The king of War นิยาย บท 147

ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เว่ยเชินโมโหยกใหญ่ในชั่วขณะนั้น

“ปึง!”

เขาตบมือลงบนโต๊ะกาแฟทีหนึ่ง ลุกขึ้นยืนฉับพลัน

ในขณะเดียวกันชายกำยำด้านหลังของเขาคนนั้น หยิบปืนโคลท์คิงคอบร้ากระบอกหนึ่งออกมาจากด้านข้างส่วนในเสื้อสูท ปากกระบอกปืนดำมืดจ่อเล็งที่ศีรษะของหยางเฉิน

“พ่อหนุ่ม นายอย่าได้คืบจะเอาศอก นายจ่ายซื้อหวงเหอบาธไปหนึ่งร้อยล้าน ฉันจะให้นายสองร้อยล้าน”

เว่ยเชินตาแดงก่ำตะโกนใส่ด้วยความโกรธ

สำหรับตระกูลเว่ยนั้น หวงเหอบาธมีความสำคัญมากแค่ไหน เขารู้ดีเสียยิ่งกว่าใคร ส่วนหนึ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเรื่องนี้ ทำให้เจ้าบ้านของตระกูลเว่ยเกิดความเคลือบแคลงใจต่อความสามารถของเขาเป็นอย่างมาก

ถึงแม้เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าบ้าน แต่ก่อนที่ยังไม่ได้กลายเป็นเจ้าบ้าน ตำแหน่งผู้สืบทอดสามารถหลุดลอยไปได้ทุกเมื่อ

ดังนั้นเขาจึงนำเงินหนึ่งร้อยล้านออกมาชดเชยให้หยางเฉิน และอยากได้หวงเหอบาธกลับคืนมา

หยางเฉินหรี่ดวงตาขึ้นมาเล็กน้อย ยังคงสงวนท่าทางที่นิ่งสงบนั้นไว้ นั่งอยู่บนโซฟา พิงไปทางด้านหลัง พูดจาแบบยิ้มกริ่ม “เถ้าแก่เว่ยนี่คุณคิดจะบังคับคนอื่นให้ซื้อขายเหรอ?”

ก่อนหน้านี้คือคฤหาสน์ ตอนนี้มาเป็นหวงเหอบาธอีก ถึงแม้การเผชิญหน้าจะไม่ใช่คนเดียวกัน ทว่าลักษณะพฤติกรรมกลับเหมือนกัน

“หยางเฉิน สรุปจะเอาอย่างไร นายถึงจะยอมขายหวงเหอบาธมาให้ฉัน?”

เว่ยเชินสูดหายใจเข้าลึกๆ ไปหลายที ถึงสามารถทำให้ความรู้สึกโกรธของตนเองควบคุมลงไปได้

หยางเฉินหรี่ตาพูด “เถ้าแก่เว่ยคืนหวงเหอบาธให้คุณ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ขอเพียงคุณรับปากผมมาเรื่องหนึ่ง ต่อให้มอบให้คุณไปฟรีๆ ก็ไม่มีปัญหาใดๆ”

เมื่อสักครู่หยางเฉินที่พูดอย่างไรล้วนไม่ยินยอมปล่อยหวงเหอบาธให้ ชั่วพริบตาเดียวกลับเปลี่ยนความคิดแล้ว นี่ทำให้เว่ยเชินระแวงขึ้นมากะทันหัน

“นายอยากให้ฉันรับปากนายเรื่องอะไร?” เว่ยเชินถามด้วยสีหน้าเย็นชา

“ผมสนใจธุรกิจของหวงเหอบาธ ขอเพียงคุณช่วยแนะนำผู้ร่วมธุรกิจของคุณสักหน่อย แล้วจะคืนหวงเหอบาธให้คุณไปฟรีๆ เป็นอย่างไร?” หยางเฉินจ้องเว่ยเชินด้วยสายตาแหลมคม

ในแววตาลึกของเว่ยเชินมีความตกใจนิดๆ แวบผ่าน แต่บนหน้ายังแสร้งทำท่าทางที่ไม่เข้าใจ ขมวดคิ้วบอก “หวงเหอบาธก็แค่สถานที่อาบน้ำเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้มีผู้ร่วมธุรกิจอะไร”

“เถ้าแก่เว่ยคุณเป็นคนฉลาด แต่ผมไม่ใช่คนโง่ คุณเข้าใจว่าผมหมายถึงธุรกิจอะไร” หยางเฉินพูดอย่างยิ้มกริ่ม

เดิมทีคิดจะมอบเรื่องนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ ตนเองจะไม่แทรกแซง แต่ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสสามารถทำลายองค์กรนั้นลงได้ และไม่ให้เสียเปล่าที่ชายแดนเหนือได้อบรมตนเองมา

ชั่วขณะนั้นเว่ยเชินเงียบงัน ในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าหยางเฉินรู้เรื่องราวของหวงเหอบาธแล้ว

ผ่านไปนานพอสมควร ทันใดนั้นเขาเอ่ยปากขึ้น “เก็บอาวุธลงไป!”

หลังจากได้รับคำสั่งของเขา ชายกำยำคนนั้นถึงนำโคลท์คิงคอบร้าที่จ่อหยางเฉินไว้เก็บลงไป จากนั้นยืนอยู่ด้านหลังเว่ยเชิน ยังคงจ้องหยางเฉินด้วยสายตาระแวงตัว

“ในเมื่อนายรู้แล้ว งั้นก็น่าจะเข้าใจความสำคัญของธุรกิจนี้ ถ้าฉันแนะนำผู้ร่วมงานให้นายไป จะไม่ใช่เพิ่มคู่แข่งให้ตระกูลเว่ยของฉันหรอกเหรอ?” เว่ยเชินเอ่ยปากบอก

หยางเฉินพูดจานิ่งๆ “วางใจได้ ผมจะไม่ทำธุรกิจนี้ที่เมืองเจียงโจวหรอก”

เว่ยเชินจุดบุหรี่ให้ตนเองมวนหนึ่ง สูดเข้าไปลึกๆ และค่อยๆ พ่นควันบุหรี่ออกมา จากนั้นหรี่ตามองหยางเฉิน “ฉันจะเอาอะไรมาเชื่อใจนายว่าจะไม่แย่งกิจการตระกูลเว่ยไป?”

“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณ อย่างไรเสียหวงเหอบาธอยู่ในมือผม กิจการเมืองเจียงโจวนั้นก็ปล่อยให้ผมควบคุม”

หยางเฉินพูดอยู่ ยกข้อมือขึ้นมองดูเวลา “ให้เวลาคุณพิจารณาคืนหนึ่ง พรุ่งนี้ก่อนสิบโมงเช้า ถ้าเถ้าแก่เว่ยยังตัดสินใจไม่ได้ งั้นก็ไม่ต้องมาหาผมอีก”

พูดจบ หยางเฉินลุกขึ้น เตรียมจะออกไป

ชายกำยำด้านหลังของเว่ยเชินชักปืนออกมาในชั่วขณะนั้น ก่อนจะเล็งไปยังหยางเฉินอีกครั้ง

การยิงไม่ใช่จุดแข็งของเขา กลับกันการชกต่อยเสียอีกถึงจะใช่

ที่เขาชักปืนออกมา เป็นเพราะเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่จากบนตัวของหยางเฉิน ถ้าชกต่อยกันจริง เขาไม่มีทางรับประกันความปลอดภัยของเว่ยเชินได้

ในสายตาหยางเฉินมีแสงคมกริบแวบผ่านนิดๆ “ฉันเตือนนายเอาไว้ ดีที่สุดเก็บของเล่นห่วยๆ นั้นลงไป!”

“หยางเฉิน นายคงไม่ได้คิดว่าฉันส่งคนไปพานายเข้ามา แค่เชิญนายมาเป็นแขกจริงๆ หรอกมั้ง?” เว่ยเชินหรี่ดวงตาขึ้นมา

“หรือว่าไม่ใช่เหรอ?”

หยางเฉินถามอย่างหยอกเย้า

“ดูแล้วเป็นฉันธรรมดาเกินไป เลยทำให้คนนอกล้วนคิดว่าฉันเว่ยเชินเป็นคนที่ใจฝ่อขี้กลัว”

เว่ยเชินส่ายหน้าขึ้นกะทันหัน พูดจาด้วยน้ำเสียงที่หัวเราะตนเองพอสมควร

“เถ้าแก่เว่ยนี่คือไม่คิดจะให้ผมออกไปงั้นสินะ?” หยางเฉินถามขึ้น

“นายแม่งถือว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงคู่ควรมาให้เวลาฉันพิจารณาคืนหนึ่ง?”

ในขณะนั้นเว่ยเชินระเบิดท่าทางเดือดดาลขึ้นมาฉับพลัน ตวาดใส่ “ถ้าวันนี้ไม่ให้คำตอบฉันมา อย่าคิดจะออกไปจากที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว!”

ในสายตาหยางเฉินมีความหนาวเหน็บแวบผ่าน พอขยับเท้า ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปจากที่เดิม

“ตึง!”

ตอนที่เขาปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง มองเห็นร่างกายของชายสูงใหญ่หนวดเฟิ้ม ลอยสูงออกไปเรียบร้อยแล้ว

นี่ยังไม่สิ้นสุด หยางเฉินราวกับเป็นปีศาจร้าย ร่างกายวาร์ปหาย แต่ละครั้งที่พุ่งไปตรงหน้าคนคนหนึ่งล้วนปล่อยหมัดอย่างว่องไวที่สุด

ไม่ถึงแปดวินาที ชายสูงใหญ่แปดคนต่างล้มอยู่ที่พื้นร้องคำรามขึ้นมากันหมด

ทั้งด้านในห้องส่วนตัว นอกจากหยางเฉินที่ยังยืนอยู่ เหลือเพียงชายกำยำที่ถือปืนไว้เท่านั้น

มือที่เขาจับปืนเอาไว้สั่นเทาไม่หยุด ร่างกายสั่นขึ้นมาแบบไม่มีทางควบคุมได้เช่นกัน

“ตึก! ตึก! ตึก!”

ฝีเท้าของหยางเฉินเหมือนกับการมาเยือนของยมทูต ชายกำยำยิ่งสั่นเทิ้มแทบไม่ไหว

“นาย นายอย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้นฉันยิงจริงๆ ด้วย!”

ชายกำยำพูดจาเสียงสั่นเครือ

หยางเฉินหัวเราะแบบเหยียดหยาม จนกระทั่งเดินเข้าใกล้ชายกำยำแล้ว แต่ชายกำยำก็ไม่กล้าลั่นไกปืน

หยางเฉินยื่นมือจับบนปืนโคลท์คิงคอบร้าที่แม่นยำกระบอกนั้นไว้ ไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ปืนก็มาอยู่ในมือของหยางเฉินเรียบร้อยแล้ว

“กึก!”

ในระหว่างชายกำยำตื่นตกใจ ปืนโคลท์คิงคอบร้าที่ทำจากเหล็กกล้านั้น โค้งบิดงอขึ้นมาแล้ว

หักเหล็กด้วยมือเปล่า

นี่เป็นกำลังของเขาทั่วไปจริงๆ เหรอ?

ขาทั้งสองของชายกำยำอ่อนยวบ ฟุบนั่งลงบนพื้น ในสายตาดูสติหลุดลอย

“บอกแล้วไงว่านี่คือเศษเหล็กอันหนึ่ง พวกนายก็ไม่ยอมเชื่อ!”

หยางเฉินถือโอกาสทิ้งโคลท์คิงคอบร้าที่บิดงอลงที่เท้าของชายกำยำ ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปยังเว่ยเชินที่ตกใจอึ้งค้างไปตั้งนานแล้ว จากนั้นเหยียบเท้าลงบนหน้าของเขา “เถ้าแก่เว่ยตอนนี้ฉันออกไปได้หรือยัง?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War