ในเวลาเดียวกัน เมื่อครอบครัวของฉินซีกำลังมุ่งหน้าไปยังยอดเมฆา หยางเฉินก็รีบตรงไปที่บ้านตระกูลฉิน
แม้บ้านตระกูลฉินจะเป็นแค่ครอบครัวทั่วไปในเจียงโจว แต่พวกเขาก็มีคฤหาสน์ขนาดใหญ่เท่ากับครอบครัวชนชั้นสูงด้วยเช่นกัน
ในคฤหาสน์ขนาดใหญ่นั้นยังมีวิลล่าสองชั้นหลายหลัง นอกจากครอบครัวของฉินซีแล้ว ลูกหลานของตระกูลฉินคนอื่นๆ ก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
ในขณะนี้ มีรถบรรทุกสีน้ำเงินคันใหญ่มาจอดขวางอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ของตระกูลฉิน ซึ่งทำให้ไม่มีใครเข้าออกได้
และบนรถบรรทุกนั้นยังมีโลงศพสีแดงขนาดใหญ่อยู่ห้าโลง
“พวกคุณเป็นใครกันแน่ รู้มั้ยว่าที่นี่คือที่ไหน? กล้ามาขวางประตูของเราแบบนี้ สงสัยเบื่อโลกแล้วสินะ?”
หลินเสว่เหลียนแม่ของฉินเฟยยืนมือเท้าสะเอวอยู่ในบริเวณหน้าบ้านแล้วด่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ารถบรรทุกคันใหญ่นั้นด้วยความโมโห
นับตั้งแต่ฉินซีกับครอบครัวถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉินก็ไม่มีใครสามารถเป็นภัยคุกคามของฉินเฟยอีกเลย นอกจากนี้นายท่านฉินยังได้พูดต่อหน้าสาธารณชนแล้วว่า ฉินเฟยจะเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลคนต่อไป
นายท่านฉินมีลูกชายสองคน คนแรกคือพ่อของฉินเฟย ส่วนคนที่สองคือพ่อของฉินซี
ซึ่งพ่อของฉินเฟยนั้นได้เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว แต่พ่อของฉินซีฉินต้าหย่งกลับไม่ใช่ลูกในสายเลือดของนายท่านฉิน ดังนั้นฉินเฟยจึงเป็นทายาทผู้ชายในสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉิน
ในขณะที่ฉินซียังอยู่ในตระกูลฉินนั้น เธอเป็นคนที่มีความสามารถที่โดดเด่นมากกว่าใคร เนื่องจากเธอเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อบริษัทในเครือของตระกูลฉินเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับฉินเฟย
และในปัจจุบันฉินเฟยได้รับตำแหน่งของทายาทผู้สืบทอดของตระกูลแล้ว ดังนั้นแม่ของเขาหลินเสว่เหลียนจึงได้ดีไปด้วย
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หลินเสว่เหลียนนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบมากมายคอยติดตามตลอด และในตอนนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านั้นก็จ้องไปที่หม่าชาวอย่างดุเดือด
“ไอ้หนุ่ม แกหูหนวกอย่างนั้นหรือ? แกไม่ได้ยินที่ฉันพูดใช่ไหม?”
ไม่ว่าหลินเสว่เหลียนจะเสียงดังแค่ไหน หม่าชาวก็ยังนิ่งสงบและยืนขวางหน้าประตูบ้านเหมือนยมทูตที่เฝ้าประตูนรกอย่างไรอย่างนั้น
“พวกนาย เข้าไปอัดมันซะ เอาให้น่วมไปเลยนะ”
เมื่อหลินเสว่เหลียนถูกเพิกเฉยมาสักพัก สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเจ็ดถึงแปดคนที่ได้รับคำสั่งก็รีบวิ่งเข้าไปหาหม่าชาวอย่างรวดเร็ว
และในขณะนี้ หม่าชาวที่หลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้นทันที จากนั้นแสงวาบก็ประกายขึ้นในตัวเขา
เขามองไปที่เหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่กำลังวิ่งเข้ามา ทันใดนั้นเขาก็ขยับตัวและทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกลุ่มนั้นเห็นเพียงเงาที่วิ่งตัดผ่านพวกเขาเท่านั้น
จากนั้นสิ่งที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เพียงแค่ช่วงเวลาไม่ถึงสิบวินาที รปภ. เจ็ดถึงแปดคนก็ถูกอัดจนกระเด็นออกไปและนอนร้องโหยหาอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนในครอบครัวตระกูลฉินต่างก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ส่วนหลินเสว่เหลียนก็ตกตะลึงจนต้องเดินถอยหลังไปสองก้าวและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไม่อยากตายก็รออยู่ข้างในดีๆ” หม่าชาวพูดอย่างเฉยเมย
หยางเฉินให้เขามาที่บ้านตระกูลฉินก่อน และเขาก็รู้ดีว่าหยางเฉินจะไปจัดการกับเรื่องของฉินเฟยด้วยตัวเขาเอง
เมื่อได้ยินคำพูดของหม่าชาว ทุกคนในครอบครัวตระกูลฉินก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
แม้แต่ยามรักษาความปลอดภัยเจ็ดแปดคนยังถูกหม่าชาวจัดการอย่างง่ายดายแบบนี้ แล้วสิงสาราสัตว์ของตระกูลฉินอย่างพวกเขาจะเอาอะไรไปสู้กับหม่าชาว
“ท่านผู้นำครับ ข้างนอกมีชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถบรรทุกคันใหญ่มาจอดขวางอยู่ที่หน้าประตู เขาไม่ให้ใครออกไปเลยครับ”
พ่อบ้านรีบวิ่งเข้าไปรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกบ้านให้กับนายท่านฉินด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“ว่าไงนะ? มันไม่ให้คนตระกูลฉินของเราออกจากบ้าน?” นายท่านฉินรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
“ใช่ครับ ยามรักษาความปลอดภัยที่มีฝีมือดีที่สุดทั้งแปดคนของเราก็ถูกมันคนเดียวจัดการจนล้มนอนอยู่กับพื้นแล้วครับ”
“กล้ามาสร้างปัญหาถึงบ้านตระกูลฉินของเรา สงสัยไม่รู้ฟ้าจริงๆ ซะแล้ว รอข้าติดต่อกับตระกูลกวนก่อน ดูว่าจะหารปภ. มาเพิ่มอีกได้ไหม” นายท่านฉินพูดไปด้วยและหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะติดต่อตระกูลกวน
แม้ตระกูลฉินจะสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลกวนได้ แต่ในทุกๆ ปีตระกูลฉินจะต้องจ่ายเงินกว่า 40% ของกำไรให้กับตระกูลกวน ดังนั้นถ้าหากเกิดความเดือดร้อนขึ้นกับตระกูลฉิน ตระกูลกวนก็จะเป็นที่พึ่งของพวกเขา
ทันทีที่นายท่านฉินโทรติด เขาก็ได้ยินเสียงตอบรับที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก “ใครน่ะ?”
“ประธานสวี่ ผมเองครับ ฉินคุน เมื่อกี้มีวัยรุ่นคนหนึ่งที่มีฝีมือมาที่บ้านตระกูลฉินของผม มันจัดการรปภ. ของบ้านผมจนหมดเลยครับ ฉะนั้นผมอยากให้ตระกูลกวนช่วยหารปภ. มาช่วยพวกเราทีครับ”
แม้อีกฝ่ายจะตอบอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่นายท่านฉินก็ยังต้องพูดด้วยความให้เกียรติ
ที่ตระกูลฉินบอกว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกวนนั้น ความจริงแล้วพวกเขาเป็นแค่ผู้รับผิดชอบบริษัทในเครือของตระกูลกวนเท่านั้น ส่วนเหล่าผู้จัดการระดับสูงของตระกูลกวนนั้นนายท่านฉินไม่มีคุณสมบัติที่จะติดต่อได้เลย
เมื่อประธานสวี่ได้ยินคำพูดของนายท่านฉินเขาก็พูดอย่างไม่พอใจ “ก็แค่เด็กหนุ่มคนเดียวแต่จัดการไม่ได้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี เดี๋ยวผมจะเรียกคนไปให้”
หลังจากพูดจบประธานสวี่ก็วางสายทันที
ดวงตาของนายท่านฉินเป็นประกายและเขาก็พูดอย่างไม่พอใจว่า “ก็แค่หมารับใช้ตัวหนึ่งของตระกูลกวน คิดว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ รอให้ตระกูลฉินของเราได้เขาใกล้ตระกูลกวนมากกว่านี้เถอะ แล้วนายจะเจอดี!”
และในขณะนี้ รถฟ็อลคส์วาเกินแฟตันสีดำคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าประตูบ้านตระกูลฉิน จากนั้นหยางเฉินก็เดินออกมาจากรถ
ในตระกูลฉินนั้น นายท่านฉินเป็นถึงหัวหน้าครอบครัว แต่ในตอนนี้กลับถูกหยางเฉินเรียกเขาว่า ‘ไอ้ท่านฉินหมาแก่’ ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นการดูถูกนายท่านฉินมาก
แม้เสียงของหยางเฉินจะไม่ได้ดังมานัก แต่ทันใดนั้นนายท่านฉินที่กำลังเขียนพู่กันจีนอยู่ในห้องก็รู้สึกว่ามีฟ้าร้องดังขึ้นในหูเขาจนทำให้เขาแทบจะหนวก
“สารเลว! ดิ้นหาที่ตายชัดๆ!” เมื่อนายท่านฉินได้ยินของหยางเฉินก็รู้สึกโกรธอย่างสุดขีด
“หยางเฉิน แกกล้าดูหมิ่นหัวหน้าครอบครัวของเราได้ไง หัวหน้าครอบครัวของเราไม่มีวันปล่อยแกไปแน่”
หลินเสว่เหลียนรู้สึกตื่นเต้นมาก แม้เธอจะไม่รู้ว่าทำไมหยางเฉินถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ แต่สำหรับ ‘ไอ้ท่านฉินหมาแก่’ ที่หยางเฉินพูดนั้น หลินเสว่เหลียนมั่นใจว่านายท่านฉินจะไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน
และในเวลานี้ นายท่านฉินก็เดินออกมาด้วยความโกรธ
“ข้าก็คิดว่าเป็นใคร ถึงได้กล้าขนาดนี้ ที่แท้ก็ไอ้ขยะคนนี้นี่เอง”
นายท่านฉินมองไปที่หยางเฉินแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยาม “นายไปสร้างปัญหาให้กับตระกูลกวนในงานเลี้ยงของเขา แล้วนายยังมีชีวิตรอดอยู่ได้ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ของนายแล้ว แต่ไม่เป็นไร ข้าติดต่อตระกูลกวนเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็มีคนมาจัดการนายเอง”
หยางเฉินพูดอย่างเย้ยหยัน “ดีเลย! ผมล่ะอยากรู้ว่าใครหน้าไหนของตระกูลกวนจะกล้าเสนอหน้ามาหาผมอีก”
“ไอ้เด็กโง่เขลาเบาปัญญาเอ๋ย นายมันโง่จนหาที่เปรียบไม่ได้จริงๆ ที่ตระกูลกวนไม่ได้ทำอะไรนายก็เพราะว่านายมันไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะให้เขาทำอะไรนายต่างหาก แต่รอให้เขามาถึงก่อนเถอะ นายไม่รอดแน่!”
แม้นายท่านฉินจะรู้ว่าหยางเฉินเป็นคนเก่ง แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่นิด
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ไปไหนแน่!”
หยางเฉินยิ้มเบาๆ แล้วพูดต่อ “แต่ก่อนที่คนของตระกูลกวนจะมาถึง เรามาจัดการเรื่องอื่นกันก่อนดีกว่า”
เมื่อพูดจบหยางเฉินก็ส่งสัญญาณให้กับหม่าชาว
หม่าชาวพยักหน้าแล้วเดินจากไป และในขณะที่ทุกคนยังคงสับสนอยู่ เขาก็ได้กระโดดขึ้นไปบนรถบรรทุกเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นหม่าชาวกดปุ่มบางอย่างและโลงศพที่หนักเป็นร้อยกิโลกรัมก็บินออกไปร่วงอยู่ท่ามกลางคนของตระกูลฉิน
ต่อมาเขากดปุ่มรัวๆ และโลงศพทั้งหมดก็ตกลงไปบนพื้นและเรียงกันเป็นแถวอย่างเรียบร้อย
ครั้งนี้การกระทำของหม่าชาวทำให้ทุกคนต้องตะลึงอย่างแท้จริง
และในขณะนี้ ทันใดนั้นหลินเสว่เหลียนก็เห็นร่างที่คุ้นเคยนอนอยู่ในโลงศพโลงหนึ่งและเธอก็ตกใจจนตะโกนออกมา “เสี่ยวเฟย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: The king of War
เขียนยืดเยื้อฉิบหาย.. อ่านแล้วหงุดหงิด...
ยืดเยื้อมากอ่นแล้วโครตเสียอารมณ์แค่บอกว่าเป็นใครแค่เนี้ย แม่งยืดซะจนไร้รสชาติเลย เสียเวลา ่านฉิบหาย...
ถ้าเขียนต่อไม่ได้ก็ตัดจบเหอะ...
ไม่มีบทต่อไปหรือครับ...
ผู้เขียนเค้าเอาไปลงใน Hinovel ตอนนี้เขียนถึงบท 2541 ครับ...
กลับมาเขียนใหม่คงลืมไปหมดและ ต้องอ่านใหม่มั้ง นานเกิน แจ้งชี้แจงก็ไม่มี...
กำ...
คนเขียนตายแล้วเหรอครับ เสียใจด้วยครับ ขอให้ไปสู่สุขติครับ...
ยังอัพเดทอยู่ไหมครับ...
อัพตอนใหม่วันไหนครับ...