"อยากสิ!" เคซานึกได้ก็ตอบออกไปทันที แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ถมึงทึงของเฉินเกอแล้ว เขาก็รีบแก้คำพูด "แต่ไม่ได้ถึงขั้นส่งคนมาลอบฆ่าแก ระหว่างพวกเรามีเรื่องขัดแย้งกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง และฉันก็ไม่ได้สนใจทาตายุ ฟุตาบะด้วย ถ้าหากแกชอบล่ะก็ ฉันถอยให้"
"ที่นี่มีแค่แกกับฉันสองคน พูดเรื่องที่ตัวเองเคยทำออกมาให้หมด ไม่แน่ฉันอาจจะเห็นแก่พ่อของแกแล้วปล่อยแกไปก็ได้" เฉินเกอโบกปัดมือ เมื่อรอให้ไป๋เสี่ยวเฟยเดินออกไปจากโกดังแล้ว เขาจึงพูดกับเคซาต่อ
"ฉันไม่เคยจ้างวานนักฆ่าให้ไปฆ่าแก!"
เคซาสายตาล่อกแล่ก
เขาไม่เชื่อในสิ่งที่เฉินเกอพูดเลยสักนิด สถานที่ซอมซ่อแม้แต่นกก็ยังไม่มาขี้แบบนี้ ต่อให้ตะโกนแหกปากจนคอแตกก็คงไม่มีใครมาช่วยเขา ถ้าหากยอมรับเรื่องที่จ้างวานแร้งมาลอบฆ่าเฉินเกอ เขารู้ว่าวันนี้ไม่มีทางรอดชีวิตออกไปจากที่นี่แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นไม่เชื่อเด็ดขาดว่าแร้งจะแฉเขา
"จริงเหรอ?"
เห็นเคซายังคงยืนหยัดคำเดิม เฉินเกอจึงส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้
จุดบุหรี่หนึ่งมวน จากนั้นเดินไปตรงหน้าเขา เฉินเกอนั่งยองลง แล้วหรี่ตามองไปทางเขา
"ถ้าหากแกหาหลักฐานมาได้ ฉันก็จะยอมรับว่าจ้างวานฆ่า แต่ถ้าหากแกไม่มีหลักฐานล่ะก็ แกจะเป็นคนร้ายที่ลักพาตัวและกักขังหน่วงเหนี่ยว ประเทศโวกั๋วของพวกเราจะลงโทษแกแน่!" เคซากลืนน้ำลาย กัดฟัน ข่มความกลัวไว้ในใจแล้วเอ่ยพูดออก
"ดูท่าทางแกก็รู้กฎหมายอยู่บ้างนี่นา"
"แต่น่าเสียดาย ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว กฎหมายประเทศโวกั๋วของพวกแกก็ไม่สามารถปกป้องแกไว้ได้แล้วล่ะ" เฉินเกอยิ้มอย่างเรียบๆ กวาดตามอง แล้วใช้เหยียบไปที่มือซ้ายของเคซาที่วางอยู่บนพื้น
"เจ็บ......เจ็บชิบหาย......"
สีหน้าของสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยได้รับความทุกข์ทรมานแบบนี้มาก่อนเลย ที่ผ่านมามีแต่รังแกคนอื่น ไม่เคยถูกคนอื่นรังแก
มือของเขาถูกเฉินเกอเหยียบเข้าเต็มแรง เคซาออกแรงอันน้อยนิดของเขาดึงมือกลับมา แต่มือของเขายังคงไม่ขยับ และรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมาก
"เฉินเกอ แกคิดจะทำอะไรกันแน่ ฉันเป็นคุณชายของตระกูลคิมคาวะนะ ถ้าแกกล้าทำอะไรฉันล่ะก็ แกงานเข้าแน่นอน!" หลังจากได้ลิ้มรสความเจ็บปวด เคซาก็สงบเสงี่ยมขึ้น เขายังคงหมอบอยู่ตรงหน้าเฉินเกอ แต่เงยหน้าขึ้น แล้วแยกเขี้ยวยิงฟันมองไปยังเฉินเกอ
"จะพูดไหม?" เฉินเกอมองเขาอย่างนิ่งเฉย แล้วออกแรงที่ขาเล็กน้อย
"โอ๊ย......" เคซาสะดุ้งชักมือกลับเหมือนถูกไฟช็อต เจ็บจนทำให้เขาชาไปทั้งแขน
"ฉันพูดแล้ว ฉันจะบอกให้หมด!" เคซาทนความเจ็บปวดแบบนี้ไม่ได้สักนิด เขารู้สึกว่า ผ่านไปอีกไม่กี่นาที กระดูกที่มือของเขาจะต้องถูกเฉินเกอเหยียบจนหักแน่ๆ เขารับเรื่องแบบนี้ไม่ได้
"งั้นก็พูดออกมา" ได้ยินที่เขาพูด เฉินเกอจึงยกเท้าขึ้น แล้วเลิกคิ้วพลางเอ่ยพูด
"นักฆ่าคนนั้นฉันเป็นคนจ้างเองจริงๆ นั่นแหละ เป็นแร้ง นักฆ่าอันดับที่เจ็บของประเทศโวกั๋ว" เคซาลุกขึ้นนั่ง กุมมือแล้วร้องอย่างไม่มีเสียงครู่หนึ่ง จากนั้นได้ฝืนความเจ็บปวดไว้แล้วเอ่ยพูดออกมา
"งั้นฉันไปจากที่นี่ได้หรือยัง?" เคซารีบลุกขึ้นมา
"แน่นอนว่า ไม่ได้" เฉินเกอยิ้มเรียบๆ แล้วยื่นมือไปจับแขนของเขาไว้ จากนั้นใช้แรงบีบ
"แกร๊ก!"
"อ๊าก"
หลังจากที่เสียงกระดูกหักและเสียงร้องโหยหวนของเคซาดังขึ้น กระดูกที่แขนของเขาก็ถูกเฉินเกอจับหักเอาดื้อๆ เลย เมื่อปล่อยมือออก ก็เห็นแขนของเขาเหมือนขาดการควบคุม ร่วงหล่นลงมาแนบลำตัว
เส้นเอ็นบนหน้าผากของเคซาปูดบวมออกมา เขากำแขนของตัวเองไว้แน่น ตัวกระตุกไม่หยุด
"จำไว้ นี่เป็นการเตือนครั้งแรก ต่อไปถ้าหากยังลงมือทำอะไรฉันหรือตระกูลฟุตาบะอีก ไม่ใช่แค่แกเท่านั้น แต่ทั้งตระกูลคิมคาวะของพวกแกจะหายไปจากประเทศโวกั๋ว" เห็นท่าทางน่าเวทนานี้แล้ว เฉินก็มองโดยไม่กะพริบตา
"จำแล้ว ฉันจำแล้ว!" เคซาตอบตกลงด้วยความหวาดกลัว หลังจากพูดจบเขาก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที กลัวว่าเฉินเกอจะผิดคำพูด ถึงตอนนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงที่นี่
มองเขาจากไปแล้ว เฉินเกอก็ได้สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง
"เฉินเกอ ปล่อยให้ไอ้เวรนั่นหนีไปง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ?" เคซาเพิ่งจากไป ไป๋เสี่ยวเฟยก็เข้ามาทันที มองออกไปด้านนอกพลาง เอ่ยพูดกับเฉินเกอพลาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน
เรื่องนี้มีอัพต่อไหมครับ...
เอาข้อศอกแปลเหรอครับมั่วไปหมดแทนนามหญิงเป็นคำว่าผมเฉย...
กูงงกับการเขียนบทให้พระเอก,รวยมีเงิน,มีรถมีทุกอย่างแล้วก่อยังเขียนให้ดูโง่โดนดูถูกตลอดเวลา,คนเขียนบทมีปมปะเนี่ย...
555เขียนบทให้ตัวเอกโง่ดีครับ...
แล้วจะเขียนบทให้ตัวเอกโง่ไปถึงไหนละครับ...
เขียนแบบทำให้ตัวพระเอกโดนดูถูกมากไปหน่อยอ่านแล้วรำคาญ...
รออัพเดท เรื่องนี้จะมีการอัพเดทอีกไหมค่ะ...