ด้วย มีความน่าประทับใจตรงไหนเหมือนคุณชายจ้าวบ้าง!”
“โอ๊ย นายคนนี้มายืนขวางอยู่ด้านหน้าประตูโรงอาหารเป็นโรคหรือไง ไม่มองท่าทางโง่เง่าของตัวเองเลย!”
สาวๆสามสี่คนคุยกันแล้วหันมาเขม็งที่เฉินเกอ ว่าเฉินเกอไปอีกประโยคหนึ่ง
ชิ!
เฉินเกอก็แค่ทำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจพวกเธอ!
เฮ่ เฉินเกอ!”
และในเวลานี้เอง ซูมู่หานก็เดินมา
แค่ขึ้นมาก็จูงมือของเฉินเกอเอาไว้
เหมือนกับว่าเป็นแฟนกันอย่างนั้น
ทั้งสองคน พูดแล้วก็แปลกๆ
หลังจากที่ได้เจอกับเรื่องใจผิดครั้งก่อน ซูมู่หานก็รู้ความคิดของเฉินเกอ
และเฉินเกอก็รู้ความคิดของซูมู่หาน
เย็นวันนั้นเฉินเกอถามเธอ “เธอเป็นแฟนฉันไหม?”
ซูมู่หานพูดว่า “ก็ไม่ได้เป็นมาตลอดเหรอ?”
ไม่ได้มีการสารภาพที่อลังการ แล้วก็ไม่ได้มีการแสดงใดๆ แล้วก็เป็นแฟนกันไปแบบนี้
ส่วนเรื่องซูมู่หานพูดขึ้นมาอย่างมีลับลมคมในว่าเป็นแฟนปลอมๆมาตลอดอยู่แล้ว หรือว่าเป็นแฟนจริงๆ เรื่องนี้เฉินเกอไม่ใส่ใจ ยังไงอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน
“ไป กินข้าวกัน เย็นนี้กินอะไรดี?”
ซูมู่หานถาม
“อยากกินหมูราดซอสแดง!”
ทั้งสองคนหยอกล้อกันไปยังโณงอาหาร ทำให้ผู้ชายหลายคนที่เห็นภาพตรงหน้าถึงกับอิจฉา
ดอกไม้งามขนาดนี้ กลับมาคบอยู่กับผู้ชายแบบนี้?
นี่มันเอาชีวิตกันชัดๆ!
ในจากหมูราดซอสแดงยังมีผักกวางตุ้งติดมาด้วย
เฉินเกอกับซูมู่หานนั่งกินข้าวโดยการหันหน้าเข้าหากัน
ส่วนข้างๆก็มีผู้ชายแล้วก็ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย
บทสนทนาดูเหมือนจะเป็นเรื่องคุณชายจ้าวเป็นยังไงๆ ใครที่จีบคุณชายจ้าวแล้วไม่ติดบ้างอะไรประมาณนี้
ทำให้เฉินเกอเองก็มึนไปด้วย
“คุณชายจ้าวคนนี้ทำไมรสนิยมสูงขนาดนี้นะ? ตกลงคือเขามาเรียนใช่ไหม?
เฉินเกอหัวเราะแห้ง
“เหอะๆ นายคิดว่าใครก็เหมือนนายหรือยังไงโดนครอบครัวนายเลี้ยงแบบยากจนมาตั้งหลายปี คนอื่นเขาเกิดมาก็โดนประคบประหงมเอาใจแล้ว อ๋อใช่ๆ เฉินเกอ ตกลงตระฉันลของนายนี่เก่งขนาดไหน? นายไม่เคยบอกฉันบ้างเลย!”
ซูมู่หานถามขึ้นเบาๆ
เธอไม่ได้สนใจเงินทอง แต่ว่าสงสัยมากๆ ตกลงครอบครัวมีอำนาจขนาดไหนถึงได้สั่งให้เฮลิคอปเตอร์ย้ายไปมาได้ แถมยังปล่อยให้เฉินเกอใช้เงินได้อย่างไม่จำกัดอีก
“ฉันเองก็รู้เรื่องตระฉันลของตัวเองน้อยมากเหมือนกัน ฉันรู้ก็แค่ว่าตระฉันลของเรารวยมากๆ ใช้ยังไงก็ไม่หมดประมาณนั้น!”
เฉินเกอตอบอย่างจริงจัง
“ชิ! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีทางใช้หมด!” ซูมู่หานคิดว่าเฉินเกอก็แค่โม้
ที่เฉินเกอพูดเป็นความจริงทั้งหมด
ทั้งสองคนเถียงกันไปเถียงกันมาดูสนุก
อยู่ๆในเวลานี้ อยู่ๆทั้งโรงอาหารก็ราวกับระเบิดมีเสียงตะโกนหวีดร้องดังขึ้นมา
ทำให้เฉินเกอตกใจแทบแย่
เงยหน้าขึ้นมามอง ก็มองเห็นคนเดินเรียงแถวมาทางโรงอาหาร
แถมคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นจ้าวชาน คุณชายจ้าว
สถานการณ์ตรงหน้า ไม่น้อยหน้าเวลาอยู่ๆก็มีดาราปรากฏตัวเลย
“คุณชายจ้าวฉันรักคุณค่ะ รับฉันนะคะ!?”
มีผู้หญิงหลายคนตะโกนขึ้นอย่างไม่อาย
“คุณชายจ้าว ต้องทำยังไงถึงจะได้เป็นแฟนของคุณคะ? ช่วยบอกฉันทีได้ไหมคะ?”
“โอ้มายก้อด ฉันจะต้องรีบถ่ายรูป!”
ล้วนตะโกนโหวกเหวกกันแบบนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกผู้หญิงที่ชอบแต่งเนื้อแต่งตัวอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน เธอก็พิสูจน์แล้วว่าตัวเองคิดมากไป
เฉินเกอ จะเก่งขนาดที่ตัวเธอจินตนาการเอาไว้ไหม?
ไม่!
ตั้งแต่ที่เธอรู้จักคุณชายสองวันมานี้ จ้าวยีฟานพบว่า บางทีเฉินเกอก็ไม่อาจจะเก่งขนาดที่ตัวเองจินตนาการเอาไว้ ก็แค่มีเงินเท่านั้น
เธอแค่คิดกับเฉินเกอมากไปจริงๆ!
เทียบกับคุณชายจ้าว การกระทำต่างๆของเฉินเกอ มันก็แค่ระดับเด็กอนุบาลเท่านั้น น่าขำ!
โดยเฉพาะ จ้าวยีฟานในเวลานี้ก็กำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกของการโดนมองเหมือนดาวล้อมเดือนจากสายตาหลายคู่ของคนหลายคน ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ไอ้ขี้แพ้เฉินเกอจะให้ได้
หลินเจียวเองก็กำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกเจ๋งๆแบบนี้เหมือนกัน
ในเวลานี้มีใบหน้าอวดดี
“เฮ้ๆๆ มองจนเบลอแล้วเหรอ?”
ในตอนนี้ซูมู่หานโบกมือไปมาตรงตาของเฉินเกอ แล้ววางตะเกียบลงอย่างโมโห
“หา? เปล่า!” เฉินเกอรีบอธิบาย “ฉันก็แค่กำลังสงสัย จ้าวยีฟานไปรู้จักกันกับคุณชายจ้าวคนนี้ได้ยังไงกันนะ?”
“หึ ไม่มีอะไร ฉันว่าในใจของนายรู้สึกไม่ดีใช่ไหมล่ะ? สองวันก่อน จ้าวยีฟานยังชอบนาย ตอนนี้ เห็นชัดว่าเธอไปชอบคนอื่นแล้ว ในใจของนายรู้สึกแย่ใช่ไหมล่ะ?”
ซูมูหานขมวดคิ้วพูด
“ไม่ได้รู้สึกไม่ดี ถ้าให้พูดว่ารู้สึกไม่ดี ก็แค่คิดว่าจ้าวยีฟานน่าสงสาร ตอนแรกก็เป็นผู้หญิงดีๆคนหนึ่ง ก็แค่อาจจะเหยียดคนจนรักคนรวยไปบ้าง ฉันก็แค่กลัวว่าเธอจะโดนทำให้เจ็บช้ำ แล้วก็เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นคนไม่ดีนะสิ!”
สิ่งที่เฉินเกอพูดเป็นเรื่องจริง
นอกจากนาย ยังมีคนเคยทำให้เธอเสียใจด้วยเหรอ?”
ซูมู่หานยอมทุบถุงทรายแล้วถามจนเข้าใจ
“มีผู้ชายที่เคยรู้จักก่อนหน้านี้ วันนั้นเป็นการโดนทิ้งที่เธอดูน่าสงสารที่สุดเลย เหอะๆ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว พวกเรารีบกินข้าวกันเถอะ!”
เฉินเกอส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
แต่ว่า เพิ่งจะตักข้าวเข้าปากได้สองคำ อยู่ๆก็มีถั่วลิสงตกลงมาบนโต๊ะกินข้าวข้างๆโต๊ะตัวเอง
ใครนะ? แม่งว่างนักหรือยังไง?
เฉินเกอด่าอยู่ในใจหนึ่งประโยค
จากนั้น ก็มีอีกเม็ดที่ตกลงมาบนโต๊ะข้างๆเฉินเกอ
ครั้งนี้เฉินเกอแน่ใจแล้ว ว่ามีคนแกล้งเขาอยู่
พอเขาเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นร่างที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้งตัว ใบหน้าเอาเรื่องของหลินเจียว กำลังใช้ตะเกียบคีบถั่วลิสงเอาไว้ ยิ้มเยาะแล้วมองมาที่ตัวเองอยู่.....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...