หรือว่าเป็นเฉินเกอ?
ยิ่งพอเอาเรื่องพาวเวอร์แบงค์ครั้งที่แล้วมาปะติดปะต่อกัน ตอนนี้เมิ่งไฉ่หรูไม่สามารถจะไม่เชื่อได้อีกต่อไป
เฉินเกอเองก็ทำตัวพิลึกกึกกือ จะต้องมีเรื่องปิดบังทุกคนแน่ๆ
จริงสิ ครั้งแรกที่ตัวเธอถูกพาไปที่โรงแรม เฉินเกอก็เหมือนจะเป็นคนแรกที่รู้เรื่อง
เพราะแบบนั้นถึงได้รับการช่วยเหลือได้ทัน
ไหนจะเจอพาวเวอร์แบงค์ของเฉินเกอบนรถหลี่เฟยหง
แล้วครั้งนี้ก็ยังคงเป็นเฉินเกอที่รู้เรื่องเป็นคนแรก จากนั้นก็มีคนมาช่วยเหลือเราสี่คนได้ทันเวลา
แถมยังเจอเสื้อกับโทรศัพท์ของเฉินเกอ
ตอนแรกเธอคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของคุณชายเฉิน แต่ครั้งนี้ล่ะ คุณชายเฉินไม่ได้เข้าข้างเธอ แต่เข้าข้างหม่าเสี่ยวหนาน
ใครสนิทกับหม่าเสี่ยวหนานที่สุด แน่นอนว่าเป็นเฉินเกอจริงไหมล่ะ?
ยังมีอีก!
ที่เฉินเกอมีเรื่องชกต่อยกับหวังหยางรองประธานสหภาพนักศึกษาครั้งก่อน แต่กลับกลายเป็นว่าคณบดีทำตัวนอบน้อมใส่เฉินเกอซะงั้น
แถมเฉินเกอดูกลายเป็นคนรวยตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่ใช่รวยธรรมดาอะไรแบบนั้นด้วย!
และที่สำคัญ คุณชายเฉินแซ่เฉิน เฉินเกอก็แซ่เฉิน!
โอ้มายก็อด~
ถ้าเฉินเกอคือคุณชายเฉินจริงๆ ทุกอย่างก็ลงล็อคพอดีเป๊ะ!
ใบหน้าของเมิ่งไฉ่หรูเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
แม้แต่พวกหานเฟยเอ๋อก็ค่อยๆเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ทุกคนต่างตกใจอย่างมาก
“หรือว่าเฉินเกอก็คือคุณชายเฉิน? แล้วยังเป็นพี่ผิงฝานอีก?”
หานเฟยเอ๋อพูดเสียงต่ำอย่างเคร่งเครียด
“ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆมีความเป็นไปได้ถึงแปดสิบเก้าสิเปอร์เซ็นต์!”
เมิ่งไฉ่หรูพูดอย่างหมดแรง “แต่พวกเธออย่าเพิ่งด่วนสรุปไป เรามาคอยจับสังเกตเฉินเกอดีกว่า รอจนแน่ใจสถานะที่แท้จริงของเขาแล้วค่อยว่ากัน!”
เมิ่งไฉ่หรูคิดได้แค่วิธีนี้
ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ตก ตัวเองจะหลงรักเฉินเกอเนี่ยนะ?
แต่เอาเป็นว่าอาหารมื้อนี้เป็นไปอย่างพิลึกพิลั่น หัวใจของเด็กสาวเหล่านี้เต้นตุ้มๆต่อมๆ...
ทางด้านเฉินเกอ
เวลานี้เขาไปที่วิลล่าเพื่อขับรถบ้านราคาแพงคนนั้นออกไปรับพวกผู้ดูแลบ้านของพี่
ได้ยินว่าคนพวกนี้ตระกูลของเขาเป็นคนจัดสรร ทุกคนในตระกูลล้วนมีศักดิ์มีตำแหน่งกันอยู่
เฉินเกอไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อน เขาจึงไม่รู้หรอกว่าการไปรับคนที่สนามบินมันต้องเป็นยังไง
คงไม่ต้องถือป้ายยืนรอหน้าเกทอะไรแบบนั้นมั้ง?
เพราะแบบนั้นพยายามขับไปจอดหน้าประตูทางออกที่เตะตาคนหน่อยก็ดี เพราะถึงยังไงในสนามบินก็ไม่ให้จอด
ส่วนป้ายทะเบียนรถเขาได้ส่งข้อความผ่านเบอร์มือถือของผู้จัดการที่พี่เอาให้เขาแล้ว
แต่ไม่นานเฉินเกอก็รู้สึกว่าตัวเองจะตัดสินใจผิด
การที่เขาเอารถมาจอดตรงนี้ มีวัยรุ่นไม่น้อย โดยเฉพาะสาวๆที่ต่างพากันมองมาที่รถของเขา
แถมบางคนยังมายืนถ่ายรูปกับรถบ้านของเขาอีก
ทำกันจนเฉินเกอที่นั่งอยู่ในรถเขินตามไปด้วย
แต่ตอนนี้เอง
ที่หน้าประตูทางออกสนามบิน
“คุณปู่ ไหนบอกว่าคุณชายเฉินจะส่งคนมารับพวกเราไงคะ? อยู่ไหนน่ะ?”
ตามมาด้วยคนอีกสี่คนที่เดินเรียงกันออกมา
ชายแก่ท่าทางภูมิฐานใจดีพร้อมกับเด็กสาววัยกำลังสะพรั่งอายุราวๆสิบแปดสิบเก้าเดินออกมา
ที่ด้านหลังมีพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่งเดินตามประกบ
ดูแล้วอายุน่าจะประมาณสามสิบได้
สองคนนั้นสวมชุดสูท แต่ก็ไม่อาจปกปิดรังสีเหี้ยมโหดที่แผ่ออกมาได้
ดูท่าทางจะเป็นบอดี้การ์ดของสองปู่หลาน
“อืม คุณชายเฉินจะส่งคนมา เขาส่งป้ายทะเบียนรถให้ปู่แล้วบอดิการด์เทียนหลงตี้หูพวกนายสองคนไปช่วยหาหน่อย!”
“ครับลุงคัง!”
บอร์ดี้การ์ทั้งสองจึงรีบแยกย้ายกันไปตามหา
“คุณปู่ ได้ยินว่าของกินที่จินหลงมีเอกลักษณ์มากๆ หนูยังไม่เคยกินเลย อีกเดี๋ยวเราไปกินกันดีไหมคะ?”
เด็กสาวดูเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจพอตัว เธอร้องขอออกมา
“ได้สิ เราต้องอยู่ที่จินหลงสักพักหนึ่งเลย หลานอย่างกินอะไรย่อมได้ทั้งนั้น!”
ทันใดนั้นสองพี่น้องบอดิการด์เทียนหลงตี้หูก็กลับมา
เห็นได้ชัดว่าหารถคนั้นเจอแล้ว
ทุกคนพากันเดินมาทางที่รถจอด เฉินเกอเองก็รอพวกเขาอยู่เช่นกัน
ทว่าทันทีที่เฉินเกอได้ยินเด็กสาวที่อยู่ข้างๆชายแก่คนนั้นพูด เขาก็อายเกินกว่าจะแนะนำตัวออกไป
“คุณปู่ว่าคุณชายเฉินจะหล่อเหมือนดาราแบบนั้นไหมคะ? พี่เฉินเสี่ยวก็สวยซะขนาดนั้น คุณชายเฉินคงต้องหล่อมากแน่ๆ!”
พวกเขายังเดินมาไม่ถึงรถ ก็ได้ยินเสียงของเด็กสาวคนนั้นแล้ว
โต๋วโต๋วถามเฉินเกอด้วยความตื่นเต้น
“เอ่อ ก็พอได้อยู่ครับ!”
บอกกันตามตรงว่าอาหารเด็ดๆในจินหลง เฉนเกอไม่เคยกินแม้แต่อย่างเดียว
เมื่อก่อนนี้เขาจะเอาเงินที่ไหนมากินล่ะ
“ฮ่าๆๆ งั้นดี พาฉันไปตอนนี้เลย!”
เด็กสาวออกคำสั่ง
“เอาล่ะโต๋วโต๋ว หยุดเอาแต่ใจตัวเองได้แล้ว ถ้าคนขับรถไปกินข้าวกับเรา แล้วใครจะขับรถล่ะ?”
ลุงคังพูดขำๆ
“เหอะ ยังมีพี่เทียนหลงกับพี่ตี้หู่นี่นา คุณปู่หนูรอวันนี้มานานแล้ว ให้พี่คนขับรถคนนี้ไปเป็นเพื่อนหนูเถอะนะคะ วางใจเถอะ วันนี้หนูจะเป็นคนเลี้ยงเอง!”
“ได้ไหมคะได้ไหมคะ? ไม่อย่างงั้นหนูเจอคุณชายเฉินเมื่อไหร่ หนูจะเอาข่าวลือพวกนี้บอกเขาไปให้หมดเลย ก็ไม่แน่นะคุณชายเฉินอาจจะทำหนูท้องก็ได้! เหอะ!”
โต๋วโต๋วว่า
ลุงคังหมดปัญญาจะจัดการกับหลานสาวคนนี้ จึงพูดยิ้มๆ “เฮ้อ ปู่ล่ะกลัวเราจริงๆ! น้องชาย เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเราพอจะไปวิลล่าสปากันเองได้อยู่ งั้นพวกเราไปกันเองแล้วกัน นายก็พาหลานฉันไปเที่ยวเล่นสักหน่อย แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกกับคุณชายเฉินเอง!”
“ครับ!”
เฉินเกอเกาหัวแกร็กๆ
เฮ้อ ตอนแรกเฉินเกอแค่อยากมาเจอคนในตระกูลเฉยๆก็เท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมีภาพลักษณ์แบบนั้นได้ซะได้
แต่ว่านะ ถ้าเขาไปกินข้าวกับโต๋วโต๋ว งั้นพวกลุงนี่จะไปเจอใครล่ะคราวนี้
เอาเถอะ ยอมรับก็ได้
“สวัสดีครับลุงคัง จริงๆแล้วผมคือ...”
“เป็นเขาหรอเนี่ย!”
ทันใดนั้น ที่ด้านนอกสนามบินก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดของกลุ่มเด็กผู้หญิงดังขึ้น สีฝีเท้ากระทบกันพร้อมกับเสียงตื่นเต้นดังกระหึ่มอึกทึกคึกโครม!
“ใครหรอเหลียวหง?”
“หึ คุณชายสวี หมอนี่นี่แหละที่เป็นคนตีฉันจนเข้าโรงพยาบาล ไอ้บ้านี่กับไป๋เสี่ยวเฟยที่ตีฉัน! คุณบอกว่าก่อนกลับจะแก้แค้นให้ฉัน ตอนนี้มันอยู่ที่นี่แล้ว!”
เหลียวหงมีอาการชักดิ้นชักงอน ดวงตาสองข้างแดงไปหมด
และที่ด้านหลังของเธอเป็นบอดี้การ์ดสวมชุดสูทกลุ่มหนึ่ง รถเบนซ์ราคาแพงสีดำค่อยๆขับมาเทียบจอดตรงห้าประตูทางออกทีละคัน
ส่วนด้านข้างของเธอนั้น เป็นคุณชายหน้าตาหล่อเหลาสวมแว่นกันแดดสีดำซึ่งดึงดูดสายตาผู้หญิงได้ไม่น้อย เขาคือสวีเว้ย
“ฟัค แน่ใจนะเหลียวหง?”
สวีเว้ยโยนแว่นกันแดดสีดำออก แล้วใช้สายตาเย็นชามองมาที่เฉินเกอ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...