ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 214

บทที่ 214 การอวดที่ยังไม่สำเร็จ

“เธอพูดอะไรนะ”

เฉินเกอถึงกับอึ้งไป

มาพักที่บ้านของตัวเองสองสามวันหรอ จะสะดวกได้อย่างไร เพราะตัวเองนั้นในทุก ๆ วันก็จะโทรศัพท์คุยซูมู่หาน และอีกอย่าง

ตัวเองก็มีแฟนแล้ว เพียงแต่ว่าเธอเรียนอยู่ที่อื่นแค่นั้นเอง แล้วตัวเองจะอยู่บ้านกับผู้หญิงอีกคนได้อย่างไร

งแม้ว่าทุกคนเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับได้

เฉินเองถึงแม้จะเป็นคนจิตใจดี ก็รับเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ เพราะมันดูไม่เหมาะสม

“ไม่ได้ ฉันไม่สะดวก”

เฉินเกอพูดขึ้น

“โอ๊ะ ๆ เฮอะ ๆ ไม่เป็นไร ฉันนึกว่าจะมีใครสักคนที่จะช่วยฉันได้ ฉันเข้าใจแล้วแหละ……”

ฉินหยาดูมีน้ำเสียงที่ผิดหวัง

“เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า” เฉินถามด้วยความสงสัย

ใช่แล้ว ฉินหยาคงไม่อยากจะมาพักที่บ้านของเขาโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอก

ฉินหยาชอบตัวเองหรอ

เฮอะ ๆ เฉินเกอเองคงไม่หลงตัวเองขนาดนี้หรอก

แค่ถามด้วยความที่ไม่ค่อยเข้าใจ

“ฉันจะหมั้นแล้ว”

ฉินหยาพูดขึ้นในทันใด

“งั้นก็ขอแสดงความ……” เฉินเกอกำลังจะเตรียมอวยพร แต่ก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงของฉินหยาที่ดูไม่ปกติ เลยพูดต่อไปว่า “หมั้นกับใครหรอ นี่มันเป็นเรื่องดีนะ”

“กับลี่เยว่ เพราะว่าธุรกิจของพ่อของฉันนั้นตอนนี้อยู่ในขั้นวิกฤต และพ่อของฉันเลยหวังจะให้ธุรกิจของครอบครัวของลี่เยว่ ช่วยเขาให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไป และในช่วงระยะนี้ ลี่เยว่เองก็กำลังตามตื้อฉัน แถมยังบอกให้พ่อของเขามาคุยกันกับครอบครัวของฉันด้วย และแม่ของฉันก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของลี่เยว่อีก ดังนั้น พ่อของฉันเลยตบปากรับคำไป ว่าให้ฉันกับลี่เยว่นั้นหมั้นกัน”

“แต่ฉันไม่อยากจะหมั้น นายรู้ไหม บางครั้งฉันยังคิดว่าตัวเองกำลังฝันไปด้วยซ้ำ ฉันยังมีแพลนอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ และฉันคิดว่าจะรอให้ถึงสามสิบก่อนค่อยคิดเรื่องแต่งงาน แต่ตอนนี้ ฉันยังไม่จบมหาวิทยาลัย ก็จะให้ฉันหมั้นกับคนอื่นแล้ว และแถมยังเป็นคนที่ฉันไม่ได้ชอบด้วยซ้ำ ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรได้แล้ว”

“ฉันอยากหนีไป แต่ว่าเพื่อนของฉันเหล่านั้นลี่เยว่ต่างก็รู้จักหมด เขาคงหาตัวฉันเจอแน่ ดังนั้น ฉันจึงคิดถึงนาย แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า นายเองจะไม่สนใจฉัน”

พูดไปพูดมา ฉินหยาทันใดก็ร้องไห้ขึ้นมา

เมื่อเฉินเกอได้ฟัง ก็รู้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ใช่แล้ว เรื่องแบบนี้หากเกิดขึ้นกับใคร คนนั้นก็คงจะรู้สึกแย่เป็นธรรมดา

และรายละเอียดข้างในของเรื่องนี้ คงจะเกี่ยวข้องกับตัวเองอยู่บ้าง

เพราะแม่ของฉินหยานั้น ตัวเองก็เป็นคนช่วยเอาไว้

เพื่อจะลดความสัมพันธ์ที่จะเกิดขึ้นกับฉินหยา เฉินเกอเลยไม่เคยยอมรับเรื่องนี้

จึงได้ให้ลี่เยว่ใช้เรื่องนี้ แสร้งทำให้ครอบครัวของเธอรู้สึกลำบาก

เอาจริง ๆ ทำให้ฉินหยาเป็นทุกข์ได้ถึงขนาดนี้ ตัวเองก็มีส่วนผิดที่ต้องรับผิดชอบ

แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรล่ะ

ฉินหยาเองก็อยากจะหลบหนีไปแล้ว หรือว่าอาจจะใช้การหนีออกจากบ้านของเธอนี้ เป็นการทำไปเพื่อประชดพ่อของเธอ

จึงได้ออกมาขออยู่ที่บ้านของตัวเอง

หากปฏิเสธ ให้เธอกลับไปแต่งงานล่ะ ความจริงแล้ว ถ้าแต่งกับคนอย่างลี่เยว่ มันก็เหมือนการนำผักกาดขาวงาม ๆ ป้อนเข้าปากหมูสินะ เฉินเกอเลยรู้สึกว่าไม่ควรจะทำอย่างนั้น

หากตอบตกลงกับเธอไปล่ะ

แล้วตัวเองจะอธิบายกับมู่หานอย่างไร

อีกอย่าง ถ้าจะปฏิเสธจริง ๆ ตัวเองคงจะรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน

จึงทำให้เฉินเกอคิดถึงเรื่องของบาปบุญ ว่าทำอย่างใดเอาไว้ ก็จะได้รับผลอย่างนั้น

“ได้ เธอมาหาฉันเลย ฉันขอบอกก่อนนะ ว่าฉันไม่ได้พักอยู่ที่บ้าน ฉันพักอยู่ชานเมือง และเมื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เธอต้องกลับไปนะ”

เฉินเกอพูด

เรื่องนี้ต้นเหตุไหน ๆ ก็เกิดจากตัวเองแล้ว

ดังนั้น ตัวเองก็ต้องไปคนจัดการให้มันเรียบร้อย

การจัดการปัญหานี้ง่ายมาก แค่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง

ปัญหาทั้งหมดก็จะคลี่คลายไปเอง

ดังนั้น เฉินเกอเลยกล้าที่จะให้ฉินหยามาพัก

“ได้ ฉันรู้แล้ว ขอบใจนายมากนะเฉินเกอ รักนายจังเลย นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันแค่อยากแกล้ง ๆ พ่อของฉันเท่านั้นเอง ให้เขาปฏิเสธไปก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

ฉินหยาพูดด้วยอาการดีใจ

หลังจากที่วางสายไป

เฉินเกอรู้สึกว่าที่ทำอย่างนี้ มันไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร

แต่ว่า คงจะคิดมากไม่ได้แล้ว ไหน ๆ ก็ตอบตกลงไปแล้วด้วย

แล้วโรงแรมที่ตัวเองพักล่ะ พอดีว่าเป็นห้องชุด หากจะอยู่ด้วยกันสองคน ก็คงจะสะดวกอยู่

เพราะว่านอกจากจะสะดวกในการดูแลอากงหวูแล้ว เฉินเกอยังต้องคอยคุยธุรกิจกับหลี่เจิ้นกั๋วด้วย

ดังนั้น โรงแรมที่พักนั้น จึงได้จองห้องขนาดใหญ่เอาไว้

และเฉินเกอเองก็ได้ตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้เธอได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา

ตอนเช้าตรู่ในวันถัดมา ฉินหยาก็ได้นั่งรถมาแล้ว

ส่วนเฉินเกอนั้น ก็ได้ขับเบนซ์ G500 ของตัวเองไปยังสถานีรถประจำทางเพื่อรับเธอ

เพียงแต่แลมโบกินี่นั้นจอดเอาไว้ที่คฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทน ไม่อย่างนั้นคงขับแลมโบไปแล้ว

เหมือนกับชนกับอะไรเข้าไปบางอย่าง

จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องที่โอดครวญ

พบว่ามีคุณยายแก่ ๆ ผมขาว ๆ คนหนึ่ง นอนล้มอยู่กับพื้น และไม้เท้าก็กระเด็นไปอีกฝั่ง

เชี่ย!

เฉินเกอเองถึงกับตะลึง

“พ่อหนุ่ม นาย ๆ ๆ …… รถของนายไม่เป็นไรใช่ไหม”

คุณยายแก่นอนอยู่กับพื้น และได้พูดขึ้นด้วยความตกใจ

“เกิดอะไรขึ้นหรอ” ในขณะนั้นมีคนจำนวนมากได้วิ่งเข้ามาดู

“เฮอะ ๆ ยังจะเป็นเรื่องอะไรไปได้ล่ะ เมื่อครู่นั้น ที่พ่อหนุ่มคนนี้ได้เปิดประตูรถออกมา ชนเข้ากับคุณยายจนล้ม ที่จริงฉันก็เห็น ในขณะที่พ่อหนุ่มคนนี้ได้เปิดประตูออกมานั้น คุณยายก็ได้แอบวิ่งเข้าไปชนเอง”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”

แต่ก็ไม่เข้าใจว่าความจริงคืออะไร เลยได้ตามเข้ามาดู

“ไอ้หยา ๆ พ่อหนุ่มคนนี้ทำไมไม่ระวังอย่างนี้ เบนซ์คันนี้อย่างไรก็ต้องชดใช้ค่าหายเสียใช่ป่ะ”

ทันใดจึงมีคนพูดขึ้น

เฉินเกอเองก็ได้ลงรถมา จากนั้นก็เข้าไปประคอง

“นายไม่ต้องหรอก ฉันบอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย ฉันเป็นคนเดินชนเข้าไปเอง ฉันเป็นหญิงแก่ตัวคนเดียว ไม่มีลูกหลาน ฉันคงชดใช้ไม่ได้จริง ๆ ”

คุณยายร้องไห้ออกมา

“ฮืม คุณยายอย่ากลัวไปเลย มีเงินใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ คนมีเงินเมื่อชนคนอื่นแล้ว อย่างไรก็ต้องชดใช้เหมือนกัน คุณยายเป็นเพราะเขาเปิดประตูออกมาถึงได้ชนกับคุณยายนะ ไม่ต้องกลัวหรอก พวกเราจะเป็นพยานช่วยคุณยายเอง”

ผู้คนที่จะเป็นพยานให้คุณยายนั้น ต่างก็ยังเป็นวัยรุ่นที่เลือดร้อนกันอยู่

ผ่านไปสักพัก ตำรวจก็มาถึง

ยังจะทำอะไรได้ นอกจากเชิญคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดไปด้วย

ถึงแม้คุณยายจะตั้งใจชนก็เถอะ แต่ก็ประจวบเหมาะกับเฉินเกอนั้นได้เปิดประตูออกมาชนเข้าเหมือนกัน

ครั้นแล้วเลยต้องนำตัวคุณยายส่งไปโรงพยาบาลก่อน จากนั้น เฉินเกอก็ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ

เฉินเกอเองก็แทบอยากจะร้องไห้ออกมา นี่มันเรื่องอะไรกัน

เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จ เวลาก็ได้ผ่านไปแล้วสี่สิบนาที และเฉินเกอก็ได้ชดใช้ค่าทำแผลให้แก่คุณยายไป

ในขณะที่เดินออกมา ฉินหยาก็ได้โทรศัพท์มาพอดี

“นายบอกว่าจะมารับฉัน แล้วนายอยู่ไหนล่ะ”

“โอ้ว ๆ ฉันจะไปตอนนี้แหละ” เฉินเกอรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องมาแล้ว ฉันเรียกแท็กซี่ไปหานายแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน