ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 532

บทที่ 532 เบาะแสสำคัญของ ไท่หยางเหมิง

“ไม่ผิดแน่นอนครับ เฉินเกอในตอนนี้น่ากลัวมากครับ!”

เห็นได้ชัดว่าบัดนี้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงพูดด้วยเสียงสะอื้น

“ไอ้บ้าเอ้ย!!!เพิ่งผ่านไปแค่ปีเดียว ทำไมไอ้เด็กบ้าเฉินเกอถึงได้มีความสามารถอย่างนี้?ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ตอนนี้ ผมจะให้ตระกูลเฉินของพวกเขาต้องชดใช้เป็นเท่าตัว!โม่หยูล่ะ?”

โม่ฉางคงโกรธจนตัวสั่นคลอ

“ผู้อาวุโสรองครับ ผู้อาวุโสรอง!”

เวลานี้มีคนวิ่งมาอย่างตะปุตะปะ

“ผมเห็นข้างหน้า……เห็นศพของคุณชายรองกับพ่อบ้านโม่ครับ!”

เขาพูดพลางร้องไห้

“อะไรนะ!!!”

โม่ฉางคงร้องด้วยความเจ็บปวด เสมือนโดนฟ้าผ่าตอนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง

ซึ่งเสียงดังสะเทือนไปทั่วหลงเจียง

ที่บ้านตระกูลเฉินในเมืองหนานหยาง!

“ช่วงนี้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม ผมมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลย รู้สึกว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น!”

ในห้องโถงหลักที่เกาะ

เฉินจิ้นตงพูดพลางขมวดคิ้ว

“จะมีเรื่องอะไรได้ จิ้นตง เป็นเพราะเรื่องที่เสี่ยวเกอหายตัวไป ช่วงนี้คุณจึงมีความกดดันมากใช่ไหมค่ะ?”

หยางยู่ผิงเดินเข้ามาพูดด้วยความเป็นห่วง

“อืม ชั่วพริบตาก็ผ่านไปหนึ่งปีกว่าแล้ว ถ้าเป็นไปตามนัดหมาย ปีนี้เสี่ยวเกอต้องเข้าพิธีแต่งงานกับอะล๋าน ตอนแรกทุกอย่างกำลังไปได้ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับไม่เหลืออะไรแล้ว!”

แววตาของเฉินจิ้นตงมีความห่วงใยแวบขึ้นมา

“แต่พูดถึงอะล๋าน ช่วงนี้ดิฉันรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน หลังจากที่อะล๋านกับเสี่ยวเป้ยกลับจากภาคตะวันตกเฉียงใต้ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เด็กสองคนนี้ชอบพูดคุยหยอกล้อเล่นอย่างเฮฮาเป็นประจำ ดิฉันเห็นมาหลายครั้งแล้วค่ะ ถามพวกเธอว่ามีเรื่องอะไรก็ไม่บอกเลยค่ะ!”

หยางยู่ผิงกล่าว

“ใช่แล้ว ได้ยินคุณพูดถึงอย่างนี้แล้ว ผมก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครึ่งปีก่อนอะล๋านกับเสี่ยวเป้ยร้องไห้ฟูมฟายทุกวัน โดยเฉพาะอะล๋านเด็กคนนี้ คนรับใช้เคยบอกว่าหลบร้องไห้อยู่ในห้องทั้งวัน ทุกครั้งที่ผมเห็นเธอ ตาของเธอก็จะบวมแดงตลอดเลย!”

“จริงด้วย หลังจากที่กลับมาเมื่อครึ่งปีก่อนก็ไม่เหมือนกันแล้ว!”

“ใช่ค่ะ อะล๋านเด็กคนนี้พวกเราเห็นมาตั้งแต่เด็ก ถึงเขาจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับเสี่ยวเกอมาก่อน แต่ก็มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเสี่ยวเกอ

และเสี่ยวเป้ยก็สีความผูกพันที่ดีต่อเฉินเกอด้วยเช่นกัน ถ้าตามหลักแล้วก็ไม่น่าจะร่าเริงอย่างนี้นะ!”

หยางยู่ผิงพูดต่อ

“ฮาฮา พวกเราอย่ามั่วแต่ทายอยู่เลย เรียกพวกเธอมาถาม!ก็สิ้นเรื่องแล้ว?”

เฉินจิ้นตงกล่าว

รีบสั่งให้คนรับใช้ไปตามฉินหลานกับหยางเสี่ยวเป้ยมาทันที

“คุณพ่อคุณแม่ พวกท่านเรียกหนูเหรอค่ะ?”

ฉินหลานเดินเข้ามาพูดอย่างยิ้มแย้ม

“อะล๋านที่เรียกหนูกับเสี่ยวเป้ยมา ประเด็นหลักก็คืออยากจะรู้เรื่องครึ่งปีก่อนที่พวกหนูสองพี่น้องไปที่ตะเข็บชายแดนภาคตะวันตกเฉียงใต้ เกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่นั่น?ครึ่งปีที่ผ่านมา พ่อยุ่งอยู่แต่เรื่องกลุ่มสำรวจ ไม่มีเวลาได้ซักถามเลย ใช่สิ พ่อจำได้ว่าพวกหนูสองพี่น้องจะไปซื้อโสมพันปี ทำไมไม่นำโสมพันปีกลับมาล่ะ?”

เฉินจิ้นตงกล่าว

“หา?โสมพันปี……”

ฉินหลานหน้าแดงระรึม

อันที่จริงซื้อโสมพันปีแล้วมอบจะให้เฉินเกอไป

แต่ตอนนั้นเสี่ยวเกอเกรงว่าคนอื่นรู้เรื่องแล้วตระกูลเฉินจะพลอยได้รับเคราะห์ไปด้วย

จึงให้ฉินหลานจงใจปิดบังเอาไว้

ดังนั้น ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมาฉินหลานก็ไม่ได้เอ่ยแม้แต่คำเดียว

เขาเกรงว่าหากพูดออกมาแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะอดใจไม่ไหวคิดจะมาเยี่ยมเขา และหากถูกเปิดเผย เสี่ยวเกอก็จะมีอันตรายทำให้ตระกูลโม่มีข้ออ้างมาทำร้ายได้

“ซื้อโสมพันปีได้แล้วค่ะ แต่ไม่ระวังถูกคนอื่นขโมยไปแล้วค่ะ!”

เสี่ยวเป้ยเห็นพี่หลานพูดปมไม่เป็น จึงรีบตอบแทน

“ออ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง นอกจากนี้แล้ว พวกหนูสองพี่น้องได้เจอใครอีกบ้างไหม?”

เฉินจิ้นตงขมวดคิ้วพลางถาม

“หา?ไม่มีค่ะไม่มี!”

ฉินหลานส่ายหัว

ซึ่งในขณะนี้

หัวหน้าพ่อบ้านเดินเข้ามา

“ท่านปู่ โม่เว่ยผิง คุณโม่นำคณะสำรวจมาครับ ตอนนี้รออยู่ข้างนอกแล้วครับ!”

“ออ?”

เฉินจิ้นตงรีบลุกขึ้นยืน“รีบเชิญเข้ามา!”

ภาพภูมิทัศน์นี้ หากดูผิวเผินแล้วเหมือนจะเป็นแดนสุขาวดีแห่งหนึ่ง

แต่เป็นป่าทึบที่ชวนให้รู้สึกลี้ลับเป็นอย่างมาก

“หืม?คุณพ่อคุณแม่ค่ะ คุณโม่ค่ะ พวกท่านลองดูบนยอดภูเขานี้สิค่ะ!”

ฉินหลานพูดพลางชี้ไปยังจุดๆหนึ่ง

“หา?”

ทุกคนต่างมองไปยังจุดที่เธอชี้

แต่ไม่สามารถดูอะไรออกได้ในเวลาชั่วพริบตา

ฉินหลานกล่าวว่า“ตรงนี้ เหมือนจะเป็นรูปปั้นหญิงสาวที่ทำตกจนเอวหักนะคะ คุณพ่อดูไม่ออกเหรอค่ะ?”

เฉินจิ้นตงกับโม่เว่ยผิงสบตากันแวบหนึ่ง

มันเหมือนหินสีขาวบางอย่างจริงๆ แต่เป็นรูปปั้นหินได้อย่างไรกันล่ะ?

ทั้งสองคนส่ายหัว

ฉินหลานสูดลมหายใจเข้า อย่างนี้ก็แปลกแล้วสิ ตนเห็นได้อย่างชัดเจนเลย รูปปั้นหินที่เป็นรูปของผู้หญิงได้หักออก และอีกอย่าง ถึงแม้จะมัวๆอยู่บ้าง แต่คร่าวๆแล้ว สรีระของผู้หญิงทุกสัดส่วนก็ได้แสดงออกมาเกือบหมดแล้ว น่าจะดูออกได้ง่ายเนี่ยนา!

และหยางเสี่ยวเป้ยกับหยางยู่ผิงก็ได้สังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว

ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นว่าเป็นเพียงสิ่งของที่เป็นหินสีขาวเท่านั้น ไม่เหมือนรูปปั้นหินแม้แต่น้อย

“ฮาฮา หรือดวงตาของคุณฉินหลานจะมีความพิเศษกว่าคนอื่นๆ อาจจะเห็นในสิ่งที่พวกเราไม่เห็นก็เป็นได้?”

โม่เว่ยผิงหัวเราะแล้วพูดด้วยความเย้ยหยัน

“คุณปู่โม่ พูดอวดเกินไปแล้วค่ะ อะล๋านอาจจะดูผิดก็ได้ค่ะ!”

ฉินหลานรีบส่ายหัว

แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“แต่ว่าประธานเฉินยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะถามคุณ!”

โม่เว่ยผิงคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้ถาม

“คุณเชิญถามได้เลยครับ……”

“ก็คือว่า นอกจากพวกเราตระกูลโม่แล้ว คุณยังไปเชิญให้คนอื่นมาช่วยเรื่องนี้อีกไหมครับ พูดได้เลยครับ อย่าได้เกรงใจ ไม่เป็นอะไรเลยครับ!”

โม่เว่ยผิงถามอย่างจริงจัง

เฉินจิ้นตงส่ายหัว“เป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่เคยไปเชิญใครที่ไหนเลยครับ!”

โม่เว่ยผิงขมวดคิ้ว“ถ้างั้นก็แปลกแล้ว คนนี้……เป็นใครกันนะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน