“ฮัลโหล อาครับ พิตต้าหายตัวไปครับอา”
“อะไรนะ ฉันคิดว่าโด่งพูดเล่นเสียอีก แกแน่ใจนะเจ้าธัญญ์”
“ผมเจอโทรศัพท์ของพิตต้าตกอยู่ที่บันไดหนีไฟครับ ตอนนี้กำลังจะไปตามหา”
“เฮ้อ แล้วแกจะไปตามที่ไหน”
“ไม่รู้ครับ ผมรออยู่เฉยๆ ไม่ได้แน่นอนครับอา”
“ใจเย็นๆ ฉันรู้ว่าแกร้อนใจ แต่ฉันอยากจะให้แกกลับมาหาฉันก่อน”
“ผมไม่”
“เดี๋ยวนี้เจ้าธัญญ์” เสียงเข้มสั่งหลานชายจอมใจร้อนทันที ธีร์รู้ว่าหลานชายตัวเองใจร้อนแค่ไหน เขากลัวชายหนุ่มเลือดร้อนจะทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด หลังจากวางโทรศัพท์ธีร์ก็เริ่มเดินวนไปวนมาใช้ความคิด เขาเองก็เป็นห่วงหญิงสาวไม่น้อยไปกว่าหลานชายเลย งานที่จัดขึ้นวันนี้ก็ยิ่งใหญ่เพื่อให้เกียรติหญิงสาว
หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์นอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียงหนานุ่มขนาดคิงส์ไซส์ที่เจ้าของห้องในคอนโดหรูจัดเตรียมเอาไว้ หมายจะได้ขึ้นสวรรค์กับเธอ เรียวปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อสวยงามชวนให้คนที่นั่งมองอยากก้มลงไปสัมผัสดูดดื่มมันซักครั้ง สายตาคู่คมโลมไล้เรือนร่างอรชรผิวขาวนวลที่เขาลูบด้วยนิ้วเบาๆ นุ่มราวกับผิวเด็กทารก แก้มใสแดงระเรือสวยงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย คนหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“สวยเหลือเกิน เจ้าสาวของผม” วราวุฒิก้มลงสูดกลิ่นหอมจากแก้มแดง มันหอมยั่วยวนชวนให้หลงใหล
“กลิ่นก็หอมกรุ่น ผมหลงรักคุณมากรู้ไหมพิตต้า” เขาเลื่อนปากตัวเองเข้าใกล้เรียวปากสวย
“อุ๊ย” หญิงสาวรู้สึกตัว เมื่อมีลมอุ่นๆ สัมผัสที่แก้มใส เธอลืมตาอย่างยากลำบากคงเพราะฤทธิ์ยาสลบที่สูดดมเข้าไป กว่าจะรับรู้ว่าใครอยู่เบื้องหน้าเล่นเอาหญิงสาวถูกหอมไปหลายฟอด
“คุณวุฒิ หยุดนะคะ” พิยะตาตั้งสติได้ก็ยกมือขึ้นห้ามปรามชายหนุ่มทันที หญิงสาวใจสั่นหวาดกลัวกับอากัปกิริยาและเสียงลมหายใจที่ต่ำเสียจนเธออึดอัดแทน
“พิตต้า อย่าห้ามผมเลย คุณรู้ไหมว่าผมรักคุณมากขนาดไหน” ชายหนุ่มเผยความในใจระบายสิ่งที่อัดอั้นให้หญิงสาวรับรู้
“ไม่ได้ค่ะ พิตต้าต้องกลับไปเข้าพิธีแต่งงาน”
“จะไม่มีพิธีอะไรทั้งนั้น ผมไม่ยอมให้คุณตกไปเป็นของใครเด็ดขาด”
“คุณวุฒิ” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มเบียดใบหน้ากับลำคอของเธอ มือเรียวผลักดันและทุบตีปกป้องตัวเองเต็มที หญิงสาวเว้าวอนขอความเห็นจากผู้ชายที่เธอคิดว่าเป็นที่ดี แต่เขาไม่สนใจคำขอร้องนั้นเลย
“ปล่อยนะ ปล่อย”
“อย่าดิ้นสิคนดี ผมรับรองว่าคุณจะติดใจมากกว่าอยู่กับคุณธีร์เสียอีก”
“ไม่นะคะ ได้โปรดอย่าทำอะไรพิตต้าเลยค่ะ”
“อย่าอ้อนวอนเลย...เสียงหวานๆ ของคุณยิ่งทำให้ผมอยากกลืนคุณให้เร็วๆ”
“ว๊าย ไม่นะ ปล่อย ฮือ ปล่อยพิตต้านะคะ” หญิงสาวดิ้นรนหนี แต่มือแข็งแรงก็จับรั้งกระชากจนชุดสวยขาดวิ้น
“มาเป็นเจ้าสาวของผมเถอะ...ผมให้คุณได้ทุกอย่างนะ”
“ไม่ค่ะ พิตต้าไม่ได้รักคุณ ปล่อยนะ ปล่อย” เธอแผดเสียงดังเพื่อเตือนสติเขา
“ไม่รักงั้นเหรอ เดี๋ยวผมจะทำให้คุณรักเองนั่นแหละ”
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ” แขนขาออกแรงเต็มที่ แต่เพราะฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมด หญิงสาวจึงทำได้แค่เพียงดิ้นขลุกขลัก
“จะดิ้นไปทำไมล่ะ มาเป็นของผมซะดีๆ”
“ไม่นะ คุณวุฒิคุณตั้งสติดีๆ ก่อนค่ะ นี่พิตต้านะคะ คุณเป็นเพื่อนพิตต้าไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวพยายามทำใจดีสู้เสือ
“ฮึ ผมไม่เคยบอกเลยนะว่าจะเป็นเพื่อนกับคุณ ผมแอบชอบคุณมาตั้งนานแล้ว พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะให้คุณหลุดออกมาจากการเป็นผู้หญิงขัดดอก แต่ไอ้ธีร์มันก็ไม่ยอม ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้”
“ไม่นะคะ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย ปล่อยพิตต้าเถอะค่ะ พิตต้าไม่ได้รักคุณ”
“คุณรักไอ้ธีร์นั่นงั้นเหรอ อายุห่างกันตั้งหลายปี” หญิงสาวเงียบไม่ตอบเขา เธอคิดหาคำพูดมาเกลี้ยกล่อมให้เขายอมปล่อยเธอไปจะดีกว่า “อย่ามาถ่วงเวลาเสียให้ยากเลย...ยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปง่ายๆ ผมเสียเงินทองไปตั้งมากมายกว่าจะได้ตัวคุณมานะ”วราวุฒิหลุดเอ่ยความลับออกมาจนได้ เขารีบเม้มปากอย่างรู้สึกขัดใจ
“เสียเงินเรื่องอะไรคะ”
“ช่างมันเถอะ ยังไงคุณก็มาอยู่ตรงหน้าแล้วจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง” ร่างหนาโถมทับหญิงสาวโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เขาซุกไซร้ใบหน้ากับคอขาวที่หอมกรุ่นของเธอ ร่างบางดิ้นรนอย่างหนักหญิงสาวสะอื้นสุดกั้นด้วยความตกใจ
“คุณธัญญ์ ช่วยด้วยค่ะ” ชื่อที่เธอเอ่ยขอความช่วยเหลือทำให้วราวุฒิชักงักเล็กน้อย
“ธัญญ์งั้นเหรอ ฮึ ดีคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ทั้งอาทั้งหลานควบสองคนเลยสินะ” ชายหนุ่มพยายามประกบปากเขากับเรียวปากแดง แต่หญิงสาวก็เบี่ยงสุดแรง
“ช่วยด้วย ฮือ กรี๊ด ช่วยด้วย ฮือๆ” มือเรียวจิกสุดแรงจนเลือดของเขาติดกรงเล็บคมของเธอ
“โอ๊ย ฮึ ไอ้ธัญญ์มันมีดีอะไรนักเหรอ จุ๊บ” ชายหนุ่มพยายามบดเบียดใบหน้าให้แนบชิดเนื้อนวลของเธอ แต่หญิงสาวก็สู้ยิบตา เธอไม่ยอมให้เขาทำอะไรแน่ๆ ชีวิตนี้เธอมีสามีได้เพียงเดียวเท่านั้น
“ฮือๆ ปล่อย ฉันบอกให้ปล่อย คุณธัญญ์ช่วยพิตต้าด้วยค่ะ”
“ร้องไปสิ ไอ้ธัญญ์มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” ใบหน้าสวยแดงกล่ำ หญิงสาวดิ้นรนทุกวินาที เธอแอบภาวนาในใจของให้ธัญญ์รีบมาช่วยเธอ
“คุณธัญญ์” เสียงที่แผดร้องของคนกำลังหมดแรงดังกังวานเสีย
“โครม” เสียงดังสนั่นด้านหลังจนวราวุฒิต้องหันไปดู แต่ก่อนที่เขาจะมองเห็นอะไรกำปั้นหนักก็ตรงกระทบใบหน้าเขาอย่างจัง ตามด้วยขาแข็งแรงรัวเตะร่างกำยำด้วยความโมโห
“พลั่ก ตุบๆ”
“ไอ้วุฒิ แกมันชั่ว ไอ้เลว” เสียงคุ้นหูตะโกนด่าคนชั่วร้าย เขาต้องถอยกรู่ไปตั้งหลัก เมื่อเห็นว่าคนที่ทำร้ายคือธัญญ์ ชายหนุ่มก็รีบส่งมัดที่เปื้อนเลือดใส่ลำตัวเขาทันที
“ไอ้ธัญญ์ จะมาขัดขวางทำไมวะ”
“ว๊าย คุณธัญญ์ระวังค่ะ” ธัญญ์เบี่ยงหลบจนวราวุฒิเสียหลักล้มลง แต่เขาก็ไวพอที่จะรีบดันตัวเองให้ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับธัญญ์ มือหนาโยกปลายคางที่โดนมัดหนักๆ กระทบ
“ทำอะไรของแกรู้ตัวบ้างไหม”
“รู้สิ ฉันรักพิตต้า ฉันต้องการให้เธอไปอยู่กับฉัน”
เมื่อรู้ข่าวแผนที่วางไว้พังไม่เป็นท่า สุรัตนายิ่งโกรธแค้นหนักกว่าเดิมหญิงสาวร้อนลนทนนั่งเฉยไม่ได้ อีกทั้งคนที่ยังค้างค่าจ้างก้อนโตถูกควบคุมตัวอยู่ที่โรงพักเธอแทบสติแตกที่พึ่งสุดท้ายไร้ประโยชน์เอาเสียดื้อๆ หญิงสาวกวาดข้าวของที่มีอยู่ลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เธออยู่ประเทศไทยต่อไม่ได้แล้วต้องรีบหนีก่อนที่ตำรวจจะสาวมาถึงตัวเธอ
“โง่จริงๆ เลยปล่อยให้ตำรวจจับตัวไปได้ยังไงเนี่ย”
“ไม่ได้การแล้วฉันต้องรีบหนี ไม่อย่างนั้นถ้ามันปากโป้งบอกทุกอย่างมีหวังตำรวจต้องจับเราแน่ๆ” สุรัตนาลนลานทำอะไรไม่ถูก
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องพักทำเอาร่างเพียวสะดุ้ง หญิงสาวชำเลืองมองประตูบานใหญ่อย่างหวาดระวัง สีหน้าซีดขาวทำอะไรไม่ถูก สุรัตนาปิดกระเป๋าแล้ววิ่งวนไปหาทางออกอื่น
“โอ๊ย ไปทางไหนดี” เธอชะโงกหน้าลงไปทางหน้าต่างของตึกสูง อาการเสียวไส้ก็เกิดขึ้นความสูงของชั้น 7 อาจทำให้ชีวิตเธอเหลือเพียงแค่ซาก
“เอายังดีนะ เฮ้อ เป็นไงเป็นกัน” หญิงสาวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เต็มปอด แล้วเดินไปเปิดประตูแบบกล้าๆ กลัวๆ มือที่สั่นเทาดึงประตูออกช้าๆ จนมั่นใจว่าคนที่มาเคาะประตูนั้นไม่ใช่ใครผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นั่นเอง
“ตะ ตำรวจ มากันทำไมคะ”
“ผมต้องขออนุญาตคุมตัวคุณสุรัตนาไปสอบปากคำในข้อหาสมรู้ร่วมคิดลักพาตัว ล่วงเกินอนาจาร พยายามฆ่าคุณพิยะตาครับ” หญิงสาวกระพริบตาถี่ยิบ แขนขาหมดแรงจนแทบจะล้มทั้งยืน
“ไม่นะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“เชิญครับ”
“ไม่ไปนะ อย่ามาจับฉัน” เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวสุรัตนาทันทีที่หญิงสาวรับทราบข้อกล่าวหา ร่างเพียวสั่นระรัวปากบอกปฏิเสธไม่หยุด
“ปล่อยนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
สุรัตนาถูกนำตัวมาถึงโรงพักแห่งหนึ่งที่ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความเอาไว้แล้ว ร่างบางถูกควบคุมแกมบังคับให้นั่งลงเบื้องหน้าร้อยเวรหนุ่ม หญิงสาวอึกอักหวาดระแวงคนรอบข้างไปหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มสอบปากคำไปได้ไม่กี่ประโยค ผู้ต้องหาอีกคนก็ถูกนำตัวเข้ามา วราวุฒิถึงกับยั้งอารมณ์ไม่อยู่จะเข้าไปทำร้ายร่างกายของหญิงสาว
“สุรัตนา นังโง่”
“ว๊าย” โชคดีที่ตำรวจรั้งแขนเขาไว้ได้ทัน ทำให้หญิงสาวถอยกรู่ไปอีกมุมของห้องสอบสวน
“โง่แล้วอวดฉลาด เพราะแกคนเดียวนังผู้หญิงสิ้นคิด”
“นี่จะมาโทษฉันได้ยังไง ก็คุณนั่นแหละเป็นฝ่ายเห็นดีเห็นงามด้วยตั้งแต่ต้น”
“แล้วใครใช้ให้แกเอาโทรศัพท์ตัวเองส่งข้อความไปหาพิตต้าล่ะห๊า” ชายหนุ่มโมโหจนขึ้นเสียงสูง
“ฉันไม่ได้โง่เว๊ย...ฉลาดนักทำไมไม่ทำเอง”
“ก็ถ้าเธอไม่ร้องขอเงินจากฉันเรื่องทุกอย่างคงไม่จบแบบนี้ ผู้หญิงเห็นแก่เงิน”
“ไอ้บ้า...สารเลวนี่แกคิดจะหลอกใช้ฉันเหรอ ฮึ ผู้ชายอย่างแกนังพิตต้ามันไม่สนใจหรอกจำใส่สมองปลาทองของแกไว้ด้วยนะ”
“โอเคครับ พอแล้วครับ...หยุดทั้งคู่นั่นแหละ” เสียงตะโกนด่าทอดังลั่นโรงพักจนต้องมีคนห้ามศึก
“จ่าเดี๋ยวนำตัวคุณทั้งสองคนนี้ไปสงบสติอารมณ์ในห้องขังก่อนนะ เพราะเจ้าทุกข์ยังไม่ฟื้นเลย” คำบอกกล่าวที่ได้ยินทำให้วราวุฒิชักงักการโต้แย้งกับสุรัตนา เขาหันมองใบหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจราวกับประมาณข้อเท็จจริง ดวงตาที่เลื่อนลอยมองออกไปไม่มีจุดหมาย เขานึกเสียใจที่ทำร้ายหญิงสาวร่างบางที่บอบบางคงช้ำเพราะเขาแน่ๆ มือหนากำแน่นด้วยอารมณ์โกรธตัวเอง วราวุฒิไม่ได้คิดจะทำร้ายพิยะตาซักนิดเดียว ที่ทำลงไปมีเพียงเหตุผลเดียวคือรัก ถ้าหญิงสาวไม่ได้กำลังจะหลุดลอยไปเขาคงไม่คิดหาวิธีชั่วร้ายขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทัณฑ์นางโลม