รอตอนฉินซีออกไป ทั้งสองคนก็ตีกันเสร็จแล้ว
ผมยาวของโจวยู่ชุ่ยยุ่งเหยิงตกลงมา รองเท้าแตะที่เท้าก็ไม่เห็นแล้ว
ส่วนฉินต้าหย่งยิ่งย่ำแย่ บนใบหน้ายังมีรอยข่วนสามแถบ มีเลือดสดซึมออกมาด้วย เห็นได้ชัดว่าถูกโจวยู่ชุ่ยข่วนเข้าให้
“ฉินต้าหย่ง ฉันแต่งงานกับคนขี้ขลาดอย่างคุณมาใกล้สามสิบปีแล้ว หลายปีมานี้ คุณเคยให้อะไรฉันบ้าง?”
“ไม่ง่ายที่จะได้ใช้ชีวิตดีหน่อย คุณกลับอยากให้ฉันย้ายออกไปเช่าห้องอยู่กับคุณ มีสิทธิ์อะไรกัน?”
“ถ้าอยากไป คุณก็ไปคนเดียว!”
โจวยู่ชุ่ยเอามือเท้าสะเอว ท่าทีแข็งกร้าวมากว่าไม่ยอมย้ายบ้านไป
หยางเฉินและพวกเขาถึงได้รู้ว่าสองคนนี้ตีกันขึ้นมาหุนหัน ที่แท้เพราะเรื่องย้ายบ้าน
“ฉันไม่เคยให้อะไรเธอ แต่เธอเคยให้อะไรฉันบ้าง? ทำอะไรให้กับครอบครัวของพวกเราบ้าง?”
“ทั้งวันคุณเอาแต่อยู่เฉยๆ วันหนึ่งรู้จักแต่ดูทีวี งานบ้านไม่ทำก็แล้วไป แม้แต่กับข้าวยังไม่ยอมทำ คุณมีสิทธิ์อะไรพักอยู่ที่นี่?”
“คุณจะไปก็ต้องไป ไม่ไปก็ต้องไป!”
ท่าทีของฉินต้าหย่งแน่วแน่มาก นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
เวลานี้สองสามีภรรยา ไม่ว่าคนไหนต่างไม่ยอมประนีประนอม
“เสี่ยวยีบอกแล้วว่าเดือนหน้าจะจ้างแม่บ้านมา ต่อไปจะมีคนทำกับข้าวเก็บกวาดบ้าน!” โจวยู่ชุ่ยพูดแบบนิ่งเฉยมาก
“คุณยังรู้จักอายอยู่ไหม?”
ได้ยินดังนั้น ฉินต้าหย่งยิ่งโมโหเพิ่มขึ้น ตะคอกว่า “คุณว่างเฉยๆ อยู่ที่บ้านทั้งวัน ไม่ทำอะไรเลย แต่กลับให้ลูกสาวเสียเงินจ้างแม่บ้าน? มีแม่ที่หน้าไม่อายอย่างคุณด้วยเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ให้หล่อนจ้างแม่บ้านสักหน่อย คุณมาตะคอกใส่ฉันทำไม? จะว่าไปฉันเลี้ยงพวกหล่อนโตมาขนาดนี้ ตอนนี้พวกหล่อนใช้เงินมาตอบแทนบุญคุณฉันบ้าง หรือว่ามีปัญหาอะไรเหรอ?” โจวยู่ชุ่ยพูดยิ้มเยาะ
ฉินต้าหย่งโมโหจนใกล้ระเบิดแล้ว “ลูกสาวผมเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย? ลูกสาวสองคนโตมาขนาดนี้ คุณเคยให้ความรักกับพวกหล่อนเหรอ? คุณเอาหน้ามาจากไหน ยังอยากอยู่ทำลายลูกสาวของผมที่นี่ต่อ?”
ภายใต้อารมณ์ร้อนรน ไม่ว่าอะไรฉินต้าหย่งล้วนพูดออกมาหมด เพียงแต่เดิมทีฉินซีและฉินยีไม่ได้สังเกตถึง
โจวยู่ชุ่ยกลับสับสนพอสมควรทันใด สายตาหลบเลี่ยงอยู่บ้าง พูดอย่างหวาดผวามาก “ฉินต้าหย่ง อยากไปคุณไปคนเดียว อย่างไรเสียฉันจะไม่ย้ายออกไปด้วยหรอก”
“โจวยู่ชุ่ย คุณไม่ไปใช่มั้ย? ได้ ในเมื่อคุณไม่ไป งั้นพรุ่งนี้เช้า ผมจะรอคุณที่สำนักงานเขต รอหย่าแล้ว คุณก็ไม่ความเกี่ยวข้องใดๆ กับผมอีก” ฉินต้าหย่งพูดจบ หมุนตัวออกไป
ชั่วขณะนั้นโจวยู่ชุ่ยตกใจสีหน้าเปลี่ยน ในสายตายังมีความสับสนอยู่บ้าง
“เสี่ยวซี พ่อลูกอยากหย่ากับแม่ ลูกรีบไปกล่อมเขาหน่อยสิ!”
โจวยู่ชุ่ยร้อนใจแล้ว คว้ามือของฉินซีไว้ พูดด้วยอารมณ์กระตือรือร้น
ฉินซีทำหน้านิ่งเฉยมองหล่อนทีหนึ่ง “แม่คะ แม่ก็รู้นิสัยของพ่อ หากเขาตัดสินใจแล้ว ใครก็กล่อมไม่ได้ ในเมื่อพ่ออยากย้ายออกไป แม่ก็ไปเถอะค่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ดูแลซึ่งกันและกันได้”
ได้ยินคำพูดของฉินซี โจวยู่ชุ่ยหน้าตาเซ่อซ่า อย่างไรเสียหล่อนก็นึกไม่ถึงว่าฉินซีที่แต่ไหนแต่ไรว่านอนสอนง่าย จะสามารถพูดคำพวกนี้ออกมาได้
“นี่แกกำลังไล่ฉันไป?” โจวยู่ชุ่ยตาแดงก่ำสอบถามขึ้น
ฉินซีพูดจานิ่งๆ “หนูไม่ได้ไล่แม่ไปค่ะ แต่ว่าไม่อยากให้พ่ออยู่คนเดียว”
พูดจบ ฉินซีหมุนตัวออกไป
มองภาพด้านหลังของฉินซีจากไป อารมณ์บนใบหน้าของโจวยู่ชุ่ยนับวันยิ่งดุร้าย “ดี ดีมาก พวกแกแต่ละคนอยากทำแบบนี้กับฉัน ฉันจะทำให้พวกแกชดใช้กัน!”
โจวยู่ชุ่ยในเวลานี้ ท่าทางดุร้าย ในสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น เพียงแค่ไม่มีใครมองเห็น
“ไม่เป็นไรนะ?”
หยางเฉินมองฉินซีกลับมาถึงห้อง ถามเสียงเบาๆ
ฉินซีส่ายหน้า “ไม่เป็นไร พวกเรานอนกันเถอะ!”
ตอนที่ใกล้ถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ป ในสายตาของเธอถึงเพิ่มความรู้สึกขึ้นมาระดับหนึ่ง มองหยางเฉินแล้วพูดว่า “พี่ชาย ขอโทษนะ!”
ถูกเรียกว่าพี่ชายขึ้นมากะทันหัน หยางเฉินมึนงงนิดหน่อย ทันใดนั้นนึกได้ว่าเมื่อคืนฉินยีบอกว่าอยากนับถือเขาเป็นพี่ชาย ถึงได้หัวเราะแล้ว “ทำไมต้องมาขอโทษฉันด้วย?”
“ฉันขอโทษพี่แทนแม่ของฉัน ชีวิตนี้หล่อนไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ ฉันกับพี่สาวเคยชินมาตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะหล่อนเป็นแม่ของพวกฉัน ต่อให้ไม่ชอบยังไง ก็เป็นหล่อนที่ให้ชีวิตพวกเรามา พวกเราเกลียดหล่อนไม่ได้”
เสียงฉินยีสะอึกสะอื้นพอสมควร จากนั้นพูดอีก “แต่พี่ไม่เหมือนกัน พี่กับหล่อนไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไร หล่อนไม่ควรทำตัวไร้ยางอายขนาดนั้นกับพี่”
หยางเฉินหัวเราะเบาๆ “พอแล้ว อย่าคิดมากเลย ขอเพียงหล่อนไม่ทำเรื่องที่ล้ำเส้นฉัน เห็นแก่หน้าเธอที่เป็นน้องสาวคนนี้ ฉันจะไม่ทำอะไรหล่อนหรอก”
ฉินยีส่งเสียงหัวเราะ “พี่ชาย ขอบคุณพี่นะ!”
ระหว่างที่พูดก็มาถึงเยี่ยนเฉินกรุ๊ปแล้ว ฉินยีแต่งหน้าแต่งตาให้เรียบร้อยสักหน่อย ท่าทางของหญิงแกร่ง เข้าไปในบริษัท
ส่วนหยางเฉินขับรถมุ่งหน้าไปยังหวงเหอบาธ เมื่อคืนนี้ให้เวลาเว่ยเชินพิจารณาคืนหนึ่งแล้ว กำลังรอคำตอบของเขาอยู่เลยล่ะ
ยี่สิบนาทีต่อมา หวงเหอบาธ
“สวัสดีครับคุณหยาง!”
หยางเฉินเพิ่งเดินเข้าโถงใหญ่มา ได้ยินเสียงที่เลือนรางไม่ชัดเท่าไร
คือเว่ยเชิน เมื่อคืนโดนหยางเฉินกดลงบนโต๊ะกาแฟ ฟันของเขาหลุดไปหลายซี่ จมูกก็ยุบลงไปด้วย
เวลานี้ เว่ยเชินที่ลักษณะจมูกเขียวช้ำและหน้าบวม ดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง พูดจาก็ไม่ชัดถ้อยชัดคำเท่าไร
“ดูแล้วนายครุ่นคิดมาดีแล้วว่าจะตอบยังไง”
หยางเฉินมองเขานิ่งๆ พูดจาหยอกเย้า
เว่ยเชินรีบเข้ามาหาทันที กำลังจะพูดจา ทว่ากลับถูกหยางเฉินขัดจังหวะ “ไปห้องทำงานแล้วค่อยคุย!”
โดยเฉพาะเรื่องที่พวกเขาอยากคุยพัวพันใหญ่โต ถึงแม้หวงเหอบาธจะเป็นคนของตนเองหมด แต่ยังต้องกระทำด้วยความระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...