ภายในห้องทำขนมเค้กเวลานี้
หัวหน้าหม่ากำลังย่างเท้า เอามือไพล่หลังพลางอบรม
ท่าทางแบบนี้นางแอบดูมาจากลูกชายคนที่สาม
“คนเราพูดกันว่า ทำผิดไม่ควรเกินสามครั้ง ข้าให้โอกาสพวกเจ้าคนทำขนมเค้กทั้งหกแค่สองครั้งเท่านั้น…
…ถ้าทำพลาดสองครั้งแล้วยังจะพลาดอีก ต้นทุนหนึ่งก้อนแปดสิบเก้าสิบเหวิน ข้าจะหักจากค่าแรงของพวกเจ้าในภายหลัง…
…ขนมเค้กสองก้อน ข้าไม่อยากจะรับผิดชอบแทนคนซื่อบื้ออย่างพวกเจ้าหรอกนะ รู้หรือไม่ว่าขนมเค้กหนึ่งก้อนข้าต้องควักเงินตัวเองเท่าไร…
…และก็อย่ามาพูดกับข้าว่า ‘ทำไม่เป็น ไม่ทำแล้ว’ ที่นี่ อยากเข้าไม่ง่าย อยากออกยากยิ่งกว่า ไม่เชื่อพวกเจ้าก็ลองดู…
…บนโลกนี้ไม่ได้มีเรื่องดีๆ แบบนั้นที่เจ้าอยากจะให้เป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้น ดังนั้นพวกเจ้าเหลือเพียงทางเดียว ลืมตาให้กว้างแล้วเรียนรู้ ทั้งกลางวันและกลางคืน ตรงไหนไม่ได้ก็ไปขอคำชี้แนะจากผู้ดูแลบ่อยๆ”
ซ่งฝูหลิงยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าคนอื่นซึ่งก็คือด้านหน้าสุด กำลังยิ้มอยู่ แต่ในใจกลับพูดแซว
ท่านย่า สอนไปตั้งเยอะทำไมจำได้แค่ครึ่งเดียว ข้าไม่ได้สอนท่านแบบนี้นะ
ท่านย่าก็พูดเกินไป ขนมเค้กก้อนหนึ่งขายแค่เก้าสิบหกเหวิน ท่านย่าบอกต้นทุนหนึ่งก้อนแปดสิบเก้าสิบเหวิน โกหกทั้งทีไม่สมเหตุสมผล ใครจะเชื่อล่ะ
“เข้าใจกันแล้วใช่ไหม”
“ท่านหัวหน้า เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านย่าหม่าพอใจมาก ใช่ ก่อนตอบเรียกหัวหน้าก่อน เพิ่งกำชับไปก็จำได้แล้ว ดูท่าจะไม่ได้ซื่อบื้อจนเกินไป
นางกวาดตามอง จากนั้นก็หันไปมองกลุ่มส่งขนมเค้ก “พวกเจ้าก็อย่ามัวแต่แอบหัวเราะคิกคัก ทีนี้ไม่ต้องอิจฉาที่พวกนางได้เงินมากกว่าพวกเจ้าหนึ่งเหวินต่อขนมเค้กหนึ่งก้อนแล้วใช่ไหม”
หญิงชราทั้งเจ็ดส่ายหน้าทันที ไม่อิจฉาแล้ว
“พวกเจ้าก็เหมือนกัน อะไรที่ควรสอน ข้าก็ได้สอนไปหมดแล้ว ส่วนที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า กลุ่มละสองคน ไปคิดกันเอาเองว่าจะออกไปขายยังไง ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่มีช่วงทด ทด?”
“ทดลอง ทดลองงานเจ้าค่ะ” ซ่งฝูหลิงเตือน
“ใช่ ถึงแม้พวกเจ้าจะไม่มีช่วงทดลองงาน แต่ตอนพวกเจ้าเข็นรถไปส่งขนม ถ้าเกิดรถพลิกคว่ำ หรือมีขนมเค้กก้อนไหนเละ จับตัวแข็ง ถ้าลูกค้าไม่รับสินค้าเพราะเรื่องพวกนี้ ไว้ข้าก็จะหักค่าแรงของพวกเจ้าเหมือนกัน ถือว่าพวกเจ้าซื้อเอง เอากลับไปให้ลูกๆ ของพวกเจ้ากิน”
ไอ๊หยาให้ตายเถอะ หลานๆ ของพวกเรามีบุญปากขนาดนั้นเลยรึ หญิงชราทั้งเจ็ดรีบคิดในใจ เป็นตายก็ห้ามทำรถคว่ำเด็ดขาด ห้ามทำให้ขนมเค้กแข็งด้วย
“แน่นอนว่าพวกเจ้าก็ไม่ต้องฟังแล้ววิตกกังวลอะไรขนาดนั้น ที่พวกเราต้องเข้มงวดแบบนี้เพราะของที่พวกเราขายเป็นของแพง ขายของแพงให้กับคนร่ำรวย พวกเราก็ต้องเพิ่มความระมัดระวัง พวกเราขายได้เงินเยอะใช่ไหมล่ะ ก็ต้องทำให้คนซื้อรู้สึกว่าคุ้มค่า เฉกเช่นเดียวกัน ทำไมพวกเจ้าถึงหาเงินได้มากกว่าพวกคนที่มองดูอยู่ข้างนอก พวกเจ้าหาเงินได้เยอะก็ต้องทุ่มเทมากกว่า”
“แค่กๆ” ในขณะที่ท่านย่าหม่ากำลังจะลืมคำพูดอีกแล้ว ซ่งฝูหลิงได้แกล้งไอเป็นการเตือน
ท่านย่าหม่า อ้อ จริงสิ
“ต่อไป ข้าขอประกาศว่า ท่านย่าหม่า ครัวขนม ได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว”
ซ่งฝูหลิงปรบมือนำทันที
“ลำดับต่อไปข้าขอประกาศอีกว่า ขอให้พวกเจ้าจดจำวันนี้ไว้ วันนี้เป็นวันแรกของเดือนสิบสอง…
…ทำไมต้องจำไว้ เพราะวันนี้ของทุกปี ข้าท่านย่าหม่า จะทำการเลือกอันดับที่หนึ่ง…
…อันดับหนึ่งของคนทำขนม ใครทำขนมได้เยอะสุดในหนึ่งปีจะเป็นผู้ชนะ…
…อันดับหนึ่งของคนส่งขนม ใครขายขนมได้เยอะสุดในหนึ่งปีจะเป็นผู้ชนะ…
…ข้าจะให้เงินรางวัลกับคนนั้นเป็นการเฉพาะ นอกเหนือจากค่าแรง”
พอพูดถึงเรื่องเงิน ท่านย่าหม่าก็กัดฟัน อดกลั้นจนหน้าแดง พลางพูด “ไม่ว่าจะคนทำขนมหรือคนส่งขนม วันนี้ของทุกปีข้าจะให้เงินรางวัลสามตำลึงกับคนชนะเป็นการเฉพาะ” พอพูดจบนางก็เหงื่อแตก
คนที่เหงื่อแตกไม่ใช่แค่นาง
สะ สะ สามตำลึงเลยเหรอ!
เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นมาทันที เจือไปด้วยความตกใจ
ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว เสียงปรบมือดังต่อเนื่องไม่หยุด ท่านย่าหม่ายกมือเป็นสัญญาณบอกให้หยุด
ประเด็นคือ ซ่งฝูหลิงที่อยู่ด้านหลังท่านย่าหม่า เอาแต่ยกสองมือบอกให้ทุกคนปรบมืออย่าหยุด
เหล่าบุรุษที่เกาะหน้าต่างอยู่ด้านนอกก็ตะลึงอึ้งไปเช่นกัน สามคนที่อยู่ใกล้หน้าต่างที่สุดได้ยินชัดเจน คนที่อยู่ด้านหลังได้ยินไม่ชัด ร้อนใจ รู้แค่ว่าข้างในดูครึกครื้นกันมาก “อะไรเหรอ เกิดอะไรขึ้น”
“ท่านย่าหม่าบอกว่าจะให้เงินสามตำลึงเป็นพิเศษกับคนที่เก่งที่สุดทุกปี นอกเหนือจากเงินค่าแรง”
แย่แล้ว คำพูดนี้ทำให้เหล่าบุรุษต่างก็ฮือฮา พวกเขาก็อยากทำงานกับย่าหม่าด้วย เงินสามตำลึง โอ้สวรรค์
“ย่าหม่าพูดอีก”
“พูดอะไรๆ”
“จะเอาอย่างพวกเรา พี่ฝูเซิงประชุมจ่ายเงินค่าแรงให้พวกเราเมื่อไหร่ นางก็จะจ่ายเงินค่าแรงให้คนที่อยู่ในห้องทันที”
“มีอะไรหรือหัวหน้าหม่า” ซ่งฝูเซิงเข้าไปในบ้าน ถอดหมวกผ้าฝ้ายพลางถาม เขากำลังยุ่งเรื่องทำป้ายเตือนกับลุงซ่ง เป็นป้ายเครื่องหมายตกใจขนาดใหญ่ที่เอาไว้วางตรงหลุมที่ขุด
“มีแม่นางหลิวเยี่ยสั่งจองขนมเค้ก เจ้าเขียนกลอนให้สักบทสิ เอาแบบที่ชื่นชมนางอย่างออกอรรถรสน่ะ”
ซ่งฝูหลิงที่อยู่ข้างๆ พูดเสริม “ท่านพ่อเขียนออกมาก่อน แล้วข้าจะเขียนเลียนแบบลงบนขนมเค้กเอง”
ใครใช้ให้ตอนนี้นางไม่รู้หนังสือล่ะ แต่นางก็เขียนตัวอักษรได้หลายตัวแล้ว อย่างเช่น ‘ท่านย่าหม่า’
บทกลอนที่ชมสตรีรึ ซ่งฝูเซิงคิดในใจ มันไม่ใช่ว่าแค่อ้าปากก็พูดออกมาได้ทันที
“หลิ่วเยี่ย ใช่ไหม สายลมใบไม้ผลิพัดใบหลิว สกุณาคล้อยตามกลิ่นหอม รอยยิ้มดุจบุปผาผลิบาน เสียงกังวานไพเราะเสนาะหู”
ท่านย่าหม่าคิดในใจ อย่างไรเสียก็ไหว้วานลูกชายแล้ว ขอถามอีกสักหน่อย เตรียมไว้ก่อน “มีอีกคนชื่อเป่าหวา”
“ทรงผมประดับประดางามล้ำค่า ใบหน้าแต่งแต้มละมุนละไม”
“ชิวจวี๋ล่ะ”
“เจิดจรัสดุจเบญจมาศยามใบไม้ร่วง สะโอดสะองดุจสนตระหง่าน”
“ชิวเยี่ย”
ซ่งฝูเซิงลูบเครา “สดใสดั่งยามใบไม้ผลิ เจิดจรัสดุจจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง”
“แม่นางอวิ๋น”
“หอมหวนมวลเทพยังต้องชม ลอยตามลมทวยเทพเริงระบำ”
“แม่นางหนิงเซียง กลิ่นหอมอบอวบดุจโบตั๋นแดง มีเจ้าไซร้มิขอชายตาหญิงใดอีก”
“ไป๋ลู่อ้ออ่อนสีขาวนวล น้ำค้างจับตัวแข็ง คนผู้นั้นที่คะนึงหา อยู่อีกฝั่งริมนที”
ซ่งฝูเซิงยังคงเอียงหัวพูดกลอนไม่หยุด สายตาของเฉียนเพ่ยอิงเปลี่ยนไป ท่านย่าหม่าจากที่เมื่อครู่ยิ้มพลางมองลูกชายตัวเองที่เก่งเหลือเกินก็เปลี่ยนเป็นหรี่ตามอง
เฉียนเพ่ยอิงคิดในใจ ไอ๊หยา คนเลว อีกเดี๋ยวพอไม่มีคนจะถามให้ได้เชียวว่า ร่างกายของเจ้าที่อยู่ในยุคโบราณนี้ยังใสสะอาดอยู่ไหม
ย่าหม่าคิดในใจ ลูกข้า ตอนนั้นเจ้าตั้งใจเรียนหนังสือจริงๆ ใช่ไหม
ทันใดนั้นเฉียนหมี่โซ่วได้โผเข้ากอดซ่งฝูหลิง “พี่สาวๆ ท่านต่างหากที่เป็นคนผู้นั้นที่คะนึงหา อยู่อีกฝั่งริมนที”
แย่แล้ว ลืมไปว่าในบ้านมีเด็กที่ชอบลักจำ เดี๋ยวไม่ใช่ว่ายังไม่ทันเริ่มเรียนหนังสือก็จีบหญิงเป็นแล้วนะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว
น่าสนุกจัง...