ไม่กล้าแม้แต่จะส่งข้อความไปหา วันนี้วันศุกร์แล้วพรุ่งนี้วันเสาร์ ปกติติณห์จะกลับบ้านวันนี้เขาคงไม่มาหาเธอแน่ๆ
วันอาทิตย์เธอก็มีงานMCงานแรก ซึ่งจัดขึ้นที่ห้างเดอะมูน เธอเคยบอกติณห์ไว้แล้ว ไม่แน่ใจว่าต้องบอกอีกไหม
มันเจ็บเวลาที่ส่งข้อความหาเขาแล้วเขาเปิดอ่านแต่ไม่ตอบ ช่องแชทหนักขวามากมีแค่เธอคนเดียวที่คุย แต่เขาไม่ค่อยตอบกลับมา
แม้เขาจะไม่ตอบแต่เธอก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาเขา
Blue : คุณติณห์คะ จะมาหาบลูไหมคะ บลูคิดถึง
บุรฉัตรตัดสินใจส่งข้อความออกไป แต่ก็เงียบ ไม่มีการตอบรับ เขาไม่เปิดอ่าน เธอถอนหายใจอย่างท้อแท้ ครุ่นคิดว่าเธอทำอะไรผิด ทำไมติณห์ถึงเปลี่ยนไปแบบนี้
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น บุรฉัตรรีบรับอย่างดีใจ แต่เสียงที่ดังมาตามสายกลับไม่ใช่คนที่เธอรอ
“บลูจ๋า ทำอะไรอยู่จ๊ะ”
คนที่พูดกับเธอแบบนี้มีคนเดียวคือเฮียมิกซ์
“เฮียเหรอคะ”
เธอทักทายเขากลับไป รู้สึกผิดหวังที่ไม่ใช่คนที่เธอรอ
“ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะครับ ไม่สบายหรือเปล่า”
น้ำเสียงห่วงหาอาทรของเขาทำเอาบุรฉัตรแทบน้ำตาซึม ไม่ได้ซาบซึ้งใจ แต่อดคิดไปถึงใครอีกคนไม่ได้ คนที่อยากให้เขาถามเธอแบบนี้บ้าง แต่ก็ไม่รู้เขาหายไปไหน
“เปล่าค่ะเฮีย เฮียมีอะไรไหมคะ”
มิกซ์เงียบไปนิดนึงก่อนที่จะทวงสัญญามาตามสายว่า
“ใครนะ บอกว่าถ้าปิดเคสเพื่อนเฮียได้จะเลี้ยงข้าวเฮีย”
จริงด้วยเธอสัญญากับเขาไว้ และตอนที่ปิดมาได้ก็โทรไปขอบคุณเขาแล้ว จริงๆค่าคอมยังไม่ได้ แต่เธอมีเงินพอที่จะเลี้ยงเขาได้
เลี้ยงให้จบๆไปก็ดีเหมือนกัน
“เฮีย วันอาทิตย์บลูมีงานที่ห้างเดอะมูนไปเป็น MC เลิกงานราวสี่โมงเย็น เฮียสะดวกไหมคะ เจอกันที่ห้างเลยก็ได้ กินข้าวในห้างได้ไหมคะ”
เมื่อเธอพูดจบ น้ำเสียงดีใจก็ส่งมาตามสาย
“ได้สิบลูกินข้าวกับบลูกินที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ขอให้เป็นบลูเถอะ”
ถ้าคำพูดนี้ออกมาจากปากของติณห์เธอคงมีความสุขมาก แต่มันกลับไม่ใช่
บุรฉัตรไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมกับคนที่เขารักเธอทำไมเธอถึงไม่รัก
กลับคิดถึงแต่คนที่เขาไม่ได้รักเธอเลยสักนิด
“ค่ะเฮียเอาไว้เจอกันนะคะ เราค่อยโทรหากันอีกที”
บุรฉัตรพยายามทำเสียงร่าเริง อย่างน้อยเฮียมิกซ์ก็มีบุญคุณ ค่าคอมที่ได้จากการขายประกันให้เพื่อนเฮียมิกซ์สูงเกือบสองแสนบาท ถ้าไม่ใช่เฮียมิกซ์แนะนำไม่รู้เธอจะขายได้แบบนี้ไหม
พอเถอะบลู เอาเวลามาคิดเรื่องหาเงินดีกว่า เลิกคิดเรื่องผู้ชายได้แล้ว
บุรฉัตรหยิบโทรศัพท์มาค้นหาประกาศขายบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากที่เดิมที่เคยอยู่ มีทั้งแบบบ้านเดี่ยวชั้นเดียวสองชั้น ทาวน์เฮาส์ และตึกแถว
สิ่งที่บุรฉัตรสนใจมากที่สุดคือตึกแถวในทำเลดีที่สามารถค้าขายได้ อย่างน้อยถ้าซื้อตึกคงพอเปิดเป็นหน้าร้านขายอะไรได้บ้าง
บุรฉัตรนั่งดูรูปไป จินตนาการไปว่าถ้าเธอซื้อเซอร์ไพร์สพ่อกับแม่ได้ พ่อกับแม่จะดีใจแค่ไหน
เมื่อคิดจินตนาการแบบนั้นก็รู้สึกปลื้มใจขึ้นมาทันที เอาวะคิดเรื่องผู้ชายแล้วมันเจ็บปวด คิดเรื่องหาเงินซื้อตึกให้พ่อกับแม่อยู่ดีกว่า
ราคาสูงเหมือนกันนะ ตั้งสี่ล้าน เฮ้อ สู้ๆนะอีบลู ต้องทำได้สิวะ
บุรฉัตรเซฟรูปตึกเก็บเอาไว้เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง แล้ววางแผนเงียบๆว่าต้องเก็บเงินยังไงทำรายการเดินบัญชียังไงถึงจะมีเครดิตไปกู้ซื้อตึกได้ คำนวนเงินดาวน์เงินผ่อน
“อย่าสนใจเรื่องกูเลย มาคุยเรื่องมึงดีกว่า เด็กผูกปิ่นโตคนใหม่เป็นยังไงบ้างวะ”
ติณห์นึกถึงหน้าใครบางคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาวันนี้วันที่ห้าเข้าไปแล้ว อย่าถามว่าคิดถึงไหม คิดถึงมาก แต่ไม่ไปหา
คนเราควรจะเว้นระยะกันบ้าง ปกติกับเด็กคนก่อนๆ บางทีสองอาทิตย์ค่อยไปหาก็ยังเคยมี อันนี้แค่ห้าวันทำเหมือนจะตาย
“ก็ไม่เป็นไง”
ติณห์ไหวไหล่ให้รู้ว่าไม่มีอะไรสำคัญ
“แล้วที่มึงให้กูหาภาพจากกล้องวงจรปิดที่สวนตรงจัดงาน มึงถามเขาหรือยัง ว่าไม่มีใครเอาคีย์การ์ดอะไรไปให้เขาทั้งนั้น”
นั่นสิเรื่องนี้ก็แปลกมาก ภาพในกล้องวงจรปิดที่เขายืนคุยกับบุรฉัตร จนถึงตอนที่เลขาของเขามาตามไปเปิดงาน แนทตี้เพื่อนของเธอเดินมาคุยด้วย จนแนทตี้เดินแยกไป บุรฉัตรก็ยืนอยู่คนเดียว
แม้บางครั้งเธอจะทำเหมือนกับว่าพูดกับใครอยู่ แต่ก็ไม่มีใคร เธอพูดคนเดียว ก่อนจะเดินไปรวมตัวดื่มกินกับเพื่อนจนเดินกลับห้องก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเอาคีย์การ์ดมาให้
แต่น่าแปลกที่เธอเปิดประตูห้องเขาได้ หรือเขาปิดประตูไม่แน่นวะ
ติณห์ครุ่นคิดเรื่องนี้มาแล้วหลายรอบอย่างไม่เข้าใจ บางครั้งเขาก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือเธอตั้งใจจะเอาตัวเข้ามาพัวพันกับเขา
ยิ่งคิดยิ่งสงสัย แต่ก็หาข้อสรุปให้กับตัวเองไม่ได้
“ไม่ได้ถาม”
จิรายุสมองเพื่อนอย่างสงสัย
“ทำไมไม่ถามวะ จะได้รู้ๆกันไป ว่าที่เธอพูดแบบนั้นเพื่ออะไร”
นั่นสิเขายังมองไม่เห็นประโยชน์ที่เธอจะทำแบบนั้น เพราะเช้านั้นเธอก็หายไปจากห้อง เป็นเขาเองด้วยซ้ำที่ดิ้นรนอยากจะตามหาเธอ
หรือเธออยากจะจับเขา เพื่ออะไร เงินเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา