เดิมทียังมีผู้คนมากมายรอดูเรื่องตลกอยู่ แต่เวลานี้ล้วนผิดหวังกันหมดแล้ว
ฉินเฟยหน้าตาดูคาดไม่ถึง “นี่เป็นไปได้ยังไง? เขามีสิทธิ์อะไรได้รับบัตรเชิญของตระกูลกวน?”
นายท่านฉินเสียเงินไปจำนวนมาก ถึงเอาบัตรเชิญสองใบมาได้ แต่ปัจจุบันนี้หยางเฉินกลับได้รับบัตรเชิญมาเช่นกัน นี่ทำให้เขาไม่มีทางรับความจริงเรื่องนี้ได้
หัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยมองฉินเฟยทีหนึ่ง “ดีที่สุดคุณระวังคำพูดและการกระทำของตัวเองไว้นะครับ บัตรเชิญของคุณผู้ชายท่านนี้ผมเคยตรวจยืนยันมาด้วยตัวเอง หรือว่าคุณยังสงสัยอยู่อีก?”
“หุบปากไปเลย!” ฉินเฟยพึ่งอยากอธิบาย ก็โดนนายท่านฉินตวาดห้ามเอาไว้
“ต้องขอโทษจริงๆ เป็นหลานชายผมที่เข้าใจผิดไป ผมฉินคุนอยู่ที่นี่ ต้องขออภัยทุกท่านด้วย” นายท่านฉินพูดอยู่ลุกขึ้นมา ทำมือขอโทษแขกที่อยู่รอบด้าน
ต่อให้เป็นเพียงพนักงานรักษาความปลอดภัยของตระกูลกวน นั่นก็เป็นตัวแทนตระกูลกวน นายท่านฉินไม่กล้าผิดใจเอาง่ายๆ
สีหน้าของฉินเฟยดูแย่ที่สุด รู้สึกว่าทุกคนกำลังเยาะเย้ยเขา
หยางเวยมองทุกอย่างนี้อย่างรู้สึกสนใจ ไม่พูดจามาตลอด เห็นเรื่องนี้สงบลงมาแล้ว เขาถึงจงใจพูดว่า “ผมว่าแล้ว คุณหยางเป็นแขกพิเศษของตระกูลหยาง จะมาแบบไม่ได้เชิญได้อย่างไร?”
“คุณชายหยาง เกรงว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว เจ้าหนุ่มนี้เป็นลูกเขยสวะที่ถูกตระกูลฉินของผมไล่ออกไปจากตระกูล”
นี่ยิ่งทำให้ฉินเฟยสีหน้ายิ่งดูแย่กว่าเดิม “เขามีสิทธิ์อะไรได้รับบัตรเชิญของตระกูลกวน? ไม่แน่ว่าอาจขโมยมาจากตัวคนอื่น”
หยางเฉินเงียบนิ่งไม่พูด ยกแก้วชาดินเผาสีขาวขึ้น ดื่มไปเบาๆ อึกหนึ่ง
“คุณชายฉิน คุณบอกว่าเจ้าหนุ่มนี้เป็นลูกเขยสวะของตระกูลฉิน คงไม่ใช่ยามกระจอกเมื่อห้าปีก่อนคนนั้น ที่นอนกับน้องสาวคุณคนนั้นมั้ง?” ชายหนุ่มคนที่อยู่โต๊ะเดียวกันยิ้มถามขึ้นมากะทันหัน
“คุณชายสวีทายถูกต้องเลย คือเจ้าสารเลวคนนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ ตระกูลฉินของผมคงไม่ขายขี้หน้ามาหลายปีขนาดนี้”
มีคนถามถึงเรื่องเก่าพวกนี้ ฉินเฟยให้ความร่วมมือดีมาก มองหยางเฉินแวบหนึ่งด้วยหน้าตาเยาะเย้ย “ที่น่ารังเกียจคือเจ้าสารเลวคนนี้หลังจากแต่งเข้าบ้านมาได้ไม่นาน คาดไม่ถึงหายตัวไปห้าปีเลย พวกคุณเดาสิ เขาไปที่ไหนแล้ว?”
“คุณชายฉินอย่ามัวลีลาเลย รีบบอกมาเถอะ!” มีคนพูดเร่ง
“เขานะเหรอ ไปชายแดนเหนือมา แถมยังไปทีหนึ่งตั้งห้าปี หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้พึ่งจะกลับมา” ฉินเฟยหัวเราะเสียงดังบอกไป
“เป็นทหารห้าปี น่าจะเก่งมากสินะ?” ชายหนุ่มคนก่อนหน้านั้นแกล้งถามแบบตกใจ
คนที่สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ได้ ล้วนเป็นคนร่ำรวยและสูงศักดิ์ และจะเห็นคนอายุเท่ากันที่ไปเป็นทหารมาห้าปีอยู่ในสายตาได้อย่างไร?
“เก่งมากเลยทีเดียว!”
ฉินเฟยพูดเสียดสีใส่ “ว่ากันว่าเลี้ยงหมูอยู่ที่ชายแดนเหนือห้าปีเลย ฮ่าๆๆๆ......”
“ฮ่าๆๆ......”
คนที่โต๊ะเดียวกันล้วนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาแบบเกินเหตุ
“คุณชายฉิน จะว่าอย่างไรเขาก็เป็นลูกเขยของตระกูลฉิน ไร้ความสามารถขนาดนี้จริงๆ เหรอ?”
และมีชายหนุ่มคนหนึ่งพูดเย้ยหยัน ในคำพูดเต็มไปด้วยการหยอกล้อ
“ลูกเขยตระกูลฉิน?”
ฉินเฟยส่งเสียงหัวเราะ พูดเหยียดหยาม “เมียแพศยาคนนั้นของเขาเป็นคนโง่เง่า คาดไม่ถึงยังอยากอยู่ด้วยกันกับเจ้าสวะแบบนี้ ตอนนี้พวกเขาทั้งครอบครัวโดนคุณปู่ผมไล่ออกจากตระกูลแล้ว พวกคุณอย่าเอาเขามารวมกับตระกูลฉินอีกเด็ดขาด”
“ภรรยาของฉัน เป็นหัวข้อพูดคุยของแกตั้งแต่เมื่อไร?”
น้ำเสียงหยางเฉินสงบนิ่ง วางแก้วชาดินเผาสีขาวลง จ้องฉินเฟยตาไม่กะพริบ
ใบหน้าของเขาเหมือนมีดคม เฉียบแหลมชัดเจน เวลานี้มุมปากมีความเย็นชานิดๆ ลูกตาที่ดำลึกนั้น ปลดปล่อยแสงผู้คนหวาดหวั่นออกมา
ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ ฉินเฟยเหมือนมองเห็นแสงหนาวเหน็บสีม่วงในดวงตาของหยางเฉิน ประกายผ่านไป
ในชั่วพริบตาเดียว อุณหภูมิของทั้งห้องโถงงานเลี้ยงเสมือนลดลงหลายองศาเฉียบพลัน ทุกคนล้วนอดสั่นเทิ้มกันไม่ได้
ฉินเฟยที่ถูกหยางเฉินจ้องอยู่ ยิ่งรู้สึกได้แจ่มแจ้ง สั่นไปทั่วตัว เหมือนว่าเขาไม่ได้เผชิญหน้าอยู่กับคน แต่เป็นปีศาจร้ายที่มาจากนรกขุมที่เก้า ทำให้เขาหวาดผวาถึงขั้นสุด
แต่เพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากเขาสะบัดความคิดที่ไม่สมจริงนี้ทิ้งไป พูดจาเดือดดาล “นี่เป็นความจริงที่คนเจียงโจวรู้กันหมด หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป?”
“ผิดแล้ว!”
ความรู้สึกบนหน้าหยางเฉินหายไปหมดจด เสียงเย็นชาลงมาก
ฉินเฟยยักคิ้ว เผชิญหน้าสู้ “นี่คือเรื่องจริง จะผิดได้ยังไงกัน?”
หยางเฉินตอบอย่างนิ่งเฉย “เรื่องพวกนี้ หรือว่าไม่ใช่ตระกูลฉินร่วมมือกับแกทำเพื่อยึดครองซานเหอกรุ๊ปจากในมือของฉินซีมาเหรอ?”
คำพูดนี้ออกมา โดยรอบเงียบงันลง
แม้แต่หลายโต๊ะข้างเคียงที่กำลังถกเถียงยังหยุดลงหมด ทุกคนล้วนมองหยางเฉินด้วยท่าทางตกใจ
ในใจนายท่านฉินและฉินเฟยทั้งสองคนตื่นตระหนกอย่างยิ่ง เรื่องนี้ในตอนนั้นเป็นฉินเฟยแอบวางแผนลับหลังจริง นายท่านฉินพึ่งมารู้ความจริงตอนท้าย แต่เพื่อให้ได้ซานเหอกรุ๊ปมา ยังกดเรื่องนี้ลงไปแล้ว
นอกจากพวกเขาสองปู่หลาน ก็ไม่มีใครรู้อีก หยางเฉินรู้ได้อย่างไรกัน?
ถ้าเรื่องนี้เปิดโปงออกไปจริง ตระกูลฉินคงขายขี้หน้าจริงๆ
ช่วงเวลานี้ ตระกูลฉินได้รับการลงทุนของตระกูลหยาง และสานสัมพันธ์กับตระกูลและกิจการไม่เลวบางส่วนที่เจียงโจวด้วย ซึ่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ช่วงนี้ผู้คนมากมายล้วนเชิญฉินเฟยไปทานข้าวก่อนเองเพื่อสานสัมพันธ์กับตระกูลฉิน เขาจึงลืมตัวไปตั้งนานแล้ว ใกล้จะลืมว่าก่อนหน้านี้หยางเฉินเกือบทำเขาตายไป
เวลานี้กลับโดนหยางเฉินมาต่อว่า แถมยังพูดความจริงเมื่อห้าปีที่แล้วอีก ชั่วขณะนั้นอับอายและโกรธเคือง
“แกกล้ามาพูดจาเหลวไหลที่ตระกูลกวน รู้มั้ยคำว่าตายเขียนยังไง?”
ฉินเฟยรีบลุกขึ้นมาทันที ในสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
หยางเฉินหรี่ดวงตานิดหน่อย เปล่งประกายแสงหนาวเหน็บ “เขียนไม่เป็นจริงๆ ไม่อย่างนั้นแกมาสอนฉันหน่อยว่าเขียนยังไง?”
ในแววตาลึกของฉินเฟยเปล่งประกายแรงอาฆาตแค้นรุนแรง โดยเฉพาะไม่ยี่หระเลย ก้าวมาด้านหน้า จนมาถึงตรงหน้าหยางเฉิน มุมปากเผยเส้นรัศมีวงกลมที่ชั่วร้ายออกมา “ในเมื่อแกเขียนไม่เป็น งั้นฉันจะสอนแกเขียนเป็นยังไง!”
เขาพึ่งพูดจบ ถือโอกาสคว้าไวน์แดงลาโฮรมาเนกงติที่ยังไม่ได้เปิดมาขวดหนึ่ง ทุบลงด้านบนศีรษะของหยางเฉินอย่างหนัก
ชั่วขณะนั้นที่ขวดไวน์กำลังร่วงลง เห็นเพียงหยางเฉินยื่นมือออกมาแบบปีศาจร้าย คว้าข้อมือของเขาไว้ฉับพลัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขานั่งอยู่ตรงนั้น ไม่เคยขยับไปไหนสักนิดเดียว
ท่ามกลางความเงียบงันนี้ เห็นเพียงชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบคนหนึ่งก้าวเท้าเข้ามา
การปรากฏตัวของเขาทำให้สถานการณ์ที่เงียบเชียบ ในที่สุดมีชีวิตชีวาขึ้นมามากเลย
“กวนเสว่ซง รุ่นสามที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลกวน หนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองเจียงโจว”
“กิจการหนึ่งในสี่ส่วนตระกูลกวน ล้วนมอบให้เขาจัดการ ว่ากันว่าเจ้าบ้านกวนมีความคิดทอดทิ้งรุ่นสองของตระกูลกวน มาอบรมกวนเสว่ซงรุ่นที่สามเพื่อเป็นผู้สืบทอดผู้นำตระกูล”
“เจ้าหนุ่มคนนี้มาก่อเรื่องที่งานวันเกิดของผู้นำตระกูลกวน กวนเสว่ซงในฐานะผู้นำในอนาคตของตระกูลกวน ต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่”
.......
กวนเสว่ซงเดินมาถึงด้านหน้าหยางเฉิน มองเขาจากบนลงล่าง “วันนี้เป็นวันเกิดเจ็ดสิบปีเต็มของคุณปู่ฉัน เจอเลือดไม่เป็นมงคล ลองอธิบายมาให้ฉันฟังสิ ไม่อย่างนั้นนายอย่าคิดจะเดินออกไปจากที่นี่!”
หยางเฉินค่อยๆ เงยหน้ามองทางเขา มุมปากปรากฏความเจ้าเล่ห์นิดๆ “กวนเสว่เฟิงเป็นอะไรกับนาย?”
กวนเสว่ซงยักคิ้วขยับเล็กน้อย ไม่เข้าใจหยางเฉินถามถึงกวนเสว่เฟิงขึ้นมากะทันหันทำไม หรือว่าเขากับกวนเสว่เฟิงเป็นเพื่อนกัน?”
“กวนเสว่เฟิงเป็นน้องชายแท้ๆ ของฉัน แต่ถึงแม้นายกับเขาเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่อธิบายกับฉัน ใครก็ช่วยนายไม่ได้”
เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว กวนเสว่ซงกลับสู่สภาพปกติ ปัดผมยาวปอยหนึ่งที่บังดวงตาไว้ พูดอย่างเย็นชา “วันนี้นายทำให้งานวันเกิดคุณปู่ฉันเปื้อนเลือด นี่คือโทษหนัก!”
หลังยืนยันว่ากวนเสว่เฟิงเป็นน้องชายแท้ๆ ของกวนเสว่ซง หยางเฉินหัวเราะนิ่งๆ “ถ้าไม่อยากเห็นเลือดอีก แก ดีที่สุดก็หุบปากไป!”
“แกข่มขู่ฉัน?”
กวนเสว่ซงไม่โกรธกลับหัวเราะ เจียงโจวในปัจจุบันนี้ อย่าพูดถึงคนอายุน้อยกว่ารุ่นหนึ่งเลย อายุมากว่ารุ่นหนึ่ง ก็ไม่มีใครกล้าข่มขู่เขา
หยางเฉินส่ายหน้า ยกมุมปากขึ้น เผยฟันขาวออกมา จากนั้นลุกขึ้น
เห็นหยางเฉินส่ายหน้า กวนเสว่ซงหัวเราะอย่างเหยียดหยาม พูดว่า “ไม่ก็ดี!”
เพียงแต่เขาพึ่งพูดประโยคนี้จบ หยางเฉินยื่นมือข้างหนึ่งออกทันใด จับผมของเขาเอาไว้
ตามมาด้วยหยางเฉินกดศีรษะของกวนเสว่ซงไว้บนโต๊ะอย่างแรง ส่วนหน้าแนบลง
“ตึง!”
เสียงดังขึ้นทีหนึ่ง กวนเสว่ซงหน้าเต็มไปด้วยเลือดในชั่วขณะนั้น
หลังจากผ่านไปช่วงสั้นๆ เสียงร้องโหยหวนก็ดังไปทั้งห้องโถง
สายตาของทุกคนตกอยู่บนตัวของหยางเฉินกันแน่นขนัด มองร่างกายที่ยืนตรงดิ่งนั้น ทุกคนล้วนตกใจหวาดกลัวเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของตนเองเต้น
“ฉันเป็นพวกทำจริง ไม่เคยข่มขู่คน”
บนหน้าของหยางเฉินเผยรอยยิ้มที่เบิกบานใจออกมา พูดจบ ก็นั่งกลับลงไปที่ตำแหน่งของตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...