ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 249

บท​ที่​ 269

การต่อสู้​

“ เรื่อง​นี้​ไม่น่า​ยาก​ ข้า​ต้องการ​ค่าย​กล​แนวรบ​ของ​ทหาร​รักษา​เมือง​” หลิน​เว่ย​กล่าว​อย่าง​ใจเย็น​

เมื่อ​ได้ยิน​คำขอ​ของ​หลิน​เว่ย​ ที่​มีต่อ​ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ก็​ไม่ได้​โต้แย้ง​ เขา​พยักหน้า​อย่าง​ลับ​ๆและ​เห็นได้ชัด​ว่า​เห็นด้วย​กับ​การ​เรียกร้อง​ของ​หลิน​เว่ย​

“ต้องการ​คัมภีร์​ลับ​การต่อสู้​หรือ​…..ไม่มีปัญหา​ อย่างไรก็ตาม​คัมภีร์​นี้​เป็น​ของ​ข้า​ คนอื่น​ ๆ อาจ​ไม่สามารถ​เรียนรู้​ได้​ แต่​เจ้าถือได้ว่า​เป็นสมาชิก​ใน​ครอบครัว​ … ” หลังจาก​ได้ยิน​สิ่งที่​ หลิน​เว่ยขอ​ ใบหน้า​ของ​ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ ก็​แสดง​สีแปลกใจ​ จากนั้น​ก็​ขมวดคิ้ว​ลังเล​

“แต่​อะไร​?” เมื่อ​ได้ยิน​คำพูด​ต่อหน้า​ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ หลิน​เว่ย​ก็​ยังคง​ไม่แสดงออก​ แต่​เขา​รู้สึก​โล่งใจ​และ​แสดง​ความรู้สึก​ดีใจ​ อย่างไรก็ตาม​เมื่อ​เขา​ได้ยิน​คำพูด​ท้าย​ หัวใจ​ของ​เขา​ก็​แขวน​ค้าง​ และ​หัวใจ​ก็​เต้น​เร็ว​ขึ้น​

คัมภีร์​นี้​มีความสำคัญ​ต่อ​เขา​มาก​ หาก​เขา​สามารถ​ใช้มัน​กับ​สัตว์​อสูร​โครงกระดูก​ หรือ​สัตว์​อัญเชิญ​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​เขา​ จะพุ่ง​ทะยาน​อย่าง​แน่นอน​ ก่อนหน้านี้​มีเพียง​เก้า​ระดับ​ของ​ราชา​แห่ง​การต่อสู้​ สามารถ​ก้าว​กระโดด​ไป​ยัง​ สอง​ระดับ​เล็ก​ ๆ ต่อเนื่อง​กัน​ได้​

จาก​ขั้น​กลาง​ของ​ระดับ​จักรพรรดิ​ ไป​จนถึง​มหา​จักรวรรดิ​

แน่นอน​ว่า​ คัมภีร์​การต่อสู้​ครั้งนี้​ อาจ​ไม่มีประโยชน์​สำหรับ​เขา​ แต่​ทุกอย่าง​ต้อง​พยายาม​ ก่อนที่​เรา​จะรู้​ผลลัพธ์​สุดท้าย​

“อันที่จริง​แล้ว​ ค่าย​กล​การต่อสู้​นี้​ข้า​ได้มา​โดยบังเอิญ​ และ​มัน​ก็​ไม่สมบูรณ์​ แม้แต่​ชื่อ​ของ​ค่าย​กล​การต่อสู้​นี้​ ก็​ถูก​สร้าง​ขึ้น​โดย​ข้า​ ข้า​มีเพียง​สอง​คัมภีร์​ค่าย​กล​การต่อสู้​สอง​แบบ​ แบบ​แรก​คือ​ที่​เจ้าได้​เห็น​ก่อนหน้านี้​

และ​ต้อง​ใช้คน​สิบ​คน​เพื่อ​ช่วยกัน​ เรียก​ว่า​ ค่าย​กล​แนวรบ​ประสาน​และ​อีก​แบบ​คือ​ใช้คน​จำนวน​ 100 คนใน​การ​สร้าง​ค่าย​กล​ เรียก​ว่า​ ไป๋​มู่ ”

หลังจากที่​ ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​พูด​จบ​ เขา​ก็​หัน​มอง​ไป​ที่​ หลิน​เว่ย​อย่าง​เงียบ ๆ​ เขา​บอก​ข้อดี​ข้อเสีย​ไป​แล้ว​ ขึ้นอยู่กับ​ตัว​หลิน​เว่ย​เอง​

“ ไม่เป็นไร​! การต่อสู้​ทั้งสอง​ประเภท​นี้​ เพียง​พอแล้ว​” หลิน​เว่ย​พยักหน้า​อย่าง​รวดเร็ว​และ​กล่าว​ยอมรับ​

“อืม​! ดีแล้ว​ ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​พยักหน้า​และ​ตอบรับ​คำขอ​ของ​หลิน​เว่ย​

หลังจากนั้น​ไป่​ห​ลี่​ ซวน​เช่อ​ ก็​หยิบ​กระเป๋า​มิติ​ออกมา​มากกว่า​สิบ​ใบ​และ​เริ่ม​ใส่สิ่งของ​ต่าง ๆ​ กระเป๋า​มิติ​แต่ละ​ใบ​บรรจุ​หิน​หยวน​ชั้นดี​ 10 ล้าน​ชิ้น​ พร้อม​เครื่อง​ซวน​ระดับ​กลาง​ สำหรับ​ซวน​ฉีนั้น​เป็น​แบบ​สุ่ม และ​มีชิ้นส่วน​อาวุธ​และ​ชุด​เกราะ​ทั้งหมด​

อย่างไรก็ตาม​ เมื่อ​ถึงตา​ของ​หลิน​เว่ย​ เขา​ได้​นำ​ซวน​ที่​ดี​ที่สุด​ห้า​ชิ้น​ออกมา​ และ​ปล่อย​ให้​หลิน​เว่ย​เลือก​ แน่นอน​ว่า​เหตุผล​ที่​เขา​ทำ​เช่นนี้​ ก็​คือ​เขา​ไม่ต้องการ​ให้​หลิน​เว่ย​พูดมาก​อีกครั้ง​

หลิน​เว่ย​รับมือ​ได้​ยาก​มาก​และ​ค่อนข้าง​ยาก​ ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​สามารถ​เห็นชัด​ได้​ใน​วันนี้​ เขา​คิดในใจ​ว่า​ ไม่น่าแปลกใจ​ที่​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​จะรับ​เขา​เป็น​ศิษย์​

ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ เพิ่ง​ได้สติ​ว่า​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​และ​ หลิน​เว่​ยวา​งกับดัก​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่หยิบ​เครื่องมือ​ศักดิ์สิทธิ์​ออกมา​ ดังนั้น​เขา​จึงตั้งเป้า​ไป​ที่​ซวน​ฉีชั้นยอด​แทน​

ตอนแรก​ เขา​ขอ​อาวุธ​ศักดิ์สิทธิ์​ระดับ​ต่ำ​ สิบ​ชิ้น​ ซึ่งทำให้​เขา​ประมาท​ จากนั้น​เขา​ก็​ลด​มาตรฐาน​ลง​ทีละขั้น​ ซึ่งทำให้​เขา​งุนงง​ ในกรณีนี้​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​มักจะ​หน้าแดง​ ราวกับว่า​เขา​กำลัง​ครุ่นคิด​ อันที่จริง​ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ตกหลุมพราง​ของ​อีก​ฝ่าย​โดยไม่รู้ตัว​

หลังจาก​คิดออก​แล้ว​ ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ก็​หัน​ไปหา​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ ในขณะที่​หลิน​เว่ย​กำลัง​เลือก​ ซวน​ฉี เขา​พูด​ด้วย​ความโกรธ​ “ดี​ ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​ ข้า​ยัง​ถือว่า​เจ้าเป็น​คนใน​ครอบครัว​ แต่​เจ้าและ​ศิษย์​ของ​เจ้าพร้อมใจกัน​ที่จะ​ทำลาย​ข้า​”

“อืม​ เจ้ากำลัง​พูดถึง​อะไร​! ข้า​จะหักหลัง​เจ้าได้​อย่างไร​! ถ้าไม่ใช่เพราะ​ข้า​ เจ้าคิด​ว่า​จะแก้ปัญหา​ด้วย​สิ่งนี้​ได้​หรือ​? ข้า​ที่​ช่วย​เจ้ามากมาย​ขนาด​ โดย​ไม่ได้​คาดหวัง​ นี่​ข้า​ยัง​เป็น​คน​ไร้​หัวใจ​ใน​จิตใจ​เจ้าอีก​งั้น​หรือ​?”

โดยธรรมชาติ​แล้ว​ซางกวน​ฮ่าว​หยาง​จะไม่ยอมรับ​ คำกล่าวหา​ของ​ไป่​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ เขา​ยัง​แสดงท่าทาง​ไม่พอใจ​และ​กล่าว​หาว่า​อีก​ฝ่าย​ว่า​เป็น​คน​คิดเล็กคิดน้อย​

“เจ้า…!” ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​พูดไม่ออก​ ใน​ใจของ​เขา​พูด​ได้​ว่า​ทรมาน​มาก​ เขา​เสียศักดิ์ศรี​จริงๆ​

“ปรมาจารย์​ไป๋​ห​ลี่​! ข้า​เลือก​ได้​แล้ว​” เมื่อ​ไป่​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​รู้สึก​บึ้งตึง​ หลิน​เว่ย​ก็​อ้า​ปาก​พูด​ พร้อมกับ​ต่างหู​ใน​มือ​

“ปรากฏ​ว่า​ เจ้ามีวิสัยทัศน์​ที่​ดี​ ความสามารถ​ของ​เครื่อง​ซวน​ชั้นยอด​นี้​ คือ​การ​เพิ่มขึ้น​ของ​พลัง​วิญญาณ​ สำหรับ​พลัง​วิญญาณ​ที่​ต่ำกว่า​ขั้น​สวรรค์​นั้น​ สามารถ​เพิ่มขึ้น​เป็น​สองเท่า​ได้​โดยตรง​ แม้ว่า​พลัง​วิญญาณ​ของ​ขั้น​สวรรค์​ จะสามารถ​เพิ่มขึ้น​ครึ่งหนึ่ง​

และ​เป็น​แบบ​ถาวร​ ตราบใดที่​ยังคง​สวมใส่​ ผลลัพธ์​นี้​จะคงอยู่​ตลอดไป​ อย่างไรก็ตาม​สำหรับ​พลัง​วิญญาณ​ที่สูง​กว่า​ขั้น​ศักดิ์สิทธิ์​ มัน​สามารถ​เพิ่มขึ้น​ได้​เพียง​ 10ส่วน​เท่านั้น​ ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ที่​มอง​ไป​ที่​ต่างหู​ใน​มือ​ของ​หลิน​เว่ย​ เขา​พยักหน้า​และ​กล่าว​สีหน้า​ของ​เขา​ไม่มีอะไร​มาก​

“ขอบคุณ​ท่าน​มาก​ สำหรับ​ของขวัญ​ อย่างไรก็ตาม​เครื่อง​ซวน​ที่​ยอดเยี่ยม​นี้​ ท่าน​ไม่เก็บ​เอาไว้​ใช้เอง​หรือ​?” หลิน​เว่ย​มอง​ไป​ที่​ ไป๋​ห​ลี่​ซวน​เช่อ​ด้วย​ความสงสัย​ และ​ถามด้วย​ความ​ขมวดคิ้ว​

ซ่งฝูห​ลิง​ยืน​ฟังอยู่​ด้านนอก​หน้าต่าง​ชั่วขณะหนึ่ง​

เมื่อ​ครู่​ท่าน​ย่า​ใหญ่​ของ​นาง​มาแล้ว​

ท่าน​ย่า​ใหญ่​ถือ​ชามกับ​ตะเกียบ​ ใน​อ้อมแขน​ยังมี​หม้อ​กระเบื้อง​ สามารถ​มองเห็น​ไอ​ร้อน​ลอย​ออก​มาจาก​หม้อ​กระเบื้อง​ได้​

นี่​ตั้ง​ใจมาส่งอาหาร​ให้​กิน​

ซ่งฝูห​ลิง​คิด​ว่า​ อาหาร​วาง​ไว้​นาน​ไม่ได้​ มิเช่นนั้น​อาหาร​จะเย็น​หมด​ นาง​ไม่สนใจ​ว่า​ท่าน​ย่า​จะกิน​หรือไม่​ นาง​ให้​ท่าน​ย่า​ใหญ่​นำ​อาหาร​เข้าไป​วาง​ไว้​ใน​ห้อง​ก่อน​

ปรากฏ​ว่า​ หญิง​ชรา​ทั้งสอง​เมื่อ​เจอ​หน้า​กัน​ก็​ทะเลาะ​กัน​แล้ว​

ถ้าจะพูด​ให้​ถูก​ก็​คือ​ ท่าน​ย่า​ของ​นาง​ฝ่าย​เดียว​ที่อยู่​ๆ ก็​เกิด​อารมณ์​โมโห​ขึ้น​มา นาง​ต่อว่า​ท่าน​ย่า​ใหญ่​ทันที​

นาง​ลุกขึ้น​จาก​ตั่ง​แล้ว​พูด​ขึ้น​ “เก่​อเอ้อร์​นิว​!”

ท่าน​ย่า​ใหญ่​พูด​ขึ้น​ “ ทําไมเข้า​ห้อง​มาก็​โดน​เรียก​ว่า​ เก่​อเอ้อร์​นิว​ละ​เนี่ย​ ข้า​มาส่งอาหาร​ให้​เจ้า เจ้ายัง​จะเรียก​ข้า​ว่า​ เก่​อเอ้อร์​นิว​ อีก​หรือ​?”

ท่าน​ย่า​หม่า​ “ใน​ปี​นั้น​ทําไมเจ้าถึงไม่ขาย​ควาย​? ข้า​ขอร้อง​เจ้าขนาด​นั้น​แล้ว​ เกือบจะ​โขก​หัว​ให้​กับ​เจ้าหลายครั้ง​ เจ้าก็​ไม่ขาย​”

คาด​ว่า​ท่าน​ย่า​ใหญ่​คง​ตกใจ​ที่​โดน​ตะคอก​ใส่

ท่าน​ย่า​ใหญ่​ถามขึ้น​ “ทําไมถึงพูด​เรื่อง​ควาย​ตัว​นั้น​อีก​ เรื่อง​นี้​ผ่าน​ไป​ตั้ง​นาน​แล้ว​ไม่ใช่หรือ​ควาย​ตัว​นั้น​ก็ได้​ถูก​ฆ่าตาย​ระหว่าง​การ​เดินทาง​ เจ้าก็​ยัง​กิน​มัน​ด้วย​ ข้า​จําได้นะ​ว่า​เจ้ากิน​ไป​เยอะ​มาก​”

หลังจากนั้น​แล้ว​ ท่าน​ย่า​หม่า​ก็​พูด​ต่อ​

“หลังจากนั้น​แล้ว​ ไม่ใช่ข้า​อยาก​จะทะเลาะ​เรื่อง​ควาย​กับ​เจ้า เป็น​เพราะ​ข้า​ลืม​เรื่อง​ใน​ปี​นั้น​ไม่ได้​ ถ้าปี​นั้น​เจ้าขาย​ควาย​ ข้า​ก็​อาจจะ​คืนเงิน​ทั้งหมด​ให้​กับ​พี่สาว​ได้​แล้ว​…

…ข้า​ขอร้อง​กับ​เจ้า เรียก​พี่สะใภ้​ตลอดไป​ เจ้าไม่เพียงแค่​ไม่ขาย​ควาย​ เจ้ารู้เรื่อง​ที่​ข้า​ยืม​เงิน​ของ​พี่สาว​แล้ว​ไม่มีเงิน​คืน​ เจ้าก็​ยัง​นำ​เรื่อง​นี้​ไป​ป่าวประกาศ​จน​ทั่ว​…

…เจ้ารู้ดี​ว่า​เรื่อง​นั้น​ข้า​ละอายใจ​มาก​แค่​ไหน​ อึดอัด​ใจมาก​ เจ้ายัง​หัวเราะเยาะ​ได้​ ใน​สอง​ปี​นั้น​ข้า​แทบจะ​เงยหน้า​ไม่ขึ้น​…

…ทําไมเจ้าถึงแย่​ขนาด​นี้​? ไม่ให้​ข้า​ยืม​เงิน​แม้แต่​หนึ่ง​เห​วิน​ ไม่ยื่นมือ​เข้าไป​ช่วย​เลย​แม้แต่น้อย​ แถมเจ้ายัง​ดู​มีความสุข​อีก​”

ซ่งฝูห​ลิง​ฟังอยู่​ด้านนอก​ นาง​ลังเลใจ​ว่า​จะเข้าไป​ข้างใน​ดี​หรือไม่​ หลังจากนั้น​นาง​ก็​ได้ยิน​เสียง​ท่าน​ย่า​ใหญ่​ร้องไห้​

ท่าน​ย่า​ใหญ่​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ปน​สะอื้น​ “นี่​มัน​เป็นเรื่อง​ที่​เกิดขึ้น​นานมาแล้ว​ เจ้าก็​ยัง​รื้อฟื้น​ขึ้น​มาอีก​ ข้า​เป็น​พี่สะใภ้​เจ้ามาหลาย​ปี​ ข้า​ปฏิบัติ​กับ​เจ้าอย่างไร​?…

…น้อง​รอง​มีอา​การทรุด​หนัก​และ​ต้อง​ใช้ยา​รักษา​อยู่​ตลอดเวลา​ ข้า​กับ​พี่ใหญ่​ของ​เจ้ารังเกียจ​พวก​เจ้าว่า​เป็น​ภาระ​หรือ​? ครั้งนั้น​พวก​ข้า​ไม่เคย​ที่จะ​เอะอะโวยวาย​ให้​แยก​บ้า​น.​..

…ทําไมตอนหลัง​ข้า​ถึงไม่ถูก​กับ​เจ้า เจ้าไม่รู้​จริงๆ​ หรือ​?”

“ข้า​ไม่รู้​!”

ท่าน​ย่า​ใหญ่​ “เพราะ​พ่อ​สามีลําเอียง!”

นาง​ยัง​พูด​ต่อ​ “เจ้ามีเหตุผล​อะไร​? เจ้ารู้สึก​น้อยเนื้อต่ำใจ​หรือ​? แล้ว​ข้า​ไม่น้อยใจ​บ้าง​เลย​หรือ​? ข้าน้อย​ใจมาหลาย​สิบ​ปี​แล้ว​”

ซ่งฝูห​ลิง​ยืน​อยู่​นอก​หน้าต่าง​ นาง​เงี่ย​หูฟัง​

จาก​มุมที่​นาง​ได้ยิน​ ท่าน​ย่า​ใหญ่​ร้องไห้​ด้วย​ความเสียใจ​มาก​ นาง​รำพัน​ด้วย​ความน้อยใจ​อยู่​สามประเด็นหลัก​

เรื่อง​แรก​ พวกเรา​เป็น​ครอบครัว​เดียวกัน​ ครอบครัว​ของ​พวกเรา​ยากจน​ แต่​พ่อ​ของ​สามีจิตใจ​ยัง​ใฝ่สูง

ที่​บ้าน​ช่วยเหลือ​สามีของ​เจ้าที่​ป่วยหนัก​จน​เหนื่อย​เอว​แทบ​หัก​ ผล​ก็​คือ​ท่าน​พ่อ​ได้ยิน​คนแก่​คน​หนึ่ง​ใน​หมู่บ้าน​หนิ​ว​พูดพล่าม​เพียง​ไม่กี่​ประโยค​ เขา​กลับมา​ก็​จะส่งเสีย​ให้​ซ่งฝูเซิงได้​เรียนหนังสือ​

หาก​คาดหวัง​ให้​คนรุ่นหลัง​เรียนหนังสือ​เพื่อ​มีอนาคต​ดี​ ท่าน​ย่า​ใหญ่​คิด​ว่า​ ทําไมถึงไม่ส่งเสีย​ลูกชาย​ของ​นาง​เรียนหนังสือ​?

ท่าน​ยาย​กัว​กล่าวว่า​ “ลูกสะใภ้​เจ้าท้อง​ใหญ่​แล้ว​”

ป้า​ใหญ่​ของ​ซ่งฝูเซิงบอก​อี​กว่า​ “ถ้าไม่ใช่เพราะ​ลูก​ใน​ท้อง​ ข้า​ถึงลังเล​และ​อยากได้​หลาน​นั้น​ถึงได้​ปล่อย​ให้​เขา​หนี​ไป​ ข้า​คิด​ว่า​จะรอ​เขา​อยู่​บน​เขา​ แต่​ใคร​จะรู้​ว่า​จะไม่ได้​เจอ​เขา​อีก​ ตอนนั้น​พวกเรา​หยุด​รอ​มาหลาย​วัน​ รอ​จน​รอ​ไม่ไหว​ และ​ยังมี​ชุ่ย​เฟิน​ลูกสาว​คนโต​ของ​ข้า​ที่​แต่งงาน​ออก​ไป​อยู่​พื้นที่​ห่างไกล​ ยัง​โชคดี​ที่​ชุ่ย​หลาน​ยัง​ไม่ได้​แต่งงาน​ มิฉะนั้น​ลูก​ข้า​ทั้ง​สี่คน​คงเหลือ​เพียงแค่​ลูกชาย​คนโต​คนเดียว​”

นาง​เอ่ย​เรียก​ “น้อง​สะใภ้”

ท่าน​ย่า​หม่า​หันไป​มอง​เก่​อเอ้อร์​นิว​

“แม้ชีวิต​เจ้าจะลำบาก​ไม่น้อย​ เมื่อก่อน​จะลำบาก​มาก​แค่​ไหน​ แต่​เจ้าก็​ยัง​ดีกว่า​พี่สะใภ้​มาก​ ลูกชาย​ หลานชาย​ หลานสาว​ ก็ตาม​กัน​มาจน​หมด​ทุกคน​แล้ว​”

อืม​ คำพูด​นี้​พูด​ได้​ถูกต้อง​ สามารถ​ฟังออก​ว่า​เป็น​คำพูด​ที่​มาจาก​ใจ

เฮ้อ​

ท่าน​ย่า​หม่า​หยิบ​ผ้า​ผืน​หนึ่ง​ออก​มาจาก​กระเป๋า​เสื้อกันหนาว​ นาง​ยื่น​ให้​กับ​พี่สะใภ้​ของ​นาง​ “หยุด​ร้องไห้​ได้​แล้ว​ ร้อง​ไป​ก็​ไม่มีประโยชน์​”

“ใช่ ร้องไห้​ไป​ก็​ไม่ได้ประโยชน์​อะไร​ เหตุการณ์​ครั้งนี้​ที่​เกิดขึ้น​ มีบ้าน​ไหน​บ้าง​ที่​คน​ไม่หาย​ไป​? ไม่เสีย​ลูกชาย​ลูกสาว​ก็​เสีย​ญาติ​ไป​หลาย​คน​…

…พวกเรา​ก็ได้​แต่​เฝ้ารอ​หรือไม่​ก็​ออก​ตามหา​…

…แต่​รอ​ก่อน​เถอะ​ ฝูโซ่ว​กับ​ชุ่ย​เฟิน​ของ​เจ้าไม่รู้​ว่า​พวกเรา​ไป​ที่ไหน​แล้ว​ ญาติพี่น้อง​ของ​พวก​ข้า​ก็​ไม่รู้​เหมือนกัน​ ก็​ต้อง​ออก​ตามหา​…

…การ​ค้นหา​คน​ก็​ต้อง​รอ​ทาง​ด้าน​นั้น​สงบ​ก่อน​ ยังมี​ภัยพิบัติ​และ​ทำ​ศึกสงคราม​กัน​อยู่​ อย่า​เพิ่ง​กลับ​ไป​ตอนนี้​เพราะ​อาจ​โดน​คน​จับตัว​ไป​ได้​…

…นอกจากนี้​ การ​ค้นหา​คน​ก็​ต้อง​ใช้เงิน​ ต้อง​มีเงิน​ค่าเดินทาง​ ไม่ว่า​เจ้าจะอยาก​ทำ​อะไร​ ก็​ต้อง​มีเงิน​ก่อน​ พวกเรา​มาพูดถึง​เรื่อง​เงิน​กัน​ก่อน​ดีกว่า​” ท่าน​ยาย​หวัง​กล่าวสรุป​

หลังจาก​สรุป​เสร็จ​ นาง​ก็​ยิ้ม​ “พี่​หม่า​ เงิน​”

“เงิน​อะไร​?” ท่าน​ย่า​หม่า​ยก​ชามข้าว​ขึ้น​ตัก​กินข้าว​ไป​แล้ว​สอง​คํา นาง​ถามขึ้น​

“หา​เงินได้​ พวกเรา​มาปรึกษาหารือ​กับ​ท่าน​”

ผ่าน​ไป​ไม่นาน​ ซ่งฝูห​ลิง​ก็​ได้ยิน​เสียง​ลาก​ยาว​ของ​ท่าน​ย่า​ ปาก​ยังคง​เคี้ยว​ข้าว​อยู่​ “เอ๋​ ไม่ได้​ พวก​เจ้าดัน​ไม่ไหว​หรอก​”

“ท่าน​ยัง​สามารถ​ดัน​ได้​ ทําไมพวก​ข้า​หลาย​คน​ถึงจะดัน​ไม่ไหว​?”

“ข้า​ขาด​กําลังคน แต่​พวก​เจ้าทำได้​จริง​หรือ​?” หลังจากนั้น​ซ่งฝูห​ลิง​ก็​ไม่ได้ยิน​ชัดเจน​เพราะ​พ่อ​ของ​นาง​มาแล้ว​

ซ่งฝูเซิงเห็น​ลูกสาว​ของ​เขา​หนาว​จน​ต้อง​เอา​มือ​ลูบ​หน้า​ เขา​ก็​ถามด้วย​ความสงสัย​ “ทำไม​เจ้าไม่เข้าไป​ใน​ห้อง​ มายืน​ทำ​อะไร​อยู่​ตรงนี้​หล่ะ​”

ไม่ต้อง​รอ​ให้​ลูกสาว​ตอบกลับ​ เขา​ก็​เข้า​บ้าน​ไป​เพื่อ​ล้างมือ​และ​เอ่ย​ทักทาย​ก่อน​ “ไม่เป็นไร​ๆ พวก​ท่าน​นั่ง​เถอะ​ คุย​เรื่อง​ของ​พวก​ท่าน​ไป​ ข้างนอก​มืด​แล้ว​จุด​ตะเกียง​น้ำมัน​ก่อน​แล้ว​ค่อย​คุย​ เดี๋ยว​จะตก​จาก​เตียง​เตา​ลงมา​”

ท่าน​ย่า​หม่า​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ นาง​ตะโกน​บอก​ลูกชาย​ “เจ้าทำงาน​เสร็จ​แล้ว​หรือ​? เสร็จ​ธุระ​แล้วก็​มากินข้าว​ซะ เจ้ากินข้าว​เสร็จ​แล้วก็​ช่วย​หา​คน​สอง​สามคน​และ​เรียก​พี่ชาย​ใหญ่​กับ​พี่ชาย​รอง​ของ​เจ้าไป​ช่วย​ขน​ของ​ออกจาก​ห้อง​หน่อย​สิ”

“ห้อง​อะไร​?”

“ข้า​อยาก​หา​ห้อง​ว่าง​มาทําเป็นห้อง​ไว้​สำหรับ​ทำ​เค้ก​”

“ได้​สิ” ซ่งฝูเซิงเติม​ฟืน​ลง​ใน​เตา​สอง​หลุม​เสร็จ​ เขา​ก็​ล้างมือ​และ​ออก​มาจาก​ห้องพัก​แล้ว​พา​ซ่งฝูห​ลิง​ออก​ไป​ด้วย​

ท่าน​ยาย​หวัง​นั่ง​อยู่​บน​ตั่ง​ นาง​ชะโงก​หน้า​มองผ่าน​หน้าต่าง​ เห็น​ซ่งฝูเซิงกับ​ซ่งฝูห​ลิง​เดิน​ออก​ไป​ไกล​แล้ว​ นาง​ก็​ยก​นิ้วโป้ง​ให้​กับ​ท่าน​ย่า​หม่า​ “ฝูเซิงช่างกตัญญู​จริงๆ​ เวลา​พูด​กับ​เจ้าไม่เหมือน​พูด​กับ​พวกเรา​เลย​ เขา​ยัง​เติมน้ำมัน​ตะเกียง​ให้​ใช้อีก​และ​ยัง​กลัว​ว่า​พวกเรา​จะสะดุด​ล้ม​”

“นั่นสิ​ เขา​เชื่อฟัง​ข้า​ เจ้าดู​สิ ข้า​มาที่​บ้าน​เขา​ก็​เหมือนกับ​อยู่​บ้าน​ของ​ตัวเอง​ ข้า​บอก​กับ​ลูกชาย​คนโต​และ​คน​รอง​แล้ว​ว่า​ ถ้าทำให้​ข้า​โกรธ​ ข้า​จะย้าย​มาอยู่​กับ​ลูก​สาม ตอนนี้​มัน​ไม่เหมือนกับ​เมื่อก่อน​แล้ว​ ตอนนี้​อยู่​ใกล้​กัน​มาก​” ท่าน​ย่า​หม่า​เอ่ย​ด้วย​รอยยิ้ม​

ป้า​ใหญ่​ของ​ซ่งฝูเซิง เฮ้อ​ ตอนนี้​จะมาอิจฉา​น้อง​สะใภ้ก็​ไม่ได้​แล้ว​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว