คุยโวโอ้อวดเพื่อระบายอารมณ์
ตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่ซ่งฝูเซิงมีความสุขมากที่สุด
การเดินทางอันยาวไกล ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
สิ่งสำคัญก็คือ เขาจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเป็นกังวลกับเรื่องต่างๆ แล้ว
เขามองดูผู้คุมขบวน คนกลุ่มนี้ แค่ดูให้เดินตามหลังผู้นำขบวนไปก็พอ พวกเขาไปไหนก็ไม่ต้องคอยดูแลอีก ต่อไปจะทำอะไรก็ไม่ต้องใส่ใจ มีหลักประกันความปลอดภัยในชีวิตโดยมีหน่วยงานรัฐดูแลพวกเขาอยู่
ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ข้างทางและกำลังพูดคุยกันอย่างครื้นเครง
ลูกสะใภ้คนเล็กของบ้านกัวพูดกระซิบกระซาบกับพี่น้องสะใภ้ที่อยู่ใกล้กัน “ใต้เท้าท่านนั้นก็เชื่อจริงๆ ที่พวกเราบอกว่าเป็นเครือญาติเก้าชั่วคนเขาก็เชื่อ ช่างหลอกง่ายจริง ยอมให้พวกเราผ่านเข้าประตูเมืองไปในตอนนั้น ข้ายังคิดว่าตนเองฟังผิดไป”
กัวคนสามได้ฟังภรรยาของตนเองพูดจนจบ เขายังคิดว่าตนเองฟังผิดไป ทำไมภรรยาถึงได้โง่ขนาดนี้นะ เขาถึงกับด่ากลับไป “เจ้าโง่ไปแล้วหรือเปล่า”
ซ่งหลี่เจิ้งกวักมือเรียกซ่งฝูหลิง “มานี่ เจ้าเด็กน้อย มาหาปู่ตรงนี้”
ซ่งฝูหลิงเดินมาอยู่ตรงหน้า ซ่งหลี่เจิ้งก็พูด “พวกเราต้องขอบใจพั่งยา”
ทุกคนต่างพูดเสริมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ใช่แล้ว ใช่แล้ว”
“เอ่อ? เพราะอะไร?”
ซ่งหลี่เจิ้งกล่าวพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบ “เจ้าโยนขวดจนเกิดเสียงระเบิดดังลั่น นำพาผู้มีพระคุณมา หากเจ้าไม่ทำให้เกิดเสียงดัง ม้าของผู้มีพระคุณก็คงไม่หยุดเดิน พ่อของเจ้าก็คงทำเรื่องไม่สำเร็จใช่ไหม?”
ซ่งฝูหลิงเกาหัวพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ก็ใช่นะ ที่ท่านปู่พูดออกมาก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น”
ท่านยายหวังตบมือขึ้นมาทันที ดูเหมือนนางจะค้นพบสิ่งแปลกใหม่ นางชี้ไปที่ใบหน้าของซ่งฝูหลิง “พวกเจ้าดูสิ โอ้ว สวรรค์ พวกเจ้ารีบมาดูเร็ว”
หญิงหลายคนต่างหันมามอง
ซ่งฝูหลิงเริ่มตื่นตระหนก ใบหน้าของนางเป็นอะไรหรือ?
ท่านยายหวังรีบพูดออกมา “เวลาพั่งยายิ้ม ทำไมถึงหน้าตาดีเช่นนี้นะ ดวงตาดั่งพระจันทร์ ข้าเพิ่งรู้ โอ้ว เด็กคนนี้ช่างหน้าตาดี พวกเจ้าว่า นางเลือกเอาแต่ด้านดีของพ่อแม่มาไหม? เจ้าเด็กคนนี้เติบโตมาดี”
ทุกคนต่างพูด “ใช่สิ ใช่สิ” ป้าใหญ่ของซ่งฝูเซิงก็พูดเสริมขึ้น “แค่มองก็รู้ว่าอนาคตดี”
ซ่งฝูหลิง “…”
ท่านลองคิดดู ข้าจะเชื่อพวกท่านได้ไหม
ข้าไม่ได้ล้างหน้ามาครึ่งเดือนแล้ว พวกท่านยังเห็นใบหน้าของข้าว่าเป็นอย่างไรได้อย่างชัดเจน?
ข้าเคยเข้าไปในพื้นที่พิเศษเพื่อส่องกระจกดูตนเอง ข้ายังตกใจกับสภาพของตนเองมาแล้ว
ท่านย่าหม่าไม่ได้เข้าร่วมพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อสนทนาของหลานสาว นางเข้าร่วมกลุ่มสนทนากับครอบครัวนอกห้าครอบครัว
ก่อนหน้านั้น มีท่านยายครอบครัวหนึ่งเล่าเรื่องราวอันน่ารันทดมากจนทำให้มีอารมณ์ร่วม ถึงกับหลั่งน้ำตาตาม
หลังจากนั้นท่านยายคนนั้นก็บรรยายเรื่องครอบครัวของตนเองว่าช่างน่าอนาถเช่นไร
ตามคำบอกเล่าของคนในขบวนของพวกเขานี้ ขบวนป้ายสีดำจำเป็นต้องผ่านตลาดสด เพราะที่นั่นมีการจัดอาหารสามมื้อให้ต่อวัน และให้ประชาชนทั่วไปสามารถเยี่ยมชมได้
เสมือนเปิดนิทรรศการการศึกษาที่ลึกซึ้ง ให้ประชาชนในท้องถิ่นได้เห็นว่านี่คือสภาพเหตุการณ์หลังจากที่เมืองแตกสลาย เมื่อหัวเมืองนี้ถูกครอบครองโดยท่านอ๋ององค์อื่น พวกเจ้าอาจจะมีชะตากรรมที่ไม่ได้ดีไปกว่าพวกกรรมกรใช้แรงงานอย่างพวกเขาเหล่านี้
ดังนั้นพวกเจ้าควรจะต้องทำอย่างไร? ใช่แล้ว คำตอบที่ถูกต้องคือ ประชาชนในหัวเมืองจะต้องยืนหยัดสู้รบกับศัตรูภายนอกที่เข้ามาโจมตี
ขบวนทหารกองหนุนป้ายสีขาว ตลอดการเดินทางจะได้รับการกระตุ้นให้อยากเรียนรู้ เวลาเดินช้า ใครป่วย เจ้าหน้าที่ทหารจะทุบตีด่าทอพวกเขาว่า พวกเขาไม่เต็มใจมาเป็นทหารที่นี่ของพวกเรา? พวกเจ้าอยากเป็นคนของที่นี่ กินอาหารที่คนในท้องถิ่นของพวกเราเสียภาษี อยู่บ้านที่สร้างจากภาษีของคนในพื้นที่ จะออกแรงช่วยพวกเราทำงานไม่ได้หรือไง?
ถ้าไม่อุทิศทั้งชีวิต พวกเจ้าจะมีค่ามากพอที่พวกเราจะเปิดประตูรับพวกเจ้าไหม? ทำไมพวกเราต้องยอมรับพวกเจ้าเข้ามากินอยู่ฟรีๆ ด้วย
ขบวนคนป้ายสีแดงเข้มยังดี พวกเขายังนับว่าเป็นประชาชนในพื้นที่แล้ว แต่ผู้คุมขบวนป้ายสีแดงเข้มมีน้อย กลับต้องคอยคุมคนจำนวนมาก จุดหมายสถานที่ปลายทางของพวกเขาค่อนข้างกระจัดกระจายมากขึ้น เมื่อถึงหมู่บ้านในเมืองโยวโจวก็จะทิ้งคนไว้กลุ่มหนึ่ง หัวเมืองถัดไปเป็นเมืองซวินหยางก็จะทิ้งคนไว้อีกกลุ่มหนึ่ง เมืองจวินโจว เป็นต้น ไม่ว่าเดินไปที่เมืองไหนก็ตามก็จะทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เสมอ
ผู้คุมขบวนของพวกซ่งฝูเซิงแซ่เถิง ผู้คุมเถิงก็ส่งสัญญาณเรียกทุกคน “มา มาทางนี้ ทุกคนลุกขึ้นได้แล้ว พวกเราจะออกเดินทางแล้ว”
จุดแรกคือ ไปจวนใหญ่ที่ถูกตั้งขึ้นเป็นลานแจกข้าวต้ม
ในบรรดาพวกเขา มีทหารติดตามทั้งหมดสิบสองคน แต่ละคนต่างพูดจาสุภาพมาก
ทหารคนหนึ่งในนั้นได้บอกกับพวกซ่งฝูเซิงว่า “สถานที่นั้น ถึงแม้จะเรียกว่าลานแจกข้าวต้ม แต่ครอบครัวใหญ่เตรียมสิ่งของให้พวกพี่น้องไม่ได้มีเพียงแค่ข้าวต้มหรอกนะ”
ช้าก่อน ‘พี่น้อง’ รึ ท่านลองฟังคำเรียกนี้ เขาปฏิบัติกับพวกเราเสมือนคนกันเอง
“ดังนั้น เมื่อถึงที่นั่นแล้ว กินให้เยอะ ดื่มให้มากหน่อย ถ้ากินไม่ไหวก็หยิบซาลาเปาหลายๆ ลูกนำติดตัวไปด้วย อย่าหวังว่าจะซื้อของจากร้านค้าระหว่างทาง ร้านบนถนนสายหลวงขายสิ่งของราคาแพง อีกอย่าง ครอบครัวใหญ่เหล่านั้นบริจาคเสื้อผ้าบางส่วนมาให้ พวกเจ้าก็เลือกเสื้อผ้าหนาๆ หน่อยแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเสีย โดยเฉพาะเด็กเล็ก ทำให้ร่างกายอบอุ่นไว้ อย่าทำเป็นเขินอาย เสียหน้า จะได้ไม่ต้องลำบากระหว่างการเดินทาง”
ซ่งฝูเซิง ซ่งฝูหลิง สองพ่อลูกคิดเหมือนกัน ใต้เท้า พูดออกมาท่านอาจจะไม่เชื่อ ท่านคิดมากเกินไป ท่านคิดว่าพวกเราเหมือนกลุ่มครอบครัวพวกนั้นที่เดินอยู่ข้างหน้าหรือ พวกเราไม่มีอะไรให้ต้องรู้สึกเสียหน้าอีกแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...