“น้องชาย โดนคนตีมาจริงเหรอ? แถมยังตีแรงขนาดนี้เลย? เพราะอะไรกัน?”
พอมองเห็นสองคนเดินมา ซูเจี๋ยก็ถามอย่างห่วงใย
ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนนั้น เมื่อก่อนตอนที่ตนเองไม่อยู่ ก็หลงระเริงนิดหน่อยอยู่ที่มหาวิทยาลัยจินหลิง
ไอ้เวร ตอนนี้ตัวเองกับคุณชายจ้าวย้ายที่เรียนเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็น่าเกรงขามอยู่ในมหาวิทยาลัยจินหลิงชัดเจน ลูกพี่ลูกน้องยังโดนคนต่อยเข้าให้
นี่ช่างเป็นการเหยียดหยามสุดๆ
และหลี่ปินที่อยู่ด้านข้างกับหยางฮุย พอมองเห็นสองคนนี้ ยิ่งก้มหน้าอย่างเหงื่อตกทันที
สองคนนี้ ตอนที่สู้ยังไม่เป็นอะไร กล้าบ้าบิ่นมาก
ทว่าตอนนี้พอใจเย็นลงมาแล้ว ทั้งสองคนต่างก็กลัวอยู่บ้าง โดยเฉพาะซูเจี๋ยเป็นคนที่ตามคุณชายจ้าว ไม่พูดถึงคุณชายจ้าว เพียงแค่ซูเจี๋ยคนนี้ เดิมทีก็เป็นคนที่หลายคนหาเรื่องไม่ได้
ช่างซวยจริงๆ
“แค่กๆ อย่าพูดเลยพี่ ที่จริงวันนี้ไปเจอสาวๆ ใช้ได้สามคนเข้า อยากจีบมาหน่อย ผลสุดท้ายก็……ไอ้สาด”
เวลานี้ผู้ชายที่ชื่อซูไค่พูดอย่างไม่พอใจ
พอหันหน้ามาเจอกับหลี่ปินหยางฮุยเข้าพอดี เวลานี้จึงร้องด้วยความตกใจ
“พี่ชาย พี่รู้จักกับพวกเขาเหรอ?”
ซูไค่ถลึงตาชี้ไปทางพวกหลี่ปิน
“ไม่รู้จัก แต่ว่าหลินเจียวพี่สะใภ้นายรู้จักกับพวกเขา”
ซูเจี๋ยหัวเราะอย่างขมขื่น “มีอะไรเสี่ยวไค่?”
“แม่ง พี่ชายพี่สะใภ้ พวกเราสองคนโดนพวกเขาสามคนนี้แหละต่อยมา”
“อะไรนะ? โดนพวกเขาสามคนนี้ทำ? เสี่ยวไค่นายแน่ใจ?”
ซูเจี๋ยตกใจพอสมควร จากนั้นใช้สายตาเย็นเฉียบคมมองทางพวกเฉินเกอสามคน
“มั่นใจแน่นอน สองคนนี้ตีพี่สาม ส่วนคนนี้ต่อยผม ใช่แล้ว ตาผมถูกไอนี้ต่อยให้”
ซูไค่ชี้ไปทางหลี่ปินอย่างดุเดือด
หลี่ปินกับหยางฮุยกลืนน้ำลายเสียงอึกๆ ยิ่งกังวลอะไรมักจะเกิดสิ่งนั้นขึ้นจริงๆ
“ให้ตายเถอะ หลี่ปินหยางฮุยนามสกุลเฉิน พวกนายสามคนใจกล้ากันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? แม้แต่น้องชายของซูเจี๋ยยังกล้าต่อย?”
หลินเจียวอยู่ตรงนี้ กลับกอดหน้าอกดีใจที่เห็นหายนะของคนอื่น
เวลานี้ภายในโถงของห้องครัวเจียหยวน รายล้อมไปด้วยแขกที่กำลังมาดูเรื่องสนุกอยู่ไม่น้อย
“พี่สะใภ้ คนพวกนี้พี่รู้จักจริงเหรอ? ผมกำลังอยากพี่ถามหน่อยว่ารู้จักหลี่ปินคุณชายหลี่หรือเปล่า โดยเฉพาะพี่รู้จักคนมากมาย คิดไม่ถึงว่าพี่จะรู้จักคุณชายหลี่คนนี้จริงๆ ด้วย!”
ซูไค่เวลานี้พูดพลางหัวเราะขึ้น
“ฮ่าๆๆ? อะไรนะ หลี่ปินคุณชายหลี่? เขาน่ะเหรอ! ถุย ฉันจะบอกนายให้นะ พวกเขาสามคน นอกจากหยางฮุยที่มีอะไรอยู่บ้าง คนที่ชื่อหลี่ปินก็ไม่มีเงินอะไร เป็นนักศึกษาจนๆ สำหรับนามสกุลเฉินคนนั้นที่อยู่ด้านข้างเขา ฮ่าๆๆ เขาก็เป็นพวกคนจน เสี่ยวไค่นายรู้รึเปล่า ดังนั้นวันนี้นายถูกคนจนสามคนต่อยเข้าให้แล้ว!”
หลินเจียวพูดพลางบิดสะโพกขึ้นอย่างตื่นเต้น
พวกฉินเฟยที่อยู่ด้านข้างยิ่งหน้าแดงกันไปหมด มองหลี่ปินที่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา พวกฉินเฟยก็ถือว่ารับรู้เรื่องราวแล้วว่ามันคืออะไร
มิน่าเมื่อสักครู่หลินเจียวถึงพูดฉอดๆ เช่นนั้น ส่วนหลี่ปินก็ไม่เอ่ยปากอะไร หรือว่าหลี่ปินกำลังหลอกตนเองจริงๆ?
“ที่แท้ก็หลอกลวงสินะ ถึงว่าฉันไม่เคยได้ยินชื่อคุณชายหลี่มาก่อน ตอนนี้ดีเลย พวกฉันขอมาคิดบัญชีที่นี่แล้วกัน!”
ซูไค่แกว่งคอหัวเราะเยาะไปด้วย หยิบขวดเบียร์ที่เปิดแล้วบนเคาน์เตอร์มาด้วยขวดหนึ่ง
กำแน่นๆ แล้วแกว่งไปมาทันที จากนั้นหันหน้ามองทางซูเจี๋ยก่อนจะยิ้มถาม “พี่ชาย ผมขอกำเริบเสิบสานที่นี่สักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง?”
ซูเจี๋ยพยักหน้า “ไม่เป็นไร พี่ยวี่ ผู้จัดการที่นี่เป็นพี่บุญธรรมของคุณชายจ้าว และเป็นพี่สาวบุญธรรมของฉัน หึๆ นายตามสบายได้เลย”
“ได้เลย!”
“แม่ง ให้แกมาแกล้งหลอกต่อหน้าฉัน คุณชายหลี่ ฉันจะเลี้ยงเบียร์แกให้”
“พรวด!”
ซูไค่พ่นออกมาจากปากทีหนึ่ง เบียร์จำนวนมากก็พ่นลงมาบนหน้าหลี่ปิน
พอๆ กับฉากในหนังที่พวกแก๊งนักเลงอะคุนพ่นใส่เจี๋ยงหนาน
“เชี่ยแม่ง!”
ด้านหลัง ซูไค่ยกขวดเหล้าขึ้นมา อยากจะทุบเข้าไปบนศีรษะของหลี่ปิน
ส่วนหลี่ปินล่ะ เพียงแค่กำหมัดแน่นยอมรับฉากนี้ไป
เดิมทีซูเจี๋ยเป็นคนที่เขาหาเรื่องไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่ต้องเกิด
เดี่ยวจะจบการศึกษาแล้ว เขาเชื่อว่าซูเจี๋ยมีวิธีการล้านแปดจะทำให้ตนเองอยู่ต่อไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงต้องยอมรับแต่โดยดี
ไม่มีเงินไม่มีอิทธิพลจึงเลี่ยงไม่ได้แบบนี้ แม้แต่สิทธิ์ปกป้องแฟนก็ยังไม่มี
เขาหลับตาแน่น รอคอยขวดเหล้าฟาดลงมา
แล้วก็ได้ยินเสียงปึงดังขึ้น
ซูเจี๋ยรีบเข้าไปต้อนรับทันที พูดเหมือนเอาใจ
ส่วนเจิ้งยวี่เวลานี้กวาดสายตาไปทางคนที่ตี
ตอนที่เห็นเฉินเกอซึ่งมือข้างหนึ่งกำลังล้วงกระเป๋า สีหน้านิ่งเรียบ ร่างกายสง่างามของเจิ้งยวี่อดจะสั่นเทานิดหน่อยไม่ได้
วันนี้เฉินเกอจองที่นั่งในห้องครัวเจียหยวน ย่อมมีการเตรียมแผนล่วงหน้าไว้กับเธอก่อนแล้ว และให้เธอร่วมแสดงละครฉากหนึ่ง ให้หลี่ปินแสดงเป็นคุณชายประเภทนั้น
นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเจิ้งยวี่ถึงอยู่ข้างบนมาตลอด เธอเก็บกวาดห้องอาหารด้วยตนเอง
ได้ยินว่ามีคนทะเลาะกันถึงได้ลงมา นึกไม่ถึงว่าคือคุณชายเฉิน
“เฉิน……”
เจิ้งยวี่พูดด้วยความตื่นเต้น
เพิ่งพูดมาได้คำหนึ่ง ก็ถูกเฉินเกอแจ้งเตือนทางสายตา
“อ่อๆ ท่านคือคุณชายหลี่สินะคะ? ที่แท้คุณชายหลี่ก็มาแล้ว”
เจิ้งยวี่มองหลี่ปินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมืออาชีพ
หลี่ปินใกล้จะไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน? ไม่น่าจะใช่ตนเองโดนเจิ้งยวี่สาวแกร่งจัดการเข้าให้แล้วเหรอ?
เฉินเกอเข้ามาใกล้ด้านข้างหลี่ปิน บอกให้หลี่ปินหนักแน่นหน่อย ตนเองคือคุณชายหลี่
หลี่ปินเชื่อว่าเฉินเกอจะไม่หลอกตนเองแน่นอน
จากนั้นจึงฝืนบังคับพยักหน้าตอบ “ผมเอง!”
“โธ่ คุณชายหลี่ ท่านมาถึงนานแล้วก็น่าจะบอก ฉันควรลงมาต้อนรับด้วยตัวเอง คุณชายหลี่ มีคนมาล่วงเกินท่านรึเปล่าคะ?”
เจิ้งยวี่พูดพลางกวาดสายตาเย็นยะเยือกไปทางซูเจี๋ยกับหลินเจียว
ซูเจี๋ยเบิกตาโต มึนงงไปตั้งนานแล้ว
ส่วนหลินเจียวนั้น หล่อนยืนยันว่าหลี่ปินเป็นขี้แพ้คนหนึ่งแน่นอน คุณชายหลี่กำมะลอน่ะสิ
ถึงแม้ตอนนี้จะใช่ ก็เป็นเพราะเจิ้งยวี่ช่วยเขาอยู่แน่ เพราะหลินเจียวรู้จักเจิ้งยวี่ตั้งแต่แรก ยังรู้ว่าก่อนหน้านี้เฉินเกอเป็นเด็กเลี้ยงของเจิ้งยวี่
เพราะเมื่อก่อนเคยเกิดการปะทะนิดหน่อยกับเจิ้งยวี่ เดิมทีวันนี้ยังอยากพยายามอธิบายผ่านซูเจี๋ย ผลลัพธ์เห็นได้ชัดว่าเจิ้งยวี่มาช่วยเฉินเกอทางนั้น
แต่เฉินเกอมีแฟนแล้วนี่หน่า? แถมยังเป็นเด็กในสังกัดที่เจิ้งยวี่เลี้ยงไว้อยู่?
ไม่ใช่สิ หรือเรื่องเฉินเกอมีแฟนนี้ เจิ้งยวี่ไม่รู้เรื่อง?
เห็นเรื่องราวไปกันคนละทิศทาง ในสายตาของหลินเจียว ทันใดนั้นความว่างเปล่าก็ยิงรอบด้าน……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...