ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตกใจ ระหว่างคิ้วของหนิงจี้หยวนปรากฏรูเลือดมาขึ้นรอยหนึ่ง
เขาเบิกดวงตากลมโต ร่างกายล้มลงไปแบบแข็งทื่อตรงแน่ว
ทั้งหมดในเหตุการณ์เงียบกริบ!
สายตาของทุกคนมองทางด้านหลังหยางเฉินทันที เป็นติงซานที่กำลังถือปืนไว้
“คุณ......คุณหยาง เขากล้าใช้ปืนมาจ่อคุณ นี่คือวอนหาที่ตายจริงๆ!”
ติงซานพูดจาเสียงสั่นเครือไปหมด
แต่ทว่าในแววตาของหยางเฉินกลับมีความแหลมคมแวบผ่านไป
เพราะคนที่ติงซานถือปืนจ่อไว้ คือหยางเฉิน
ถ้าไม่ใช่ว่าหยางเฉินหลบทัน คนที่ล้มลงไปก็คือเขา!
เพียงแค่เมื่อสักครู่ความสนใจของทุกคนอยู่บนตัวหนิงจี้หยวนกันหมด ไม่มีใครสังเกตเห็นติงซาน
นอกจากติงซานแล้ว ไม่มีใครรู้ชัดเจนว่าชั่วขณะที่ติงซานลั่นปืนนั้น ศีรษะของหยางเฉินขยับเคลื่อนไปนิดหน่อย จึงหลบลูกกระสุนได้ทันพอดี
“ตาย!”
หยางเฉินพูดออกมาเพียงคำเดียว
ในขณะเดียวกัน เขาโบกมือซ้ายในชั่วพริบตา แสงหนาวเหน็บเส้นหนึ่งแวบผ่าน
“ฟึบ!”
แวบเดียว ระหว่างคิ้วของติงซานปรากฏรอยเลือดแถวหนึ่ง มีเลือดสดปริไหลออกมาไม่ขาดสาย ราวกับกุหลาบสีแดงเลือดที่บานสะพรั่งดอกหนึ่ง
จนกระทั่งตาย ติงซานยังไม่รู้เลยว่าหยางเฉินฆ่าตนเองได้อย่างไร
ในโถงใหญ่ประชุมแลกเปลี่ยนเงียบสนิทไร้เสียง ทุกคนต่างทำหน้าตกใจกลัว
บนหน้าของฉือเจียงเคร่งขรึมเต็มที่
บางทีคนอาจไม่เข้าใจแจ่มแจ้ง ติงซานตายได้อย่างไร แต่ในฐานะหัวหน้าสาขาคนหนึ่งของสมาคมบูโด เขาย่อมเข้าใจเป็นอย่างดี
“หลังจากคืนนี้ไป เจียงผิงไม่มีตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงอีกต่อไป พอผ่านเที่ยงคืนไป ขอเพียงผู้คนของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงหลงเหลืออยู่ที่เจียงผิง ตายสถานเดียว!”
หยางเฉินกวาดสายตามองทุกคนในงาน พูดจาเย็นชาไร้ที่เปรียบ
คำพูดของเขาดุจสายฟ้าฟาดอย่างแรง ระเบิดดังอยู่ในโถงใหญ่งานประชุมแลกเปลี่ยน คนของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงล้วนทำหน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยาก
ผู้นำของพวกเขาต่างตายอยู่ในงานประชุมแลกเปลี่ยนกันแล้ว อาศัยเพียงการแสดงออกเมื่อสักครู่ของหยางเฉิน หลังผ่านวันนี้ไป ทั้งเจียงผิง ยังมีใครกล้าต่อสู้กับเขาอีก?
เขาเพียงแค่ให้คนของตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงออกไปจากเจียงผิง สำหรับสองตระกูลใหญ่นี้ ถือว่าเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่มากแล้ว
หานเซี่ยวเทียนท่าทางทอดถอนใจ ตระกูลเมิ่งและตระกูลหนิงที่แข่งขันกับตระกูลหานมาหลายสิบปี คาดไม่ถึงเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของหยางเฉิน จะพังพินาศหมดสิ้น
เมืองเอกในอนาคต มีเพียงตระกูลหาน ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
เขาเข้าใจเช่นกันว่าทั้งมณฑลเจียงผิงล้วนเคารพต่อหยางเฉิน เขาสั่งให้ทำ ใครกล้าไม่เชื่อฟังบ้าง?
แต่พอนึกถึงสถานะของหยางเฉิน หานเซี่ยวเทียนไม่คิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มีตรงไหนให้คุ้มค่าแก่การตกใจสักที่
จอมพลชายแดนเหนือของจิ่วโจวที่ยิ่งใหญ่ ตีเจียงผิงเล็กๆ แห่งหนึ่งจนพ่ายแพ้ จะมีความยากอะไร?
ต่อให้หยางเฉินตีแปดตระกูลแห่งเยนตูจนย่อยยับ หานเซี่ยวเทียนก็คงไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
“วันนี้เป็นต้นไป เจียงผิงมีคุณหยางเป็นผู้นำเพียงผู้เดียว ตระกูลหานยอมอยู่ใต้อำนาจ ติดตามคุณหยางครับ!”
หานเซี่ยวเทียนเดินเข้ามาทันใด มองหยางเฉินด้วยท่าทางเคารพนบนอบก้มศีรษะแล้วพูดขึ้น
คำพูดของเขาราวกับเสียงฟ้าผ่าจากสวรรค์ แต่ละคนในเหตุการณ์ล้วนทำหน้าอึ้งทึ่ง
สามตระกูลใหญ่ชั้นนำของเมืองเอกแห่งมณฑลเจียงผิง ความสามารถแกร่งสุด หลังตระกูลหนิงและตระกูลเมิ่งโดนหยางเฉินไล่ออกไปจากมณฑลเจียงผิง จึงเหลือเพียงตระกูลหาน
สามารถพูดได้ว่าตระกูลหานในอนาคต ก็คือตระกูลเดอะคิงของทั้งมณฑลเจียงผิง
เวลานี้ คาดไม่ถึงว่าผู้นำของตระกูลหานจะยอมศิโรราบก้มหัวให้หยางเฉิน แสดงออกว่าอยากยอมอยู่ใต้อำนาจและติดตามหยางเฉินต่อหน้าสาธารณชน
“ตระกูลกวนของผม ยังคงมีคุณหยางเป็นผู้นำเพียงหนึ่งเดียว ชีวิตนี้จะขอติดตามคุณหยางเฉินไปตลอดครับ!”
กวนเจิ้งซานรีบพากวนเสว่ซงเข้ามาทันที โค้งตัวพูดขึ้น น้ำเสียงจริงใจอย่างยิ่ง
“ตระกูลเฉินของผม ยังคงมีคุณหยางเป็นผู้นำเพียงหนึ่งเดียว ติดตามไปทั้งชีวิตนี้ครับ!”
เฉินซิงไห่ก็รีบพาคนของตระกูลเฉินเข้ามาเช่นกัน แสดงท่าทีต่อหน้าสาธารณชน
ถ้าสามารถดึงหยางเฉินเข้ามาในสมาคมบูโดได้ ไม่เพียงเอามณฑลเจียงผิงมาได้ ยังสามารถเพิ่มคนหนุ่มที่มีศักยภาพมากคนหนึ่งมาให้สมาคมบูโดได้คนหนึ่ง
สักวันหนึ่ง ถ้าหยางเฉินเข้าสู่ศูนย์กลางอำนาจของสมาคมบูโดได้จริง ตำแหน่งของเขาคงพลอยสูงขึ้นตามไปด้วย
คนของตระกูลใหญ่แต่ละเมืองที่อยู่ในงาน ล้วนมองหยางเฉินด้วยหน้าตาอิจฉา
ถึงแม้พวกเขาจะแสดงออกว่ายินยอมติดตามหยางเฉิน แต่ก็ถือโอกาสทำตามน้ำ ในสายตาของพวกเขายังเป็นตำแหน่งของสมาคมบูโดที่สูงกว่า
พวกเขาอยากเข้าร่วมสมาคมบูโด ล้วนไม่มีสิทธิ์ หยางเฉินยังอายุน้อยขนาดนี้ กลับได้รับคำเชิญแล้ว แค่คิดก็รู้ว่าพวกเขาอิจฉาแค่ไหน
ตอนที่ฉือเจียงคิดว่าหยางเฉินต้องตอบรับเข้าร่วมสมาคมบูโดแน่นอน หยางเฉินกลับส่ายหน้าพูดออกมาสองคำทันใด “ไม่สนใจ!”
“นายว่าอะไรนะ?”
ชั่วขณะนั้นฉือเจียงตกตะลึงแล้ว เขาคิดว่าตนเองฟังผิดไป
เขายอมรับ หยางเฉินแกร่งมาก
แต่ในสายตาเขา ต่อให้หยางเฉินแกร่งแค่ไหน ก็เป็นเพียงตัวคนเดียว
ในสมาคมบูโดยังมีผู้แข็งแกร่งชั้นสูงสุดที่แท้จริงมากมาย ไม่ว่าใครคนใดล้วนสามารถทำแบบที่หยางเฉินทำในวันนี้ได้หมด
ประเด็นสำคัญคือน้อยมากที่สมาคมบูโดจะเชื้อเชิญคนเข้าร่วมด้วยตนเอง เพื่อให้สามารถเข้าร่วมสมาคมบูโดได้ ผู้คนมากมายยังพยายามคิดหาทุกวิถีทาง
หยางเฉินดันปฏิเสธอย่างคาดไม่ถึง?
“หัวหน้าสาขาฉือ คุณหยางปฏิเสธเข้าร่วมสมาคมบูโด คุณไม่ต้องเปลืองน้ำลายอีกแล้ว!”
หานเซี่ยวเทียนมองทางฉือเจียงพูดจานิ่งๆ
ขณะเดียวกัน ในใจเขาแอบรู้สึกโกรธระดับหนึ่ง
ในสายตาเขา หยางเฉินในฐานะจอมพลชายแดนเหนือ นั่นคือการมีตัวตนดุจดั่งเทพเจ้า
ถึงแม้จะเป็นตำแหน่งของหัวหน้าสมาคมบูโด ก็ไม่คู่ควรกับสถานะของหยางเฉิน
ฉือเจียงยังอยากให้หยางเฉินยอมอยู่ใต้อำนาจอย่างคาดไม่ถึง นี่เป็นการเหยียดหยามต่อหยางเฉินเสียจริง
“นี่ไม่ใช่เรื่องของนาย! หุบปากไปเลย!” ฉือเจียงตะโกนด้วยความโมโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...