หลังการทานอาหารมือนั้น ติณห์ก็แยกกับเธอทันที
เขาบอกว่าจะไปส่งเธอที่คอนโด แต่บุรฉัตรขอเขาลงที่ป้ายรถเมล์ไม่ไกลจากบ้านเธอเท่าไหร่นัก เธอนั่งรถเมล์กลับบ้าน แม้ว่าจะสามารถนั่งแท็กซี่ได้ แต่บุรฉัตรอยากจะพาตัวเองไปสู่วิถีชีวิตแบบเดิมที่เคยเป็น
เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าเธอเป็นใครมาจากไหน จะได้ไม่หลงใหลใฝ่ฝันในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้
เมื่อรถเมล์มาถึงป้ายแถวบ้านบุรฉัตรก็ลงจากรถเมล์เดินเข้าบ้าน ผ่านปากซอยที่มักจะมีแก๊งค์เด็กแว๊นซ์นั่งอยู่ แต่วันนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น อาจจะเพราะตอนนี้เป็นตอนกลางวัน คงจะเย็นๆโน่นแหละถึงจะมีคนเริ่มมานั่งจับกลุ่มกัน
บุรฉัตรเดินผ่านค่ายมวย ส.ไพรวัลย์มองเข้าไปไม่มีรถของเฮียมิกซ์จอดอยู่ เขาอาจจะออกไปข้างนอก เธอกำลังจะเดินผ่านมีเสียงใครคนหนึ่งเรียกเธอไว้
“บลู เข้าบ้านเหรอ เจ้ไปส่งไหม”
แมวเหมียว ส.ไพรวัลย์เดินออกมาด้านหน้าเมื่อเห็นสาวที่พี่ชายมีใจให้เดินผ่านหน้าบ้าน
“เจ้เหมียวอยู่บ้านเหรอจ้ะ”
แมวเหมียวยิ้มให้ว่าที่พี่สะใภ้
“อืมวันนี้อยู่บ้านนอนดูกัปตันยูอยู่”
แมวเหมียวพูดถึงตัวละครในซีรีส์เกาหลีชื่อดังกัปตันยูชีจินที่แสดงโดยซงจุงกิ พระเอกในดวงใจ
บุรฉัตรยิ้มกว้างเมื่อได้ยินชื่อนักแสดงคนโปรด แต่ในตอนนี้เวลาที่พูดถึงซงจุงกิ เธอไม่ได้นึกถึงซงจุงกิที่เป็นดาราชื่อดังอีกแล้ว
แต่เธอนึกถึงคุณติณห์ทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่อนี้
“ได้ยินเฮียมิกซ์บอกว่าบลูก็ชอบซงจุงกิเหมือนกันใช่ไหม”
แมวเหมียวชวนว่าที่พี่สะใภ้คุย พอจะรู้ว่าพี่ชายชอบสาวน้อยคนนี้ ชอบมาตั้งหลายปีไม่กล้ารุก เธอต้องยุอยู่ตั้งนานกว่าพี่ชายจะขยับตัวทำอะไรสักที
นี่ได้ยินนักมวยในค่ายพูดกันว่าอาทิตย์ที่แล้วเฮียมิกซ์แต่งตัวหล่อพาสาวไปกินข้าว ค่อยมีพัฒนาการขึ้นมาหน่อย ไม่เสียแรงที่เชียร์อยู่นาน
“ใช่ค่ะเจ้ แต่คงจะถอนตัวแล้วล่ะค่ะ พอได้ยินเฮียบอกว่าเจ้ชอบจุงกิเหมือนกัน บลูกลัวโดนหนุมานถวายแหวน”
แมวเหมียวหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินแบบนั้น เธอเป็นลูกสาวค่ายมวย พ่อเป็นครูมวยชื่อดัง ถูกจับซ้อมมวยมาตั้งแต่ยืนได้ แม่ไม้มวยไทยเธอถนัด แต่ใครจะเอามาใช้กับว่าที่พี่สะใภ้กันล่ะ
“อืมอย่าเชียวนะ อย่ามายุ่งกับซงจุงกิของเจ้นะ ถ้าจะปลื้มใครไปปลื้มเฮียโน่น”
แมวเหมียวกระเซ้าว่าที่พี่สะใภ้ บุรฉัตรยิ้มฝืดเฝื่อนแต่เป็นยิ้มที่แมวเหมียวเข้าใจว่าเขิน
“มาเดี๋ยวเจ้ไปส่งจะได้ไม่ต้องเดิน แดดร้อน”
แมวเหมียวเดินไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้แถวนั้นแล้วขี่มาจอดตรงหน้าบุรฉัตรไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ปฏิเสธ
บุรฉัตรเลยต้องขึ้นซ้อนท้ายแมวเหมียวไปจนไปถึงหน้าบ้าน
“ขอบคุณนะเจ้”
บุรฉัตรลงจากรถพร้อมกับเอ่ยขอบคุณแมวเหมียว
“ไม่เป็นไรคนกันเอง วันหลังผ่านหน้าบ้านเรียกเลยถ้าเจ้หรือเฮียไม่อยู่ให้เด็กในค่ายมาส่งก็ได้ เจ้จะสั่งไว้”
พี่สะใภ้เชียวนะ จะปล่อยให้เดินตากแดดได้ยังไง
แม่ของบุรฉัตรเดินออกมาหน้าบ้านพร้อมคนอีกสี่คน แมวเหมียวเลยยกมือไหว้
“น้าเพ็ญสวัสดีค่ะ”
เดือนเพ็ญรับไหว้ ลูกสาวเจ้าของค่ายมวยชื่อดังที่ก็เป็นลูกค้าผลไม้ของเธอด้วย เวลาผ่านไปแถวหน้าเซเว่นแวะซื้อทีละเยอะๆ
“สวัสดีคุณเหมียว มาส่งบลูมันเหรอ ขอบใจมากนะ”
เดือนเพ็ญเอ่ยขอบคุณ
“แม่เราลองดูเป็นตึกไหมจะได้มีหน้าบ้านไว้ค้าขาย บลูเห็นซอยยี่สิบเขาสร้างตึกใหม่ประกาศขายอยู่ เราลองไปดูกันไหมแม่”
ตอนนี้เธอมีเงินในบัญชีอยู่สามแสนกว่าบาทสิ้นเดือนจะได้ค่าคอมอีกเกือบสองแสน รวมจะมีเงินห้าแสนกว่าบาท
ถ้าอยู่กับคุณติณห์ไปอีกสองปีก็จะได้เงินอีกล้านกว่าบาทน่าจะมีเงินสำรองไว้พอผ่อนบ้านได้
ถ้าหน้าร้านเปิดขายของก็จะมีรายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว ช่วยกันหาก็น่าจะพอ
“ตึกแถวนี้ราคาตั้งหลายล้าน เราจะเอาปัญญาไหนไปซื้อลูก”
บุรฉัตรไม่กล้าบอกแม่ว่าตอนนี้เธอมีเงินในบัญชีอยู่หลายแสนกลัวแม่ถามว่าเอามาจากไหน เลยได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้
“บลูจะหาแม่ สิ้นเดือนบลูจะได้ค่าคอมเกือบสองแสนเลยนะแม่ งานพริตตี้อีก งานขายประกันอีก ทำหลายๆงานน่าจะพอ”
เดือนเพ็ญมองหน้าลูก แล้วก็ร้องไห้โฮออกมา มันทั้งเสียใจทั้งปลื้มใจบอกไม่ถูก เสียใจที่ไม่สามารถดูแลลูกให้ดีกว่านี้ได้ ปลื้มใจที่ลูกมันใฝ่ดี
ตอนที่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะเอาบ้านคืนเธอก็เครียดมาก วันนี้เห็นเขาพาสถาปนิกมาดูที่ก็รู้สึกกดดันอยู่ลึกๆในใจ อยู่มานานมากแล้วจะให้ย้ายออกมันก็ใจหายและในใจลึกๆก็น้อยใจโชคชะตาว่าหามาทั้งชีวิต บ้านสักหลังยังไม่มีปัญญาซื้อ
พอลูกพูดเรื่องซื้อบ้านมันเลยกลั้นไม่อยู่จริงๆ
“แม่เป็นอะไรไม่ต้องร้องนะ ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวบลูจะจัดการเอง แม่ไม่ต้องคิดมาก”
บุรฉัตรเห็นแม่ร้องไห้โฮก็ใจเสีย คิดว่าแม่เครียดมากที่จะไม่มีบ้านอยู่ สะท้อนใจว่ามัวแต่คิดเรื่องผู้ชาย เพ้อฝันแต่กับความรัก บ้านไม่มีจะอยู่อยู่แล้ว ไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้แบบกลั้นไม่อยู่แบบนี้มาก่อน ก็แอบใจเสียอยู่เหมือนกัน
“ขอบใจมากนะบลู ขอบใจมาก แม่ภูมิใจนะที่มีแกเป็นลูก”
เดือนเพ็ญเช็ดน้ำตาแล้วลูบหัวลูก บุรฉัตรน้ำตาซึมอยากจะให้แม่ภูมิใจ อยากจะให้แม่สบาย
เอาวะสู้สักตั้งสิอีบลู หาเงินซื้อตึกให้แม่ดีกว่า
นี่ต่างหากคือเรื่องจริงเลิกเพ้อฝันเรื่องผู้ชายได้แล้ว บุรฉัตรได้แต่เตือนตัวเองซ้ำๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา