ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 573

บทที่573 บุพเพสันนิวาส

เวลานี้ ท่านซินแสกุ่ย ยังคงจ้องมองภาพวาดทั้งหก แล้วคิดกลับไปถึงคำพูดของเฉินเกอที่พูดกับเขาเกี่ยวกับภาพวาดทั้งหมดนี้

รู้สึกยังไม่หายอยาก

ในเวลานี้เองที่ด้านนอกประตูได้มีคนขอพบ

“อาจารย์ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่งต้องการจะเข้ามาให้ได้ เพื่อให้คุณดูดวง ศิษย์ไม่ให้เธอก็ยังจะเข้ามาให้ได้ พวกเรา...พวกเราไม่ใช่คู่ปรับของผู้หญิงคนนี้!”

“เธอยังบอกอีกว่าถ้าหากอาจารย์ไม่ยอมออกไปพบหนา วันนี้เธอจะเผาสำนักทิ้ง!”

ศิษย์สำนักพูดขึ้น

ท่านซินแสกุ่ย ขมวดคิ้วแน่นแล้วโบกมือ เขาพูดขึ้น “รู้แล้ว ไปบอกเธอ ให้เธอเข้าไปรอที่โถงด้านหน้าก่อนสิ!”

ท่านซินแสกุ่ย ส่ายหน้า

แล้วจึงเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้

“มาแล้ว ๆ อาจารย์ให้คุณนั่งรอที่นี่ก่อน!”

เมื่อ ท่านซินแสกุ่ย เดินออกมาก็เห็นหญิงสาวที่หน้าสะสวยกว่าคนทั่วไปที่กำลังเหยียบลูกศิษย์คนหนึ่งของเขาอยู่ใต้ฝ่าเท้า ลูกศิษย์ผู้น่าสงสารที่ถูกเธอทุบตีจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวมและยังคงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด

“คุณผู้หญิงวางมือก่อนเถอะ!”

ท่านซินแสกุ่ย รีบร้อนเข้าไปห้ามปราม

“หึ นักพรตเฒ่า ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้วสินะ!”

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คุณผู้หญิงมีเรื่องอะไร ปรึกษากันก่อนได้ ทำไมจะต้องทำให้บรรดาลูกศิษย์ของผมต้องลำบากกายใจด้วย!”

ท่านซินแสกุ่ย ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“อย่ามัวแต่พูดมากอยู่เลย ฉันมาหาแก...หึ! มีเรื่องให้คุณช่วยหน่อย!”

เสียงของเธอหนักขึ้นเป็นเท่าตัว นาทีนี้แผลที่หน้าท้องถูกลากและทำให้เจ็บปวดจนเธอไม่สามารถจะปิดมันไว้ได้

“คุณได้รับบาดเจ็บนี่ นั่งลงก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ!”

ท่านซินแสกุ่ย ดูสถานการณ์ เขารีบสงบสติอารมณ์ผู้หญิงที่หน้าตาสวยแต่อารมณ์ร้อนคนนี้

“อาจารย์ ผู้แสวงบุญด้านนอกถูกเธอทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายคน!”

ลูกศิษย์คนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

“อืม ไปที่โรงพยาบาลแล้วให้โรงพยาบาลส่งคนมารับคนเจ็บไป!” ท่านซินแสกุ่ย ปวดหัวเล็กน้อย: “คุณผู้หญิง คุณจะทำร้ายผมก็ไม่เป็นไร แต่ทำไมต้องลงมือกับผู้แสวงบุญด้วย?”

“ใครให้พวกเขามองคนอื่นด้วยความดูถูกดูแคลน ฉันไม่ควักลูกตาพวกเขาออกมาก็บุญเท่าไหร่แล้ว!”

หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเย็นชา

เมื่อในตอนที่ขึ้นเขามานั้น ผู้ชายที่น่ารังเกียจพวกนั้นใช้สายตามองตัวเธอและยังมีอีกหลายคนที่เข้ามาก่อกวนตัวเธอ เธอก็เพียงแค่สั่งสอนพวกเขาไปเล็กน้อยเท่านั้น

ก็เพียงแค่ทำให้พวกเขาเป็นหมันไม่ถึงกับเอาชีวิตกัน แค่นั้นก็ดีเท่าไหร่แล้ว

“อืม งั้นคุณจะดูอะไร?”

ท่านซินแสกุ่ย พูดขึ้น

“ฉันต้องการหาคน ถ้าจะพูดให้ถูก ฉันต้องการตามหาคนตาย!” เธอพูดขึ้น

“คุณต้องการจะหาคน...” ท่านซินแสกุ่ย บ่นพึมพำ

“คุณช่วยฉันดูที การเดินทางครั้งนี้จะหาเขาเจอได้อย่างราบรื่นไหม!”

ท่านซินแสกุ่ย ไม่อยากจะเซ้าซี้กับผู้หญิงที่ดูแปลก ๆ คนนี้อีกต่อไปแล้ว จึงไม่พูดมากแล้วพยักหน้าแล้วจึงเริ่มทำนายดวงให้เธอ

“ขอถามชื่อของคุณ?”

“กู่หยูเซียว!”

เธอพูดขึ้น

“งั้นก็ดี คุณกู่ ของให้คุณเอามือทั้งสองวางไว้บนหัวมังกรอย่างสบาย ๆ!”

ระหว่างที่พูดก็เปิดไม้กระดาน จิ่วหลงหานจู ก็เด้งออกมา

กู่หยูเซียว นั่งลงตามขั้นตอน

หัวมังกรเก้าหัวพ่นเหรียญทองแดงออกมา

ท่านซินแสกุ่ย เข้าไปแล้วมองอย่างพินิจพิเคราะห์

กู่หยูเซียว ที่ไม่มีอะไรเธอนั่งมองรอบ ๆ ห้องโถงไปมา

ใช่แล้ว ขอให้เป็นเพียงผู้หญิงธรรมทั่วไปเพียงได้ยินเรื่องของบุพเพสันนิวาสของตัวเองส่วนใหญ่ก็ต้องเขินอายอยู่แล้ว

ถึงจะใจร้อนแต่หากวิเคราะห์ให้ถึงแก่นแท้แล้ว กู่หยูเซียว ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

“งั้นก็แล้วแต่คุณ ผลของคุณนั้นผมดูออกมาแล้ว คุณกู่ การเดินทางของคุณครั้งนี้คุณจะได้พบกับสิ่งที่ต้องการ ยิ่งกว่านั้นแล้ว แผนผังแปดทิศยังบอกเป็นนัย คุณจะไม่เพียงแต่ได้พบคนที่ต้องการจะพบ คุณยังจะได้รับสิ่งที่ไม่คาดฝัน อีกทั้งยังได้พบคนที่ฝังลึกอยู่สุดขั่วหัวใจคนนั้นของคุณอีกด้วย!”

ท่านซินแสกุ่ย พูดขึ้น

เมื่อกู่หยูเซียว ได้ยินสิ่งเหล่านี้ ใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นเหมือนลูกแอปเปิลที่สุกงอมอีกครั้ง

ภาพนี้ ทำให้เหล่าลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่รอบ ๆ ต้องเบิกตาโพลงกับใบหน้าของเธอ และกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก็เพราะว่าผู้หญิงคนนี้นั้นมีใบหน้าที่สวยงามเหลือเกิน

“ถ้าหากว่าคุณอยากจะดูต่อล่ะก็ ฉันจะวิเคราะห์เบาะแสจากหินบุพเพสันนิวาสให้!”

“การเดินทางของฉันครั้งนี้ ฉันเพียงอยากรู้ว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้รึเปล่า ที่เหลือฉันไม่อยากรู้!”

พูดจบ กู่หยูเซียว หันไปมองหินบุพเพสันนิวาสอีกครั้งแล้วหันหลังเพื่อนเดินออกไป

แต่ว่าเมื่อเดินไปถึงประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยุด

เธอใจเต้น!

หลายปีมานี้ ไม่ว่าเธอจะหลีกหนีมันอย่างไร แต่อารมณ์เช่นนี้มันเหมือนกับต้นอ่อน มันยิ่งเติบโต จนถึงตอนนี้ มีบางเรื่องที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้อย่างที่ใจต้องการได้อีกแล้ว!”

หลังจากที่ต่อสู้กันอยู่นาน กู่หยูเซียว ก็เดินกลับไป: “ได้ ฉันจะฟังคุณ นักพรตเฒ่า ว่าคุณจะแม่นหรือไม่แม่น!”

เมื่อพูดถึงเฉินเกออีกครั้ง

เมื่อรู้แล้วว่าหินปี้สุ่ย อยู่ที่ไหน เฉินเกอก็มุ่งหน้าที่เหมืองบรรพบุรุษของ ตระกูลหมิง

ที่นี่ ดูเผินมันก็คือเหมืองเหมืองหนึ่ง แต่แท้จริงแล้ว ตระกูลหมิง ใช้มันบังหน้า ในส่วนที่ลึกที่สุดนั้นได้ฝัง หินปี้สุ่ย ของตระกูลหมิง เอาไว้

ด้านนอก มีใยแมงมุมเต็มไปหมด

เฉินเกอเดินฝ่ามันเข้าไป

บนทางนั้นมีเพียงเครื่องมือง่าย ๆ ไม่กี่อย่าง

เมื่อผ่านอุโมงค์ไปหลายอุโมงค์และเปิดที่กั้นบางส่วน

ในที่สุดเฉินเกอก็เห็น หินปี้สุ่ย ที่ใหญ่ประมาณฝ่ามือและสีขาวสว่าง นอนอยู่บนถาดอย่างเงียบ ๆ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน