บทที่ 743 เป็นอย่างนี้แต่แรกก็ดี
“ดูเหมือนว่า นายคงจะได้รับสิ่งที่มหัศจรรย์ ๆ มา แต่ว่า แล้วทำไม นายถึงได้สมญานามว่า นักพรตหยิงหยางล่ะ”
เฉินเกอถามขึ้นด้วยอาการสงสัย
“ก็ดูจากลักษณะบุคลิกของแต่ละบุคคล แล้วค่อยได้รับการถ่ายทอดพลังมา เฉินเกอ นายคิดว่านายเก่งที่สุดใช่ไหม คิดว่าในโลกนี้ คงไม่มีใครจะกล้าต่อกรกับนายแล้วใช่ไหม”
ผู้เฒ่าหยิงหยางได้ถามขึ้น
“ฉันไม่เคยคิดแบบนี้เลย”
เฉินเกอส่ายหน้า
“อย่าแสดงตัวเลย ฉันยอมรับนะว่า เมื่อก่อนนายนั้นเก่งจริง และก็มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก แต่ว่า เมื่อก่อนนั้นเรา เป็นเพียงร่องรอยของอดีตที่เกิดขึ้นหลายกัปกัลป์”
“การหมุนเวียนของสิ่งต่าง ๆ บนโลกใบนี้ ล้วนแล้วแต่เกิดจากผู้ฝึกตน ซึ่งคอยควบคุมอยู่ พวกเขานั้น มีพลังเหนือสิ่งต่าง ๆ และพวกเขายังเจ้าของโลกด้วย แทบทุก ๆ ประเทศนั้น ก็จะมีผู้ฝึกตนคอยปกปักรักษาอยู่”
“ถึงแม้ว่าข้าตอนนี้จะมีตำแหน่งสูงที่สุด จนกลายเป็นนักพรตหยิงหยาง ซึ่งมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ฉันรู้ว่า ตัวเองนั้นอยู่ประมาณไหน เพราะฉันเป็นแค่นักพรตหยิงหยางระดับแรกเท่านั้น ซึ่งยังห่างจากนักพรตระดับเก้าอยู่ไกลมาก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่า สรรพสิ่งไหนคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด คงเป็นผู้มีระดับฝีมือที่สุดยอด ๆ ที่ได้รับหลุนหวางแล้วแหละ”
เมื่อหลังจากที่ผู้เฒ่าหยิงหยางได้กล่าวถึงหลุนหวางแล้ว ทันใด ก็มีสีหน้าที่ดูนอบน้อมขึ้นมาทันที
“เหนือนักพรตระดับเก้าขึ้นไป ก็คือ ผู้ที่มีสมญานามว่า หลุนหวาง เหรอ สมญานามนี้ ผู้ใดเป็นผู้ให้กัน”
เฉินเกอถามด้วยความสงสัย
“เฮอะ ๆ ผู้ใดคือผู้ให้น่ะเหรอ นายไม่ต้องอยากรู้หรอก ที่ฉันพูดเรื่องนี้กับนาย ก็เพราะอยากจะแบ่งปันความรู้สึกปิติของฉันให้คนอื่นได้รับรู้เท่านั้น เพราะเมื่อก่อนนี้ ทุกอย่างนั้นได้เกิดขึ้นเร็วมาก จะให้เล่าให้ลูกศิษย์ฟังก็ไม่ได้หรอก เพราะเคยเล่าไปแล้ว เขาก็รู้สึกแค่ตกใจเท่านั้น”
“ฮ่า ๆ ๆ แต่ว่านายนั้นต่างจากเขา เฉินเกอ ที่จริงแล้ว นายคือเด็กหนุ่มที่ดีมากคนหนึ่ง เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม หากบำเพ็ญเพียรให้มากกว่านี้ ยิ่งจะทำให้ทุกคนนั้นรู้สึกประหลาดใจ ฉันนั้นรู้สึกชอบนายมาก แต่ว่า จะให้ทำอย่างไรได้ คนเราเกิดมาสันดานที่ติดตัวมามันไม่เหมือนกัน ฉันนั้นเลวทราม และอีกอย่าง พวกเราก็ได้เข่นฆ่ากันมา เป็นเวลานานแล้ว นายเคยฆ่าฉัน และนายจึงเป็นศัตรูของฉัน”
“ดังนั้น ที่ฉันได้เล่าเรื่องพัฒนาการที่น่ามหัศจรรย์ของฉันให้นายฟัง ฉันก็มีความรู้สึกที่มีความสุขและชื่นใจ หนึ่งปีก่อนหน้านี้ ฉันเป็นแค่ผู้พ่ายที่แพ้ให้แก่นาย ฮ่า ๆ ๆ หนึ่งปีหลังจากนั้น ในวันนี้ พวกเรานั้น ต่างกันราวกับ แม่น้ำหงโกวที่ไม่มีทางที่จะข้ามไปได้”
“เรื่องเหล่านี้ ฉันเก็บอั้นมาหนึ่งปี วันนี้ ได้มีโอกาสพูดออกมาแล้ว”
ผู้เฒ่าหยิงหยางพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“นายอย่าเพิ่งรีบหัวเราะไป ฉันยังมีข้อสงสัยที่ยังไม่ได้ถามอีก หยิงหยาง ในเมื่อนายเก่งขนาดนี้แล้ว แล้วทำไมนายต้องมาอยู่กับคุณชายนิสัยอย่างนี้ด้วย”
เมื่อได้ยินที่หยิงหยางพูดแล้ว ทุกคนต่างคิดว่า เฉินเกอจะรู้สึกกลัว เพราะนี่คือ ศัตรูที่หมายจะเอาชีวิต
ถึงจะไม่ได้รู้สึกกลัว แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีอาการประหม่าบ้าง
แต่คิดไม่ถึงว่า เฉินเกอยังนั่งขาไขว่ห้างอยู่ ซึ่งเหมือนกับ เจ้านายที่นั่งฟังรายงานจากลูกน้อง
เชี่ย
สีหน้าของหยิงหยางนั้น เต็มไปด้วยความโกรธ เพราะรู้สึกไม่พอใจกับกิริยาท่าทางของเฉินเกอ
จากนั้น ก็ได้พูดขึ้นว่า “เฉินเกอ ปฏิกิริยาของนายเร็วอย่างกับเทพ พูดจริง ๆ นะ หนึ่งปีมานี้ ต่อหน้าฉันยังทำตัวอย่างนี้อยู่ก็……”
“อืม รีบตอบคำถามของฉันมา”
เฉินเกอยกมือขึ้น ขัดจังหวะของหยิงหยาง
“ฮืม ไอ้เด็กเมื่อวานซืน กี่ครั้งแล้วที่นายไม่เคยให้เกียรติฉันเลย ดูเหมือนว่า นายคงจะไม่ยอมง่าย ๆ งั้นก็คงต้องบังคับกันแล้วล่ะ วันนี้ จะให้นายได้รู้ว่า อะไรคือ นักพรตเทียนตี้ของจริง ไอ้กบในกะลา ตายซะเถอะ”
จากนั้น หยิงหยางก็ได้ปล่อยเฉินเปียวเปียว
ในมือหยิบดาบมาถือไว้
แล้วชี้ไปยังเฉินเกอ
พิ้ว!
แล้วทันใด บรรยากาศในห้องอาหารก็ได้อึกทึกขึ้นมา
เสียงเอะอะ
โต๊ะเก้าอี้รอบ ๆ ก็ลอยขยับไปมา
แก้วเหล้าร่วงแตกเต็มพื้น
กระจกหน้าต่างแตกกระเซ็น
แค่เพียงปลายดาบรัศมีกระบี่สีม่วงอมดำที่ชี้ไปยังเฉินเกอ
“ร้ายกาจจัง น่ากลัวมาก”
เฉินเทียนกางปากเริ่มมีอาการชัก และตัวก็มีอาการสั่น
และ ในขณะที่เห็นดาบรัศมีกระบี่กำลังจะแทงไปที่เฉินเกอ
ทันใด ดาบรัศมีกระบี่ก็หายไปต่อหน้าต่อตาของเฉินเกอ อย่างกับว่า เป็นไอของควันเมื่อนึ่งอาหาร
“อะไรกัน เป็นไปได้อย่างไร”
หยิงหยางแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น จากนั้น เขาก็ได้มองไปที่มือ ที่กำลังถือดาบที่หายไปไว้
ดาบเล่มนี้มีชื่อว่า จ่านหุน ได้ยินแค่ชื่อเท่านั้น แต่ตอนนี้เพิ่งจะได้เห็นอานุภาพ ตัวเองได้ฝึกมันจนชำนาญ และก็ไม่เคยให้มันห่างจากมือเลย
“อยากรู้ไหม เพราะเหตุใด”
เฉินเกอรู้
“นาย……”
หยิงหยางรู้สึกกลัว จึงได้ถอยหลังกลับไปสองก้าว
เพราะคนที่อยู่ด้านหน้านี้ ได้ทำให้เขานั้นรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
ครึ่ม!
ต่อมา หยิงหยางก็ได้คุกเข่าลง และได้พูดขึ้นว่า
“คุณชายเฉิน ผมผิดไปแล้ว ไม่สิ ผู้อาวุโส โปรดไว้ชีวิตด้วย”
หยังหยางคุกเข่าพร้อมกับก้มหัวคำนับลงกับพื้น
เขาเองก็กลัวตาย ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่กลัวสักเท่าไร แต่ตอนนี้นั้น เขากลัว ไม่ง่ายเลยที่เขาจะมาถึงขั้นนี้ และกลายเป็นผู้มีฝีมือระดับสูง อีกอย่าง ยังเป็นผู้ฝึกตนด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ มันเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ราวกับความฝันเลยทีเดียว
หรือแม้กระทั่ง ฝันก็ยังต้องตื่นเพราะเสียงหัวเราะ
และทุกอย่างที่ได้มานั้น จะไม่ยอมสูญเสียมันไปเด็ดขาด
เมื่อเฉินเกอรู้ว่ามันดูแปลก ๆ และเมื่อหลังจากที่เฉินเกอได้แสดงฝีมือออกมา
เขาเองก็เข้าใจแล้วว่า หนุ่มที่อยู่ด้านหน้านั้น ฝีมือเหนือกว่าเขาอยู่มาก ซึ่งก็เหมือนกับที่เขาได้พูดไปในเมื่อครู่นี้
ตอนนี้ทั้งสองคน ฝีมือต่างกันไกลมาก ซึ่งก็เหมือนกับความยากในการข้ามแม่น้ำหงโกวไป
คนที่น่าจะทุกข์ใจที่สุด ก็คือคนที่เมื่อครู่นั้น ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญในวันนี้ แต่ตอนนี้ กลับเป็นเฉินเกอแล้ว ที่สำคัญที่สุด
ครึ่ม!
และผู้จัดการหวางเองก็รู้สึกงง ๆ จากนั้น จึงได้คุกเข่าลงนั่งกับพื้น
“คุณชายเฉิน ไว้ชีวิตด้วย”
ส่วนคุณชายต้วนนั้น ถึงจะเคยผ่านการใช้พลังภายในต่อสู้กันมาแล้วบ้าง แต่ตอนนี้ เมื่อเห็นอาจารย์ของตัวเองคุกเข่าร้องขอชีวิต
ตัวเองก็ไม่สามารถที่จะดื้อรั้นต่อไปได้
จากนั้น เสียงคุกเข่าก็ได้ดังขึ้น
เฉินเกอเองก็ได้นั่งยังที่นั่งเรียบร้อยแล้ว จากนั้น ก็ได้หยิบถ้วยน้ำชาที่ยังไม่ได้ดื่มขึ้นมาถือเอาไว้ในมือ
เฉินเกอชิมไปสองสามคำ แล้วได้พูดขึ้นว่า
“หยิงหยาง พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ที่จริงก็ ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไร ฉันนั้นชอบคนอื่นพูดกับฉันด้วยกิริยาอย่างนี้ ถ้าหากพวกแกสามคนทำอย่างนี้ตั้งแต่แรก ฉันคงรู้สึกดีใจตั้งนานแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...