ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน นิยาย บท 652

บทที่652 ไปเที่ยวด้วยกัน

“คุกเข่าลง แล้วก้มลงให้คุณหนูใหญ่ซีเหมินซะ ไม่แน่ว่าคุณหนูใหญ่พอใจขึ้นมา แล้วจะยกโทษให้พวกแกก็ได้นะ!”

บอร์ดี้การ์ดเอ่ยขึ้นเสียงดัง

“นี่พี่ชาย ยกโทษให้ได้ก็ควรจะยกโทษให้กันไปนะ อย่าให้มันเกินไปหน่อยเลย พวกเราเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินด้วย!”

เฉินเกอกล่าว

เดินไปเก็บกระเป๋าเดินทางที่ถูกบอร์ดี้การ์ดเตะออกไปขึ้นมาใหม่

หลังจากนั้นก็คิดที่จะออกไปอีก

“หืม ฉันบอกให้พวกแกไปได้แล้วหรือ? เมื่อกี้ใครที่พูดว่าคุณหนูซีเหมิน คุณหนูตุงเหมิน? อาต้า ทำให้ฟันของเขาหักให้หมดปากเสีย!”

ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นมาอย่างเย็นชา

เถียเฉิงรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ไฟความโมโหนี้อัดแน่นอยู่เต็มท้องไปหมด

และก็ได้ยินเสียงบอร์ดี้การ์ดคนหนึ่ง ที่เตะกระเป๋าเดินทางของเฉินเกอที่เก็บมาแล้วนั้นเตะออกไปอีก

“หาเรื่องตาย!”

บอร์ดี้การ์ดทั้งสี่คนเอ่ยพูดขึ้น หยิบเอาไม้กระบองออกมา แล้วเหวี่ยงไปยังศีรษะของเฉินเกอและเถียเฉิง

“หืม?”

ถึงแม้ว่าเฉินเกอไม่อยากจะคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขา

แต่คนของตระกูลซีเหมินนี้ อวดดีและเผด็จการเกินไปแล้วเช่นกัน

กระบองอันนี้หากทุบลงไปโดนศีรษะแล้ว คนธรรมดาๆใครจะรับไหวกัน

พวกเธอบังคับให้คนอื่นต้องคืนห้องก่อน แล้วตอนนี้จะยังมาทำร้ายให้คุกเข่าลงอีกหรือ

เป็นใครก็คงทนไม่ได้เช่นกัน

“ลงมือได้!”

เฉินเกอเอ่ยพูดกับเถียเฉิง

ส่วนเถียเฉิงที่โมโหอยู่นั่น ก็แทบจะทนไม่ไหวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

แขนทั้งสองข้างยกขึ้น

แล้วกระบองเหล็กทั้งสี่ก็ทุบลงมาโดนแขนของตัวเอง

ปึงปึงปึง!

กระบองทั้งสี่นั้นก็เกิดเสียงที่ดังสะเทือนจนหักขึ้นพร้อมเพียงกัน

ง่ามนิ้วของบอร์ดี้การ์ดทั้งสี่คนนั้นก็ถูกฉีกออกไปด้วย

“อะไรกัน?”

ทั้งสี่คนตกตะลึง

และแม้แต่คุณหนูใหญ่ซีเหมินเองก็ลุกขึ้นมาด้วยความตกใจเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเธอก็ตกใจอยู่บ้าง

และฉากต่อไปนั้นก็ค่อนข้างจะโหดร้ายขึ้นอีก

เถียเฉิงใช้มือเดียวและเพียงคนเดียว ราวกับเหยี่ยวที่กำลังจับนกตัวเล็กอย่างไรอย่างนั้น และเพียงแค่เวลาสั้นๆทั้งสี่คนก็ถูกเขาตีเสียจนไม่เป็นผู้ไม่เป็นคน

“อา!”

ผู้หญิงคนนั้นถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา มีความสงบนิ่งอย่างเมื่อครู่นี้อยู่เสียที่ไหนกัน

“แก.....พวกแกกล้าลงมือจริงๆ รู้หรือเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน? พวกแกไม่อยากมีชีวิตอยู่กันแล้วใช่ไหม?”

ผู้หญิงร้องขึ้น

ส่วนเฉินเกอนั้นก็เดินเข้าไป ยกคอเสื้อของผู้หญิงคนนั้นขึ้น แล้วจับโยนไปด้านนอก

โยนลงในสระน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกโรงแรม

ทันใดนั้นเองเธอก็กลายเป็นลูกหมาตกน้ำไปเสียแล้ว

“อา! พวกแกหาที่ตายแล้ว รนหาที่ตาย!”

ผู้หญิงเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห

พูดจบแล้วก็ไม่ได้สนลูกน้องของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเถียเฉิงกำลังเดินตรงออกมาทางด้านนอกนี้ เธอตกใจเสียจนรีบวิ่งหนีไป

“บ้าเอ้ย ยังให้ผู้หญิงตัวเล็กๆมารังแกได้อีก!”

เถียเฉิงสบถด่าออกมา

ส่วนคนของโรงแรมนั้น ต่างก็พากันเงียบกริบกันไปตั้งนานแล้ว

“ช่วยเอาห้องที่คืนไปแล้วของพวกฉันกลับมาด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นจะทำลายโรงแรมเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”

เฉินเกอตบลงบนโต๊ะพลางเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห

“ค่ะๆๆๆ!”

พนักงานสองสามคนนั้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

จะหาเรื่องตระกูลซีเหมินก็คงไม่ได้ แต่สองคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอก็หาเรื่องพวกเขาไม่ได้ด้วยเช่นกัน

พวกเขาว่าอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น

เปิดห้องใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเฉินเกอก็แยกย้ายกันขึ้นห้องไป

นึกถึงฉากเมื่อครู่นี้แล้ว นอกจากเฉินเกอคงทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้มเพียงเท่านั้น

ถึงอย่างไรในสายตาของเฉินเกอนั้น ก็แทบจะไม่มีตระกูลใหญ่อะไรอยู่แล้ว

มาถึงด้านบน ประตูลิฟต์เปิดออก

มีคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังจะลงลิฟต์ไป

“พี่ใหญ่!”

และในกลุ่มคนนั้น มีชายหนุ่มคนหนึ่ง หลังจากที่เห็นเฉินเกอแล้ว ก็ตะโกนเรียกขึ้นด้วยความประหลาดใจ

เฉินเกอเงยหน้าขึ้นมอง

ก็รู้สึกประหลาดใจด้วยเช่นกัน

“เสี่ยวเฟย? นายมาที่นี่ได้อย่างไร?”

“ใช่ ตระกูลกู่นี่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน ฉันเองก็เพิ่งจะรู้ ว่าในโลกนี้ซ่อนความลับที่พวกเราหลายๆคนไม่รู้เอาไว้อีกมาก และตระกูลกู่นี่ก็เป็นหนึ่งในความลับนั้น ไม่รู้ว่าฝึกฝนมาแล้วตั้งเท่าไหร่ถึงได้มีคนที่มีความสามารถมากขนาดนั้น!”

“ครั้งนี้ฉันสามารถผ่านการเลือกได้รับอยู่ในจำนวนคนนี้ โชคดีที่พี่ใหญ่เคยสอนวิธีการหายใจให้ฉันเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้ และเมื่อไม่กี่วันก่อน ร่างกายของฉันมีขนาดเพิ่มขึ้นแล้ว!”

ไป๋เสี่ยวเฟยโชว์กล้ามเนื้อของตัวเอง

ตอนนั้นที่ช่วยไป๋เสี่ยวเฟยจับขโมยเสร็จแล้วนั้น เฉินเกอก็ได้สอนบางอย่างให้กับไป๋เสี่ยวเฟยเอาไว้

เขาอยู่ในเขตทหาร มีร่างกายและพลังที่เหนือกว่าคนอื่น จะค่อนข้างมีประโยชน์กับเขา

และเรื่องราวเหล่านี้ เดิมทีแล้ว ไป๋เสี่ยวเฟยไม่สามารถพูดได้ เพราะถือว่าเป็นความลับขั้นสูง

แต่ความสามารถของเฉินเกอ ไป๋เสี่ยวเฟยเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องปิดบังเฉินเกอ

“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ที่นายมานี่คือ?”

ไป๋เสี่ยวเฟยเอ่ยถามอีกครั้ง

“เป้าหมายของพวกเราคล้ายๆกัน ฉันเองก็จะไปที่ตระกูลกู่เหมือนกัน!”

เฉินเกอยิ้มออกมา

และในเวลานี้เองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของไป๋เสี่ยวเฟยก็ดังขึ้น

ไป๋เสี่ยวเฟยกดรับสาย

ปลายสายเสียงที่กำลังต่อว่าของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาทันที

“ฮึ่ย ไป๋เสี่ยวเฟย นายมาที่เมืองไท่ ไม่ใช่บอกว่าจะพาฉันไปเที่ยวหรอกหรือ? ฉันพาพี่ๆน้องๆมารอนายด้านล่างตั้งนานแล้วนะ ทำไมยังไม่เห็นนายอีก?”

“……..”

“เอาล่ะๆ เดี๋ยวค่อยว่ากัน!” ไป๋เสี่ยวเฟยวางสายไปแล้ว

“แหะๆ เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยฉันเอง รู้ว่าฉันมาเมืองไท่ จึงตั้งใจมาหาฉันเพื่อจะไปเที่ยวกัน คืนนี้เมืองไท่มีจัดงานเลี้ยง ก็เลยอยากจะไปเที่ยวในงานนั้นกับฉันน่ะ!”

ไป๋เสี่ยวเฟยอธิบายออกมา

เฉินเกอกับเมืองไท่ทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้มออกมา ใครจะรู้ว่านายจะไปทำอะไรกัน

“ใช่แล้วพี่ใหญ่ จะว่าไปแล้วพวกเราก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว เจอกันครั้งที่แล้ว นายก็ยุ่งขนาดนั้น ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเราออกไปเที่ยวข้างนอกกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยไปที่ตระกูลกู่ด้วยกัน!?”

ไป๋เสี่ยวเฟยเอ่ยถามอย่างคาดหวัง

พูดตามจริงแล้ว เฉินเกอไม่อยากไป แต่เห็นสายตาที่คาดหวังของเพื่อนแล้ว เฉินเกอเองก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกัน

ใช่แล้ว หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยมา ก็ไม่ได้มีโอกาสไปกินไปเที่ยวด้วยกันอีกเลย

“เอาสิ พวกเราไปเที่ยวด้วยกันหน่อยก็ได้!”

เฉินเกอยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

ส่วนใต้ตึกโรงแรม ถัดจากป้ายรถประจำทางนั้น

กำลังมีหญิงสาวที่แต่งตัวน่ารักสะอาดสะอ้านสี่ห้าคนกำลังสะพายกระเป๋าพูดคุยกันอยู่

“ฮึ่ย เดี๋ยวจะลงมาแล้ว จริงๆเลยสิ ฉันจะไม่สั่งสอนเขาเสียหน่อยได้อย่างไรกัน ยังดีนะ ที่เขาบอกว่ามีหนุ่มหล่ออีกสองคนตามมาด้วย นี่พวกเธอ เดี๋ยวดูกันเอานะ ลงมือก่อนก็ย่อมได้เปรียบก่อน!”

หญิงสาวมัดผมหางม้าหนึ่งในนั้นเอ่ยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน