หน้าเมืองโยวโจว ผู้คนมากหน้าหลายตา มีแต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
สองข้างถนนมีเต็นท์ผู้อพยพเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ด้านหน้าสุดของเต็นท์ทั้งสองข้างมีหม้อสีดำขนาดใหญ่สิบกว่าใบถูกวางไว้ ของในหม้อกำลังเดือดปุด
หากมองด้วยตาเปล่า เต็นท์สองข้างนั้นต่างก็มีคนเข้าแถวเป็นสองแถวยาว
ขบวนแถวหนึ่งดูเหมือนกำลังตรวจดูอาการป่วย ขบวนแถวนี้ต่อแถวกันยาวมาก อาจเป็นเพราะหมอมีน้อย
ส่วนอีกขบวนหนึ่ง น่าจะเป็นการต่อคิวรับข้าวต้ม
ไม่ใช่มีเพียงแค่สองแถวนี้เท่านั้น
ด้านหน้ากำแพงเมืองอันสูงตระหง่านมีประกาศติดไว้ ตรงนั้นมีผู้ลี้ภัยมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
ด้านหน้าประตูเมืองมีแถวคนสองแถวต่อกันยาวมาก
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองแถวนี้ไม่เหมือนกับขบวนแถวรับข้าวต้ม พวกเขามีสัมภาระใบใหญ่ ใบเล็ก มากันทีละครอบครัว พวกเขาน่าจะกำลังเข้าแถวเพื่อรอเข้าเมือง
แต่น่าเสียดาย ทั้งสองด้านที่วางโต๊ะเก้าอี้หลายตัวไว้ตรงนั้นกลับไม่มีคน
ซ่งฝูหลิง พนักงานกำลังพักผ่อนช่วงกลางวันหรือ?
เฉียนเพ่ยอิง เหมือนนั่งรถไฟแล้วเข้าคิวเช็คตั๋วเพื่อขึ้นรถไฟ เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วจะไม่แสดงตนออกมาจนกว่าจะถึงเวลายี่สิบนาทีก่อนออกเดินทาง
ประตูใหญ่ถูกปิดสนิท แม้แต่มุมประตูก็ยังถูกล็อคไว้
ซ่งหลี่เจิ้งดึงชายเสื้อของซ่งฝูเซิงด้วยมืออันสั่นเทา ซ่งฝูเซิงเข้าใจในความหมายที่ท่านลุงหลี่เจิ้งอยากจะบอก ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับพวกเรา
ใช่สิ เขาก็กังวลใจมากเช่นกัน เขาเห็นประตูใหญ่นั่นก็รู้สึกได้แล้ว
ที่ข้างทาง ทหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบนำทางตะโกนใส่พวกเขา “ตามกันไปๆ ไปอ่านประกาศสิ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทำไมกัน!”
ลุงใหญ่ของซ่งฝูเซิงถามว่า “นายทหารท่านนี้ เมื่อไหร่พวกข้าจะขอข้าวต้มกินได้ เด็กๆ หิวกันแล้ว”
ทหารเตะก้นเขาไปหนึ่งที “ให้มาอ่านประกาศ อ่านประกาศ ฟังไม่เข้าใจ?!”
โอ้ว อ่านประกาศก็อ่านประกาศสิ เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว โดนเตะไปทีหนึ่งเกือบทำให้เขาล้ม เดิมทีแข้งขาก็ไม่ค่อยดี พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือ
หนึ่ง พวกเจ้าต้องไปเข้าแถวสองแถวนั้นเพื่อตรวจโรคเสียก่อน ให้ท่านหมอได้จับชีพจรดูให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นโรคระบาด ท่านหมอจะให้ไม้แท่งเล็กๆ กับพวกเจ้า
สอง จำเป็นต้องไปตรวจดูโรคก่อน หลังจากนั้นคนที่มีไม้แท่งเล็กนี้ถึงจะสามารถหาเต็นท์ที่ว่างได้ ด้านหน้าของทุกเต็นท์จะมีคนคอยตรวจสอบ จะเข้าออกก็ต้องพกติดตัวไว้ หากทำหายก็ไม่สามารถเข้าไปในเต็นท์นั้นได้
อีกทั้งไปเอาข้าวต้มก็ต้องใช้สิ่งนี้ สามารถไปเอาแทนกันได้ แต่ไม้แท่งเล็กหนึ่งแท่งนี้จะได้ข้าวต้มเพียงแค่ชามเดียว หากทำหาย เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาอาหารแล้ว
สาม ซ่งฝูเซิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดเกี่ยวกับการเข้าเมืองที่แบ่งเป็นสามแบบ
แบบแรก ที่น่าอนาถสุดคือการสักตัวอักษรบนใบหน้าเพื่อเป็นคนงานกองหนุน คอยสร้างตึกกำแพง ขุดแหล่งน้ำ ที่ไหนมีความต้องการ พวกเจ้าก็ต้องไปที่นั่น
แบบที่สอง เป็นทหารกองหนุน ทุกคนรู้จักทหารกองหนุนหรือไม่? คอยปลูกพืชปลูกผักให้กับทหาร ไม่สามารถออกไปไหนตามใจได้ ได้แต่อยู่ในสถานที่ที่กำหนดให้ เมื่อบ้านเมืองมีสงครามก็จะถูกเกณฑ์มา วันนั้นพวกเจ้าก็จะได้ออกรบ เวลาว่างก็ทำไร่ไถนา แต่เมื่อมีสงครามก็ค่อยไปออกรบ
แบบที่สาม ตามความเหมาะสม กล่าวคือ ถ้าพวกเขาคิดว่าเจ้าคู่ควรที่จะเป็นประชาชนของที่นี่เจ้าก็จะได้เป็น แต่หากบอกว่าเหมาะสม ก็จะไม่ได้เป็น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ผู้เฝ้ารักษาประตูเมือง
ในสามข้อนี้ ทุกคนไม่ใช่จะได้ใช้อยู่ชีวิตในเมืองโยวโจว หัวเมืองมีมากมาย หากส่งเจ้าไปที่ไหน เจ้าก็ต้องไปที่นั่น เข้าเมืองไปแล้วจะมีคนนำทางไปอีกที
ในสามข้อข้างต้น สิ่งสำคัญคือ ต้องไปเข้าแถว หากไม่เข้าแถวจะถูกตัดหัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...