ติณห์พูดแค่นั้นก็แยกออกมา เดินไปหยิบเบนโตะแล้วไปนั่งที่หัวโต๊ะ
“บลู มานั่งข้างพี่หน่อยเร็วพี่อยากจะคุยกับบลู”
ปภาวีร์เรียกบุรฉัตรไปนั่งฝั่งตรงข้าม ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้เธอนั่งฝั่งซ้ายของติณห์ส่วนปภาวีร์นั่งฝั่งขวา
เซ็งอ่ะกะจะไปนั่งกินข้าวอร่อยๆข้างเซียวจ้าน คนนี้ชอบมากกว่าซงจุงกิอีก
“ค่ะพี่วีร์”
ไม่ว่าจะเซ็งยังไงบุรฉัตรก็ทำตัวเป็นเด็กดีเดินไปนั่งอย่างว่าง่าย
“กินกันไปคุยกันไปนะ พอดีพี่สนใจในประเด็นที่บลูอายุยังน้อยและเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน พี่อยากจะสร้างสตอรี่จากเรื่องราวของบลูให้เป็นกำลังใจให้คนที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนของพิริยะ ว่าอายุหรือเวลาไม่ใช่เรื่องสำคัญขอแค่มีความตั้งใจก็สำเร็จได้ พี่ว่าถ้าเล่นประเด็นนี้น่าจะมีคนที่อายุน้อยหรือคนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ได้รับแรงบันดาลใจเยอะเลย คุณติณห์คิดว่ายังไงคะ”
ติณห์ที่แกะกล่องเบนโตะ แต่หางตาชำเลืองมองบุรฉัตรอยู่เป็นระยะ เด็กนี่ไม่เคยจำ กินอาหารญี่ปุ่นใส่วาซาบิไปเยอะขนาดนั้นเดี๋ยวก็สำลัก เขาหยิบขวดน้ำมาหมุนเปิดฝาเสียบหลอดรอ
“ก็น่าสนใจดีครับ”
‘แค๊กๆๆ'
เสียงบุรฉัตรไอเพราะสำลักวาซาบิ นั่นไงสำลักจนได้ ติณห์ยื่นน้ำไปตรงหน้าเธอ บุรฉัตรเหลือบมองเขาก่อนจะเอื้อมมือมารับขวดน้ำ
“ขอบคุณค่ะ”
เธอรับน้ำไปดื่ม กระดาษเช็ดหน้าถูกยื่นมาตรงหน้า เธอเงยหน้ามองติณห์แต่เขาไม่สนใจมองเธอ หันหน้าไปพูดกับปภาวีร์
“ถ้าเราสามารถRecruitเด็กจบใหม่มาทำงานกับเราได้ก็นับว่าดีนะครับ ได้ตัวแทนรุ่นใหม่ไฟแรงมาอยู่ในองค์กร น่าสนใจดีครับ”
ปภาวีร์ยิ้มยินดีที่บอสเห็นด้วยกับแนวคิดนำเสนอในประเด็นนี้
“บลู คุณติณห์เห็นด้วย พี่จะปั้นบลูเป็นไอดอลของสาวๆวัยรุ่น บลูช่วยเล่าเรื่องของบลูให้พี่ฟังหน่อยสิ”
อีบลูมึงเนี่ยนะจะเป็นไอดอลของสาววัยรุ่น!
โอ๊ยกรี๊ดก่อนได้ไหม เคยแต่มีคนอื่นเป็นไอดอล ต่อไปจะเป็นไอดอลให้คนอื่นแล้วโว้ย
แต่จะเอาอะไรไปขายวะ ชีวิตมึงมีอะไรน่าสนใจบ้างเนี่ย
“พี่วีร์บลูเป็นเด็กธรรมดามากๆเลยนะคะ จะเป็นไอดอลของคนอื่นได้เหรอคะ”
ติณห์ลอบมองบุรฉัตรอย่างแปลกใจกับเรื่องเล่าของเธอ เขาไม่เคยรู้เรื่องเหล่านี้มาก่อน ไม่เคยถาม ไม่เคยอยากรู้เพราะอยากให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอให้เป็นแค่เด็กส่งปิ่นโตกับคนซื้อเท่านั้น
ที่ผ่านมาเขาเคยเข้าไปรู้เรื่องของเด็กคนก่อนๆที่พยายามจะเอาความลำบากในชีวิตมาร้องขอความเห็นใจจากเขาซึ่งเขาก็สงสาร แต่สุดท้ายความลำบากหลายอย่างของเด็กเหล่านั้นก็จอมปลอม
เด็กบางคนก็แค่เด็กที่ฟุ้งเฟ้อหาเงินซื้อวัตถุเท่านั้นเอง ออดอ้อนขอรางวัลเมื่อทำดี ซึ่งเขาก็ให้ตามสมควร แต่บางคนก็ไม่ไหวขอเกินพอดีไปบ้าง บางคนเข้ามารู้ว่าอยู่แค่ระยะสั้นก็พยายามกอบโกย
แต่บุรฉัตรกลับเป็นคนไม่บ้าวัตถุ และเธอประหยัดมากหรือนี่คือสาเหตุของความประหยัดของเธอ
“น้องชายบลูโชคดีนะคะ ที่มีพี่สาวที่น่ารักขนาดนี้ ถ้าพี่เป็นน้องชายของบลู พี่คงรักบลูมาก แล้วน้องคนเล็กล่ะคะตอนนี้เข้าโรงเรียนหรือยัง”
บุรฉัตรยิ้มเมื่อพูดถึงน้อง ใช่น้องของเธอรักเธอมากเหมือนที่เธอก็รักน้องมาก นับว่าเป็นความโชคดีในชีวิตที่ถึงแม้จะยากจนยังไง แต่เธอกับน้องๆก็รักกัน
“น้องรักบลูมากค่ะเหมือนที่บลูก็รักน้องมาก น้องคนที่ต่อจากบลู บลูภูมิใจในตัวเขามาก เขาขยันตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดี เขาเป็นแรงบันดาลใจให้บลูอยากหาเงินให้ได้เยอะๆเพื่อให้เขาได้เป็นหมอสมดั่งที่ตั้งใจ ส่วนน้องคนเล็กของบลู เขาพัฒนาการช้า เพราะแม่ท้องตอนที่อายุมากแล้ว หมอนัดให้น้องไปหาทุกเดือนเพื่อดูพัฒนาการ แต่แม่ไม่ค่อยมีเวลาเพราะต้องขายของ เวลาหยุดขายแต่ละทีมันขาดรายได้ค่ะ น้องเลยได้ไปหาหมอบ้างไม่ได้ไปบ้าง แต่ตั้งแต่..”
บุรฉัตรเหลือบตาไปทางติณห์ตาสบกันเล็กน้อย
“ตั้งแต่บลูมาทำงานที่นี่ ขายประกันได้ค่าคอมบลูก็เอาเงินให้แม่พาน้องไปหาหมอตามกำหนด ตอนนี้น้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมากค่ะ เปิดเทอมหน้าน่าจะได้ไปเรียนเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีค่ะ”
ปภาวีร์น้ำตาซึมเมื่อได้ยินสิ่งที่บุรฉัตรเล่า เรื่องราวอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่สีหน้าแววตาน้ำเสียง มันทำให้สัมผัสได้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้รักครอบครัวมากแค่ไหนและพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Virgin Blue ซ่อนเสน่หา