บทที่ 452 การเปลี่ยนแปลงที่เลวร้าย (1)
“ลุงฉิน ต้องเรียนรู้อะไรบ้าง?”
เฉินเกอถาม
“สิ่งที่ฉันเป็น นายต่างก็ต้องเรียน ค่อยๆ มาเถอะ เสี่ยวเกอ ร่างกายของนายไม่ได้แย่ เจ็ดวันนี้ สมุนไพรที่ฉันเด็ดมาให้นายเป็นพิเศษ นำมาแช่น้ำตอนอาบน้ำสามารถเพิ่มความแข็งแรงของร่างกายได้ บวกกับการฝังเข็มที่ฉันฝังให้นาย วางใจเถอะ ในไม่ช้าก็สามารถสอนให้นายเป็นผู้ชำนาญการได้!”
“เจ็ดวันนี้ ท่านเด็ดสมุนไพรมาให้ฉันเป็นพิเศษแล้ว?”
เฉินเกอได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
นึกคิดกลับไปในตอนที่พบเจอกับลุงฉินครั้งแรก ท่าทีของตัวเอง รวมถึงตอนที่ลุงฉินอยู่ข้างกายของตัวเอง ไม่รู้ว่าช่วยเหลือตัวเองมามากมายขนาดไหนแล้ว
ตอนนี้ ก็ยังคิดเผื่อตัวเองไปหมด
ไม่ใช่คุณปู่แท้ๆ ของตัวเอง แต่กลับทำให้เฉินเกอรู้สึกว่าสนิทยิ่งกว่าคุณปู่แท้ๆ
ขณะนี้ เพื่อที่จะไม่ทำให้ลุงฉินผิดหวัง เฉินเกอพยักหน้า
จนตอนนี้ เฉินเกออยู่ต่อในหมู่บ้าน แล้วติดตามลุงฉินมาโดยตลอด
เพียงพริบตาเดียว ก็ผ่านไปครึ่งปีแล้ว.....
ขณะนี้ ภายในห้องลับ ที่บ้านตระกูลเฉินเมืองหนานหยาง
“เป็นยังไงบ้าง? ก็ยังไม่มีข่าวของเสี่ยวเกอหรอ?”
ครึ่งปีมานี้ ราวกับว่าผ่านไปเพียงแค่แป๊บเดียว เฉินจิ้นตงก็ชราลงเยอะมาก
ผมก็ขาวหมดแล้ว
ส่วนหยางยู่ผิงนั้นโศกเศร้าเสียใจมาก ราวกับกินน้ำตาแทนข้าวทุกวัน
“นายท่าน ตอนนั้นผมคอยปกป้องคุณชายเฉินมุ่งตรงไปทางภาคตะวันตกเฉียงใต้มาตลอดทาง แต่ว่าตอนนั้นถูกพวกคนมีอำนาจพวกหนึ่งวิ่งตามขึ้นมา ผมอยู่ต่อคอยปกป้องคุณชายเฉิน รู้เพียงแต่ว่าเขาไปหาท่านผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่นามสกุลฉินในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คุณผู้หญิงเฉียงเวยบอกตำแหน่งที่ตั้งกับผมแล้ว แต่ว่าผมลักลอบไปหลายรอบมาก ตรงนั้นเป็นที่ร้างตั้งนานแล้ว ไม่มีเงาคนเลย!”
ครึ่งปีมานี้หลี่เจิ้นกั๋วก็ไม่ได้ว่างเลย ตามหาเฉินเกออย่างลับๆ มาโดยตลอด
แต่น่าเสียดาย ครึ่งปีเต็มไปนี้ เฉินเกอเหมือนหายสาบสูญไปจากกลางผู้คนเลย ไม่มีวี่แววข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย
“โทษนายเลย ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะตอนนั้นนายยืนหยัดแบบนั้น เสี่ยวเกอก็ไม่จำเป็นต้องหนีออกจากวงศ์ตระกูล จนถึงตอนนี้ เสียชีวิตแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่รู้!”
หยางยู่ผิงพูดด้วยความกระวนกระวาย
เฉินเสี่ยวเองก็ร้องไห้ไปด้วยปลอบใจคุณแม่ไปด้วย
“เสี่ยวเกอไม่มีบัตรประชาชน บัตรธนาคารก็ทำหายแล้ว ยังถูกโม่ฉางคงสารเลวนั่นตามสืบไปทั่ว นายจะให้เขาหลบหนียังไง? ไม่แน่ อาจจะตกอยู่ในมือของโม่ฉางคงตั้งนานแล้วก็ได้!”
หยางยู่ผิงยิ่งพูดก็ยิ่งกลัว
“ไม่มีทาง ถ้าหากว่าเสี่ยวเกอตกอยู่ในมือของโม่ฉางคง โม่ฉางคงนั่น จะต้องมาขู่ฉันเป็นเวลาแรกแน่นอน ครึ่งปีมานี้ เขาหาแต่ข้ออ้างมาโดยตลอด แต่ก็ยังหาไม่เจอไม่ใช่หรอ ถ้าหากว่าเสี่ยวเกอตกอยู่ในมือของเขา แน่นอนว่าจะต้องเป็นสิ่งต่อรองที่ใหญ่ที่สุด พอถึงเวลานั้น เขาก็รู้ว่าพวกเราไม่มีทางยอมปล่อยแน่นอน ฉะนั้น ถ้าหากหาเจอแล้ว เขาก็มาขู่ตั้งนานแล้ว!”
เฉินเสี่ยวพูด
“เฉินเสี่ยวพูดถูก เธออย่างกระวนกระวาย ฉันเชื่อใจลูกชายของเรา เขาต้องไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่นอน เฉียงเวย พยุงคุณน้าเธอเข้าไปพักผ่อนในห้อง!”
เฉินจิ้งตงพูด
ซูเฉียงเวยยืนอยู่ข้างๆ แต่ก็น้ำตาไหลเต็มไปทั่ว ขณะนั้นเธอพยักหน้า “ค่ะคุณลุง!”
“พอแล้ว พวกนายก็ลงไปทั้งหมดเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ!”
เฉินจิ้นตงพูดอีกครั้ง
พอทุกคนต่างก็ออกไปแล้ว เฉินจิ้นตงเอามือไขว้หลัง สีหน้าเศร้าโศก
“เสี่ยวเกอเอ๋ย ยัยเด็กนี่ ตกลงแกไปหลบอยู่ที่ไหนแล้ว ถ้าหากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก พ่อยอมที่จะสู้กับโม่ฉางคง สละการงาน ก็ไม่มีทางให้แกไปเสี่ยงแบบนี้!”
ที่จริงแล้ว การวางแผนของเฉินจิ้นกั๋วคือ
ถึงแม้เสี่ยวเกอจะจากออกไปแล้ว
แต่จะปล่อยไปไม่สนใจได้ไงล่ะ
แน่นอนว่าต้องส่งคนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลเฉินไปปกป้องอย่างเงียบๆ ไม่ว่ายังไงแล้วก็คือไม่ให้โม่ฉางคงหาข้ออ้างได้ก็พอแล้ว
เรื่องนี้ไม่ยาก
แต่ว่า เขามองดูผู้ชำนาญการเก่งๆ ที่มีความสามารถสูงๆ ที่เขาฝึกฝนมาตลอดปีมานี้ ยิ่งเหมือนดูถูกลูกน้องพวกนั้นของโม่ฉางคงเข้าไปใหญ่
ค่ำคืนก่อนครึ่งปีแรกนั้น เมืองชิ่งชื่อ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าลูกยอมสู้แม้กระทั่งชีวิต เสี่ยวเกออาจจะไม่สามารถหนีไปได้ก็เป็นได้
เฉินเจิ้นกั๋วกำหมัดแน่น
ถึงแม้ว่าจะมีเงิน แต่ว่าในที่สุดก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ของคำว่าเงินไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ทุกอย่าง
ไม่มีมีทางอื่นแล้ว ไม่มีวิธีอื่นแล้ว!
“นายท่าน!”
ขณะนี้ พ่อบ้านอะฟู๋เดินเข้ามา
“มีเรื่องอะไร?”
นี่เป็นเหมือนร้านอาหารของชาวชนบท
สำหรับข้างๆ นั้นก็ติดอยู่กับภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง
ด้านข้างของภูเขา มีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน
สามารถเรียกได้ว่าเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม
ฉะนั้นมักจะมีคนชนชั้นสูง มาเที่ยวกันที่นี่
“วันนี้แกต้องให้คำอธิบายกับฉัน แกรู้ใช่ไหมว่าเสื้อผ้านี้แพงมากแค่ไหน?”
“นั่นน่ะสิ ไปเรียกเจ้านายของพวกแกมาเช็ค ดูเหมือนพวกแกจะมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วสินะ!”
มองขึ้นไปแล้วเหมือนคนอายุประมาณสามสิบราวๆ ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด กำลังจับคอเสื้อของชายวัยรุ่นไม่ปล่อย
ยังตะโกนด่าอีกด้วย
เรื่องเป็นแบบนี้ พวกเขากลุ่มนี้ มีหญิงชายรวมกันแล้วเจ็ดแปดคนโดยประมาณ
ดูแล้วก็ไม่ใช่ผู้ชายและผู้หญิงที่ดีอะไร
เข้ามาทานอาหาร ปรากฏว่า ชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่รับผิดชอบเสิร์ฟอาหารให้เขา ไม่ทันระวังทำกับข้าวหกลงบนร่างกายของผู้หญิง
หลังจากนั้นก็มีภาพๆ นี้ปรากฏขึ้นมา
หลักๆ คือ ก็เพราะเห็นว่าร้านอาหารร้านนี้ สามารถรังแกได้ง่ายๆ
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ! ผมช่วยคุณเช็ดครับ!”
ชายวัยรุ่นรีบขอโทษ จะไปช่วยเช็ด
ป้าบ!
คิดไม่ถึง ผู้หญิงลุกขึ้นมาแล้วตบลงบนหน้าของชายวัยรุ่น “ให้ตายเถอะ เอามือสกปรกของแกออกไป ดูรูปลักษณ์ของแกสิ ยังอยากมาแตะต้องตัวฉันอีก พี่เปียว พี่ดูท่าทีของพวกเขาสิ!”
ผู้หญิงพูดด้วยความหยิ่งยโสโอหัง
ในเวลาเดียวกันก็มองไปทางชายร่างใหญ่คนหนึ่ง ที่สักเต็มตัวและไว้ทรงผมสกินเฮด
ปัง!
ชายร่างใหญ่ขึ้นไปถีบท้องของชายวัยรุ่น ชายวัยรุ่นล้มลงกับพื้นเลย และล้มทับโต๊ะไปหลายโต๊ะมาก
ขณะนี้ในร้านก็มีคนไม่น้อยที่กำลังทานอาหารอยู่ กำลังมองภาพข้างหน้านี้ด้วยความอึ้ง....
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...