บทที่ 697 ช่วยเหลือ
กู่เยว่หือรู้ดี ว่าต้องเป็นเพราะหลานตัวเองถูกทุกข์ทรมานมามากแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้จิตใจของเขาไม่ปกติ และคิดว่าตัวเองคือเฉินเกอที่ทำร้ายเขา จึงเกิดการลงมือทำร้ายตัวเธอนั้นเอง
เฟิงเอ๋อ!ทำไมหลานถูกทรมานจนกลายเป็นแบบนี้ ไอ้เฉินเกอนี่มันสมควรตาย และย่าจะจัดการเขาให้สาสมด้วยมือของย่าเอง เพื่อล้างแค้นให้หลาน
กู่เยว่หือกล่าวด้วยความโกรธแค้นและเกลียดชังอย่างโหดเหี้ยม ยิ่งไปกว่านั้นดวงตาของเธอก็ฉายแววฆ่าที่รุนแรงออกมา
แต่ไม่ว่ายังไง กู่เฟิงก็กลับมาแล้ว และสำหรับตระกูลกู่แล้วนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจเป็นอย่างมาก
และในช่วงนี้ เนื่องจากการปรากฏตัวของเฉินเกอ สำนักฟีนิกซ์กับตระกูลกู่จึงเคลื่อนไหวเต็มกำลัง เพื่อจับตัวของเฉินเกอ
แบบนี้ กู่เยว่หือเองก็สามารถปล่อยวางความกังวลที่อยู่ในใจ และร่วมมือกับสำนักฟีนิกซ์เพื่อตามหาตัวของเฉินเกออย่างสุดใจ
ส่วนกู่เฟิงก็พักรักษาตัวอยู่ที่ตระกูลกู่
บ่ายวันนี้ ทางตระกูลกู่มีความเงียบสงบเล็กน้อย
กู่เฟิงจึงเดินออกมาจากเตียงผู้ป่วยในห้อง
“ห้องขังใต้ดินที่ขังตัวของเสี่ยวเฟยกับเถียเฉิงไว้ น่าจะเป็นห้องลับของตระกูลกู่ เพราะแม้แต่คนรับใช้ส่วนตัวที่ใกล้ชิดกับกู่เฟิงยังไม่รู้เลย ดูเหมือนว่าหญิงชรากู่เยว่หือคนนี้ จะฉลาดไม่เบา!รักษาความลับไว้ได้ดีเยี่ยมมาก!”
กู่เฟิงยิ้มอย่างขมขื่น และยิ่งไปกว่านั้นมีแสงสว่างกะพริบอยู่ในดวงตาของเขาด้วย
ถูกต้อง แม้ว่ากู่เฟิงยังคงดูเป็นกู่เฟิงอยู่ แต่เขาก็ไม่ใช่กู่เฟิงคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ซึ่งเขาก็คือเฉินเกอที่ปลอมตัวมานั้นเอง
และนี่ก็เป็นแผนการส่วนหนึ่งของเฉินเกอ โดยเดิมทีเขาได้คิดวิธีนี้ไว้อยู่แล้ว นั้นก็คือใช้ตัวตนของกู่เฟิง เพื่อเข้ามาในตระกูลกู่ และขัดขวางการเคลื่อนไหวของตระกูลกู่ พร้อมกับหาโอกาสค้นพบเรื่องบางอย่างภายในตระกูล
เพียงแต่ว่าตอนนี้ไม่ต้องใช้วิธีนี้แล้ว แต่ยังสามารถใช้ตัวตนของเขา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องสองคนนั้นของตัวเองออกมาได้อย่างง่ายดาย
ตั้งแต่เที่ยงวัน เฉินเกอก็ได้ตามสืบกับคนรับใช้ แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าทางเข้าห้องขังใต้ดินของตระกูลกู่อยู่ที่ไหน
ทำให้เฉินเกอรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
ปังๆๆๆ!
ในเวลานี้เอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา!”
เฉินเกอกล่าว
ประตูถูกผลักออก ก็เห็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามคนหนึ่งเดินเข้ามา
ซึ่งเธอคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกู่หยูเซียวนั่นเอง
“คุณได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยังสามารถลงมาเดินเล่นไปมาได้อีกเหรอ?“
กู่หยูเซียวมองไปที่กู่เฟิงด้วยสายตาที่ไม่แยแส
เห็นได้ชัดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ดีมากนัก
“กู่หยูเซียว คราวนี้พอดีเลย ข่าวคราวของห้องขังใต้ดินของตระกูลกู่มีเบาะแสละ!”
เฉินเกอแอบดีใจ
จากนั้นจึงส่งเสียงไอออกมาในขณะนี้แล้วพูดว่า:“ถึงแม้ว่าเฉินเกอจะน่ากลัว และสุดยอดมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่ได้ฆ่าฉันนี่ นอกจากเดินเล่นแล้วฉันยังทำอะไรได้?”
“เหอะ ไม่คิดว่า กู่เฟิงที่ไม่เคยมีใครในสายตาเลย จะชื่นชมคนอื่นเป็นด้วย”
กู่หยูเซียวรู้สึกมีความสุขบางอย่างอยู่ภายในใจของเธอ
“ที่คุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” กู่เฟิงกล่าวอย่างเย็นชา
“ก็ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไร ก็แค่อยากจะถามคุณว่า คุณเจอเฉินเกอแล้วเหรอ?และเขาก็สุดยอดมากเหมือนที่คุณพูดจริงเหรอ การเปลี่ยนแปลงของเขาใหญ่ใช่หรือเปล่า?”
กู่หยูเซียวถามด้วยความสงสัย
“แน่นอน เขาน่ากลัวกว่าที่คุณและฉันคิดไว้มาก!”
กู่เฟิงกล่าวด้วยความจริง
“จริงเหรอ แล้วคุณคิดว่าคุณย่าจะสามารถจับตัวเขาได้หรือเปล่า ตามอำนาจของเขาในตอนนี้?”
กู่หยูเซียวรีบถามขึ้น
“หนักอยู่เอาการ เพราะเขาในตอนนี้ไม่ใช่เขาในเมื่อก่อนแล้ว ด้วยอีแก่คนนี้……”
“ห๊ะ?”
“เออ ด้วยตัวของคุณย่า บวกกับจิ่วโล๋หวาง ก็คาดว่ายากที่จะจับตัวเขาได้!”
กู่เฟิงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที
แม้ว่าฉันจะคุ้นเคยกับกู่หยูเซียวมากขนาดไหน แต่กระดาษหน้าต่างนี้ ถ้าไม่เสียได้ก็ไม่ทำให้มันเสียดีที่สุด
ความระมัดระวังจะนำพาความปลอดภัยมาให้
“ใช่แล้ว กู่หยูเซียว คุณพาฉันไปที่ห้องขังใต้ดินหน่อย ฉันมีเรื่องบางอย่างจะจัดการ!”
กู่เฟิงกล่าว
กู่หยูเซียวขมวดคิ้ว เธอมีความรู้สึกว่ากู่เฟิงในวันนี้ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
เพียงแต่ว่าในขณะนี้ ในหัวสมองของเธอทั้งหมดต่างก็เป็นที่เปลี่ยนไป แล้วยังให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้สักที่ไหนล่ะ
แต่เธอก็ยังถามย้อนกลับไปว่า:“ไปทำอะไรที่ห้องขังใต้ดิน?จะว่าไป คุณไปเองคนเดียวไม่ได้เหรอ?”
“ตอนที่ฉันกลับมา บนร่างกายของฉันไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ มีเพียงแต่เครื่องรางของตระกูลกู่เราเท่านั้นที่เอากลับมา ดังนั้น คุณต้องพาฉันไป!”
ผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ด้านข้าง ส่ายหัวอย่างรีบร้อนในขณะนี้
เพี๊ยะ!
กู่เฟิงยกมือขึ้นมาแล้วตบไปที่หน้าของชายหนุ่ม:“แม่งเอ๊ย แกคือคุณชายหรือฉันคือคุณชาย?”
ชายหนุ่มถูกตบจนวนเวียนไปหมด และล้มลงไปกองอยู่กับพื้น:“แน่นอนว่าคือคุณครับ คุณชายกู่ แต่ที่ผมหมายถึงคือ สองคนนี้สำคัญมากในการจับกุมตัวของเฉินเกอ ดังนั้นท่านย่าทวดได้ฝังเครื่องรางไว้บนร่างกายของพวกเขา และเมื่อเครื่องรางนี้ออกห่างจากร่างของพวกเขาเมื่อไหร่ ร่างกายของพวกเขาก็จะระเบิด และตายทันที!”
“หืม?เครื่องราง?”
และเฉินเกอก็เพิ่งเริ่มสังเกตลูกปัดคริสตัลสีฟ้าที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาอย่างระมัดระวัง
ที่แท้ ในด้านบนนี้ก็มีบางลึกลับซ้อนอยู่ ไอ้หญิงแก่คนนี้ จิตใจช่างชั่วร้ายเหลือเกิน
“นี่มันเครื่องรางอะไรกัน?แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะปลดล็อคได้?”
กู่หยูเซียวถามขึ้นในขณะนี้
“อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ รู้แค่ว่า กุญแจที่ปลดล็อคเครื่องรางนี้ ถูกเก็บไว้ในห้องของท่านย่าทวดมาตลอด แต่ว่าที่นั่นคือสถานที่ต้องห้าม และผมเองก็ไม่มีกุญแจ!”
ชายหนุ่มร้องไห้และกล่าวด้วยความอาลัย
“หรือว่าจะอยู่ที่นั่น?”
กู่หยูเซียวกล่าวอย่างครุ่นคิด
“ที่ไหน?”
“ฉันอาจจะเดาออกแล้วว่ากุญแจที่สามารถปลอดล็อคเครื่องรางนี้อยู่ที่ไหน และฉันก็สามารถหามันเจอในห้องของคุณย่า เพียงแต่ว่า คุณย่าเคยสั่งไว้ว่า ไม่ว่าใครก็ตามห้ามเข้าห้องของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต มิฉะนั้น จะลงโทษตามกฎของตระกูล แล้วคุณกล้าเหรอ?”
กู่หยูเซียวกล่าวเตือน
“มีอะไรที่ฉันไม่กล้า และถ้าจะฆ่า ก็ฆ่ากู่เฟิงเลย วางใจเถอะ!”
กู่หยูเซียวไม่คิดว่าเฉินเกอจะฉลาดขนาดนี้ เพียงแค่เวลาสั้นๆไม่กี่วัน ก็ทำให้กู่เฟิงที่ไม่มีใครเปรียบได้จนกลายเป็นแบบนี้
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมที่มีต่อเฉินเกอ
พูดอยู่ ทั้งสองคนก็เตรียมตัวออกจากห้องขัง และไปที่ห้องของกู่เยว่หือ
แต่เมื่อเดินมาถึงประตูของห้องขัง จู่ ๆกู่เฟิงก็หยุดชะงัก แล้วหันศีรษะกลับไปเล็กน้อย และกะพริบตาให้ไป๋เสี่ยวเฟยสองที
ไป๋เสี่ยวเฟยตะลึง
แม่ง สายตานี่มัน……
เขาเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏตรงมุมริมฝีปากของเขา:
“เจ้าเถีย พวกเรารอดแล้ว ลูกพี่ใหญ่มาแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...