หนึ่งอาทิตย์ถัดมา…
ปัง~ เสียงประตูรถยนต์ออดี้ R8 ราคาแพงของทิชาถูกปิดอย่างแรงด้วยฝีมือของตัวเธอเอง เท้าเล็กเดินตรงมาที่โต๊ะม้าหินประจำหน้าคณะเพื่อรอเรียนวิชาแรกและวิชาเดียวในวันนี้
“แกซื้อรถใหม่เหรอทิชา”
“อือ” ทิชาฟุบหน้าลงบนเสื้อกันหนาวในมือพร้อมกับครางตอบเพื่อนในลำคอเบาๆ อย่างเหนื่อยล้า ร่างกายของเธอถูกคนเจ้าเล่ห์ใช้งานหนักหน่วงจนไม่เหลือแรงใช้ทำอย่างอื่นเลย
“ช่วงนี้แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย”
“นอนไม่ค่อยหลับน่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะแล้วปรือตามองเพื่อนทั้งสองคนด้วยสายตาเจือความง่วง
“หน้าแกซีดมากเลยนะทิชา ไหวไหมเนี่ย” บีน่าที่รีบยกมือแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วงก็ต้องตกใจเมื่อไอร้อนสูงเกือบสามสิบแปดองศาจากร่างกายของทิชาแผ่ซ่านมากระทบมือของเธอ “นี่แกมาเรียนทั้งที่ไข้ขึ้นเนี่ยนะ”
“มีควิซฉันพลาดไม่ได้”
“อยากจะควิซหรืออยากจะช็อกตายก่อนฮะ!”
“ฉันกินยาแก้ไข้ไปแล้วอีกสักพักก็คงดีขึ้น” ริมฝีปากบางเปล่งเสียงแห้งผากบอกเพื่อนก่อนจะฟุบตัวลงนอนอีกครั้ง “ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ฉันขอนอนพักก่อนนะ”
“วันนี้มาร์คมีเรียนไหมยัยจอย”
“ไม่มี”
“หรือว่าควรให้พันไมล์มารับยัยทิชาดีนะ” ดวงตากลมโตเลื่อนมองใบหน้าของเพื่อนรักที่เพิ่งหลับสนิทเมื่อสักครู่นี้เล็กน้อย แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาบุคคลที่สามในบทสนทนาทันที
(ฮัลโหลครับ)
“ไมล์เราโทรมารบกวนหรือเปล่า”
(ไม่ครับ บีน่ามีอะไรหรือเปล่า)
“ไมล์ช่วยมารับทิชากลับไปส่งที่คอนโดหน่อยได้ไหม พอดีมันไม่สบายแต่ยังฝืนมาเรียน”
(แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกันครับ เดี๋ยวเรารีบไป)
“อยู่หน้าคณะค่ะ รีบมาหน่อยนะ”
(ครับ) เมื่อปลายสายพูดจบก็กดวางสายไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานนักรถยนต์สีขาวสะอาดของพันไมล์ก็เคลื่อนมาจอดบริเวณหน้าคณะบริหารภาคอินเตอร์
“ทิชาอยู่ไหนครับ”
“นี่ไง” บีน่าชี้นิ้วไปที่ร่างเล็กที่นอนฟุบลงบนโต๊ะโดยมีเสื้อกันหนาวสีชมพูอ่อนคลุมศีรษะบังแดดเอาไว้
“ทิชาตื่นครับ เรามารับกลับบ้านแล้ว”
“อื้อ!” เสียงอื้ออึงขานรับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่เมื่อมือเย็นๆ ของพันไมล์แตะลงบนแก้มนวลทิชาก็สะดุ้งตื่นมองใบหน้าหล่อเหลาทั้งที่สายตายังพร่ามัว “ไมล์เหรอ”
“ลุกไหวไหม”
“กี่โมงแล้ว ถึงเวลาเรียนหรือยัง”
“แปดโมงสิบห้าครับ แต่มันไม่ใช่เวลาที่ทิชาจะมาสนใจเรื่องเรียนนะ ปล่อยให้ไข้ขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง” หญิงสาวแอบตกใจเล็กน้อยที่ได้ยินเสียงคนตัวสูงดุเธอเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกัน
“ดุเราเป็นด้วยเหรอ”
“เราจะตีทิชาด้วยถ้ายังดื้ออยู่แบบนี้” พันไมล์ช้อนร่างแบบบางของทิชาขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ให้เขาอุ้มแต่โดยดี เพราะตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอแทบจะไม่หลงเหลือแล้ว
“ขับรถเราได้ไหม เราไม่อยากจอดทิ้งไว้ที่นี่”
“พอพูดถึงเรื่องผู้หญิงนี่อยากรู้ขึ้นมาเลยนะมึง ขี้เสือกว่ะ”
“จะพูดไม่พูด” ลูแปงเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทางกวนประสาทของกวิน เพราะเขากำลังรู้สึกว่ามันต้องเกี่ยวข้องอะไรกับทิชา ไม่อย่างนั้นเพื่อนคงไม่วิ่งหน้าตาตื่นมาขนาดนี้แน่นอน
“โธ่ ไอ้สัด! ให้กูลีลาหน่อยก็ไม่ได้”
“เร็ว!”
“เออๆ …เมื่อกี้กูเดินไปส่องเด็กปีหนึ่งที่คณะบริหารมาได้ยินพวกปีสี่แม่งพูดเรื่องทิชากัน แล้วแม่งไม่ได้พูดแค่กลุ่มเดียวนะ แม่งคุยเรื่องนี้กันแทบทุกกลุ่มเลย”
“กูขอเนื้อๆ”
“มึงไม่รู้จักคำว่าเกริ่นเหรอ ไอ้ส้นตีนนี่”
“มึงอย่ากวนประสาทมันไอ้กวิน รีบพูดก่อนองค์มันจะลง” เซนต์รีบห้ามทับเมื่อเห็นสีหน้าของลูแปงที่เริ่มจะหงุดหงิดกับเพื่อนจนแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนที่ลูแปงกำลังให้ความสนใจยิ่งทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้
“ไอ้พันไมล์หมอปีสี่อุ้มทิชาออกไปจากคณะบริหาร หมอกวินขอฟันธงว่าสองคนนี้ต้องมีซัมธิงอะไรกันแน่นอน ไม่งั้นทิชาคงไม่ยอมให้มันอุ้มออกไปง่ายๆ แบบนั้นหรอก”
“…” แววตาราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวทันทีที่รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มหยัดตัวลุกจากเก้าอี้อย่างแรงแล้วเดินมาที่รถยนต์ของตัวเองโดยไม่สนใจเสียงรั้งเรียกของเพื่อน
“ไอ้แปงมึงจะไปไหน วันนี้ควิซนะไอ้สัด” เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่สนใจคำพูดของตัวเอง กวินจึงสบถออกมาอีกรอบ “ไอ้เหี้ย มันไม่เคยพลาดควิซอาจารย์จริญเลยนะ”
“มึงไม่ต้องสนใจมันหรอก มึงควรจะสนใจคนที่มึงกำลังจะทำให้มันไปฆ่าเขา”
“เชี่ยเอ๊ย! กูลืมไอ้เซนต์” กวินทึ้งหัวตัวเองแรงๆ เมื่อนึกถึงภาพอารมณ์โกรธเกรี้ยวของเพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินออกไปกับวีรกรรมที่กำลังจะเกิดหลังจากนี้
“สร้างเรื่องอีกแล้วนะมึง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: TRICK TO LOVE หลอกให้รัก