ทะลุมิติทั้งครอบครัว นิยาย บท 33

ทะลุมิติทั้งครอบครัว ตอนที่ 33 คำพูดคมคายไม่สามารถหยุดยั้งความไม่รู้ได้
ตอนที่ 33 คำพูดคมคายไม่สามารถหยุดยั้ง…

เขาไปฉี่กลับมาก็พบสายตาของภรรยากับแม่ หันมาถามเขาพร้อมกัน ซ่งฝูเซิงไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดี

เขาเหล่มองกระทะ ภายใต้การจับจ้องจากสายตาของทุกคน ซ่งฝูเซิงเดินเข้าไปตักข้าวโพดสามฝักออกมาให้กับเฉียนเพ่ยอิง “ระวังลวกมือ ห่อให้ดีแล้วเจ้าก็ไปกินกับลูกสาวทางโน้นเถอะ”

เฉียนเพ่ยอิงประคองข้าวโพดไว้ในอุ้งมือ ก่อนเดินออกไปหาบุตรสาวของนาง

สะใภ้ใหญ่เหอซื่อ ตกใจจนตบขาคนที่อยู่ด้านข้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นขาของใคร แต่นางอยากให้คนที่อยู่ด้านข้างมองเฉียนเพ่ยอิงเหมือนกับที่นางกำลังจ้องเฉียนเพ่ยอิง ซึ่งเดินออกไปด้วยความมั่นใจ

นางตกตะลึงมากที่เฉียนเพ่ยอิงพูดออกมาอย่างมั่นใจว่าอยากจะกินอาหาร และที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องที่น้องชายของสามีนางก็ตามใจเมียเสียด้วย โดยไม่มีทีท่าว่าจะสะบัดมือไปตบปากเมียตัวเองเสียทีหนึ่ง

หากเป็นนาง คงจะโดนตบจนเห็นดาวเห็นเดือน และคงโดนด่าซ้ำว่าเป็นหญิงตะกละตะกลามเป็นแน่

สะใภ้รองจูซื่อ ถึงกับตกใจจนเผลอทำข้าวโพดที่อยู่ในมือหล่นลงบนพื้น พอนางได้สติก็รีบหยิบข้าวโพดนั้นขึ้นมาเช็ดตามตัวเพื่อปัดฝุ่นออก เตรียมเก็บไว้ให้สามีของนางกิน

พี่ชายทั้งสองของซ่งฝูเซิงต่างก็งุนงง รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักน้องสามของตนมาก่อน

เมื่อก่อนน้องสามไม่ได้เป็นแบบนี้ เขามักเชื่อฟังท่านแม่ มีชื่อเสียงเล่าลือเรื่องความกตัญญูรู้คุณ

แน่นอนว่า เมื่อก่อนน้องสะใภ้สามก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนหากน้องสะใภ้พูดคำว่า ‘ไม่’ กับน้องสามคง…แต่เพราะนางก็ไม่เคยพูดคำว่า ‘ไม่’ น่ะสิ!

ตกลงมันเกิดอะไรกันขึ้นกันแน่ละเนี่ย?

ส่วนพี่เขย เถียนสี่ฟา ของซ่งฝูเซิง กลับไม่ได้ประหลาดใจนัก เพราะเขาก็ห่วงใยภรรยาเช่นกัน ไม่เพียงแค่ห่วงใยภรรยาเท่านั้น เขายังห่วงใยบุตรสาว เถาฮวา ไม่น้อยไปกว่าห่วงใยบุตรชาย หูจือ

เขายังครุ่นคิดเหมือนกันว่า ตนเองกินข้าวโพดเพียงสองฝักก็พอ ส่วนที่เหลืออีกสองฝักจะเก็บซุกไว้ในอกก่อน เผื่อแม่กับภรรยาและลูกหิวไม่มีอะไรกิน

ส่วนเหล่าหนิวกับซื่อจ้วง พวกเขาก็เหล่สายตาแอบมองท่านย่าหม่า เกรงว่านางจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

ทุกคนต่างครุ่นคิดในใจ แต่ในความเป็นจริงใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที

ท่านย่าหม่าชี้นิ้วไปยังซ่งฝูเซิง อีกมือหนึ่งก็กุมหัวใจ “เจ้า? เจ้ายังเป็นลูกสามของข้าอยู่ไหม! ”

ในความคิดของนาง พฤติกรรมของลูกสะใภ้สามเสมือนเป็นการท้าทายอำนาจกับนาง ทั้งที่นางอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบให้ลูกชายได้เรียนหนังสือ ไม่คาดคิดว่าลูกชายจะเข้าข้างลูกสะใภ้ต่อหน้าทุกคนและไม่เห็นแม่อยู่ในสายตาแล้ว

นางทั้งเสียใจและเสียหน้า

ซ่งฝูเซิงเดินเข้าไปหาและตบหน้าตนเอง “ทำไมข้าจะไม่ใช่ลูกของท่านล่ะ นี่ไง ข้ายังมีเลือดเนื้ออยู่”

“แต่เจ้า?”

“ท่านแม่ หนังสือปรัชญาสอนไว้ เป็นชายชาตรีสอบได้จนมีชื่อเสียงและได้รับราชการก็เพื่อให้ประชาชนกินดีอยู่ดี และสอบได้ มีชื่อเสียง หารายได้เพื่อให้ท่านแม่ ภรรยาและลูก กินดีอยู่ดี นี่เรียกว่าความรับผิดชอบ มันเป็นความรับผิดชอบที่ต้องติดตัวไปจนวันตาย ท่านเข้าใจหรือไม่…

…ท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ข้าก็เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มา…

…ตอนนี้พวกเรากินอยู่ลำบาก ท่านยังต้องการให้แบ่งส่วนอาหาร ก็ได้ ท่านก็แบ่งไป!…

…ข้ามีข้าวโพดอยู่สี่ฝัก เช่นนั้น ข้ายกให้ภรรยากับลูกของข้ากินในส่วนของข้าได้หรือไม่?…

…ท่านแม่ ท่านหิวหรือไม่? ใช่สิ ท่านคงหิว ข้ายังมีข้าวโพดอีกฝักหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน ก็จะต้องยกให้พวกท่านก่อน…

…ท่านวางใจ ข้าจะประหยัดส่วนของข้า ข้าไม่ได้เอาส่วนแบ่งของคนอื่นให้ ข้ายอมที่จะอดเอง”

ซ่งฝูเซิงพูดจบก็หยิบข้าวโพดออกมาหนึ่งฝัก ยัดใส่อ้อมแขนของท่านย่าหม่า

“ฝูหลิงเป็นชื่อพืชสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง เป็นคำที่เปรียบเปรยหญิงสาวที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ไม่ใช่คำว่าฝูหลิง ที่แปลว่า ‘คนแบกโลงศพ’ ดังที่ท่านคิดไว้ ตัวอักษรไม่เหมือนกัน ความหมายก็แตกต่างกันสิ้นเชิง ความหมายนั้นคือความหมายที่ดี”

ท่านย่าหม่าขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจว่ามันดีกว่าตรงไหน “เจ้าเป็นคนตั้งชื่อหรือ?”

“ไม่ใช่ข้า แต่เป็นอาจารย์ท่านหนึ่งที่ถ่ายทอดความรู้ให้ข้า เขาเป็นคนตั้งชื่อให้”

แท้จริงแล้ว คนนั้นคือท่านตาในยุคปัจจุบันของซ่งฝูหลิงนั่นเองที่เป็นคนตั้งชื่อให้นาง

ที่ซ่งฝูเซิงบอกว่า เป็นอาจารย์ถ่ายทอดความรู้ให้กับเขานั้นก็ไม่ผิดอะไร เพราะเขาเคยสอนการเลือกกระบวย และถ่ายทอดความรู้ในการเป็นเชฟทำอาหารให้

ท่านย่าหม่าหรี่ตาลง ในใจก็ครุ่นคิด ลูกสามเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะเจออาจารย์ใหม่ที่ตั้งชื่อให้ท่านนี้ เป็นคนพร่ำสอนความคิดร้ายๆ ให้ลูกของนาง ทำให้ลูกของนางกล้ามีปากมีเสียงกับนางเพียงเพราะเรื่องของลูกสะใภ้ จนนางถึงกับพูดไม่ออก

ไม่เพียงแค่นั้น ตอนนี้ยังมาให้ร้ายชื่อหลานสาวของนางอีก

“ลูกสาม บุคคลนี้นิสัยใช้ไม่ได้ เจ้าไปเจอกับอาจารย์ตัวปลอมมาหรือเปล่า? จะเรียกชื่อนั้นไม่ได้นะ ต้องเรียกว่า พั่งยา ถ้าไม่เอาก็ต้องตั้งชื่อใหม่ ให้มีคำว่าดอกไม้หรือพืชพรรณพวกนี้”

“เออ?” ซ่งฝูเซิงมึนงง

ท่านย่าหม่าตบหลังมือแล้วพูดว่า “เจ้าชื่อซ่งฝูเซิง พี่ชายใหญ่ของเจ้าชื่อซ่งฝูไฉ พี่รองของเจ้าชื่อซ่งฝูสี่ ทั้งที่รู้ว่าชื่อพวกพี่ชายของเจ้ามีตัวอักษร ‘ฝู’ อยู่ตรงกลาง เขายังกล้านํามาตั้งชื่อหลานของข้า ถ้าบอกว่าคนผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอไม่เชื่อ!”

ซ่งฝูไฉรีบพูดทันที “ท่านแม่พูดถูก น้องสาม เจ้าตั้งชื่อแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”

ซ่งฝูสี่ยังเอ่ยขึ้น “ใช่ๆ ทำแบบนี้มันจะสับสนกันไปหมด หากคนอื่นไม่รู้คงคิดว่าข้ากับหลานสาวเป็นคนที่เกิดในรุ่นเดียวกันเป็นแน่”

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติทั้งครอบครัว