บนโต๊ะอาหาร…
ฉันนั่งกินข้าวไปด้วยความกังวล เพราะจนถึงตอนนี้พี่เลย์ก็ยังปิดเครื่องอยู่
“เป็นอะไร ?” เฮียถามขึ้นมาเพราะเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของฉัน
ฉันเขี่ยข้าวในจานไปมาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตอบ “เปล่าค่ะ”
“อาการแบบนี้บอกว่าเปล่า ?” เฮียหรี่ตามองอย่างจับผิด เมื่อเลี่ยงไม่ได้ฉันจึงพูดถึงความคิดไม่ตกของตัวเองในตอนนี้ให้เฮียฟัง
“หนูโทรหาพี่เลย์ไม่ติดเลยค่ะ ตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว”
“มันอยู่ไหน ทำไมถึงโทรไม่ติด หรือทะเลาะกับมันอีก?”
“ไม่ได้ทะเลาะค่ะ พี่เลย์ไปดูงานที่ต่างจังหวัด”
“ไว้ใจมันหรือเปล่า” เฮียเลิกคิ้วขึ้นถาม “ให้เฮียส่งคนไปตามดูมันไหม ?”
“อย่านะเฮีย ห้ามทำแบบนั้นนะคะ” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธรัวๆ ถึงขั้นต้องตามไปแอบดูว่าพี่เลย์ทำอะไรบ้าง แล้วถ้าเขาจับได้ขึ้นมาล่ะ เราคงจะมีปัญหากันอีกแน่ๆ
เฮียถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้ววางช้อนในมือลง ก่อนจะมองหน้าฉันอย่างจริงจัง
“อย่ารักมันมากจนทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ ไอ้เลย์มันเป็นยังไงก่อนหน้านี้ เธอต้องจับมันให้อยู่ แต่ถ้ามันเอาแต่ดิ้นหนีก็สลัดมันทิ้งไปซะ” เฮียพูดเหมือนพี่เลย์ทำอะไรที่มันไม่ดี ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย
“หนูรู้ค่ะ แต่พี่เลย์ดีขึ้นเขาพยายามปรับตัว เรารักกัน แล้วเขาก็สัญญาว่าจะไม่ทำให้หนูเสียใจอีก”
“เฮียก็แค่เตือนไว้ มันไม่น่าไว้ใจ”
“พี่เลย์ไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ หนูมั่นใจ” ฉันวางช้อนกระแทกจาน ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินขึ้นมาบนห้อง
ไม่ใช่ว่าฉันไม่ระแวง มันก็มีบ้างแต่ฉันก็ยังเชื่อว่าพี่เลย์ไม่ทำแบบนั้น เพราะตลอดเวลาที่เราคบกันเขาดีมาตลอด อีกอย่างฉันไม่อยากให้เฮียคิดกับพี่เลย์ในแง่ลบ ไม่อยากให้เฮียตั้งแง่ว่าพี่เลย์จะต้องเป็นคนเจ้าชู้เสมอไป
โทรศัพท์อาจจะมีปัญหา หรือไม่ที่ๆ พี่เลย์อยู่อาจจะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ก็ได้
วันต่อมา…
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่มันดังรบกวน ก่อนจะควานหาโทรศัพท์บนหัวนอนมากดรับสายแล้วกรอกเสียงงัวเงียพูดออกไป
( อื้อ ใครคะ ) ฉันถามปลายสายเพราะไม่ได้ลืมตาดูว่าเป็นเบอร์ของใคร
( จำเสียงผัวตัวเองไม่ได้หรือไง )
พอได้ยินคำนั้นฉันก็เปิดตาโพลงขึ้นมาในทันที
( พี่เลย์ )
( ใช่ฉันเอง หรือว่าเธอมีผัวอีกคน )
( เมื่อวานหายไปไหนคะ ไอริสโทรหาไม่ติดเลย ทำไมถึงปิดเครื่อง )
( โทรศัพท์แบบหมด ลืมเอาสายชาร์จมา เพิ่งจะซื้อ พอเปิดเครื่องติดก็โทรหาเมียคนแรกเลย )
พอได้ยินเหตุผลของพี่เลย์มันก็ทำให้ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่แท้ก็แบตหมดนี่เอง
( จะไปเรียนกี่โมง )
( เก้าโมงเช้าค่ะ )
( ไม่พูดว่าคิดถึงฉันบ้างหรือไง หื้ม )
คำถามของพี่เลย์ทำให้ฉันนอนยิ้มก่อนจะตอบเขาอย่างเขินอาย
( คิดถึงสิคะ เคยเจอหน้าทุกวันพอไม่เจอมันคิดถึงมากๆ เลย )
( ฉันก็คิดถึงเธอ )
ฉันยิ้มพร้อมกับม้วนตัวไปมาจนทำให้ผ้าห่มมันพันตัว แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดม้วนตัวไปมา เวลาห่างกัน พอได้โทรคุยแบบนี้มันรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเลย
( เมื่อวานฉันคงทำให้เธอเครียดใช่ไหม )
( ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ไอริสแค่เป็นห่วง )
( อยากให้เธอพูดว่าหวงฉันมากกว่านะ )
พี่เลย์เขาเป็นอะไร ทำไมวันนี้ถึงเอาแต่หยอดคำหวาน ฉันเขินจนแทบจะทำตัวไม่ถูกอยู่แล้วนะ
( คุณเลย์คะถึงเวลาไปตรวจงานกันแล้วค่ะ ) เสียงผู้หญิงเล็ดลอดผ่านปลายสายมาให้ฉันได้ยิน ทำให้ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง
“กร!” ฉันเรียกชื่อกรเมื่อเห็นเขาเดินมาในร้านอาหารที่นัดกันไว้ พอกรเห็นฉันก็รีบเดินมานั่งลงข้างๆ ซึ่งฉันก็ขยับให้กรนั่งด้วย
“กรนี่เมลเพื่อนเราเอง” ฉันแนะนำเมลให้กรรู้จัก
“หวัดดี ^_^” เมลเอ่ยทักทายกร
“หวัดดีครับ ^_^”
จู่ๆ กรกับเมลก็เอาแต่จ้องหน้ากันแล้วยิ้ม อะไรกันสองคนนี้
“นี่ๆ เอาแต่จ้องกันตาเชื่อมอยู่นั่น หิวแล้วนะ” เสียงของฉันทำให้กรกับเมลละสายตาออกจากกัน แถมยังทำท่าเขินทั้งคู่
พอสั่งอาหารเสร็จ ระหว่างที่นั่งรออาหารเราสามคนก็คุยกันไปเรื่อย กรกับเมลดูท่าจะคุยกันถูกคอมากกว่าฉันที่เป็นเพื่อนซะอีก
กริ๊ง~ เสียงโทรศัพท์ของฉันเข้า
“พี่เลย์!” ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเบอร์ของพี่เลย์โทรมา เขาบอกว่าจะโทรมาตอนเย็นนี่ แต่ตอนนี้มันเพิ่งจะบ่ายหนึ่งเองนะ
“กรเงียบๆ ก่อนนะอย่าเพิ่งพูดล่ะ” ฉันเตือนกรไว้ก่อน ซึ่งกรก็พยักหน้ารับอย่างรู้งาน
เมื่อเตี๊ยมกับกรเสร็จแล้วฉันจึงกดรับสายของพี่เลย์
( ไหนบอกจะโทรมาตอนเย็นไงคะ ) ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรฉันจึงเลือกที่จะถามคำถามนี้
( โทรไปตอนนี้แล้วทำไม หรือว่าเธอมีอะไรที่ปิดบัง )
( หื้อ มะ ไม่มีนะคะ )
ฉันกำชายกระโปรงแน่น ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อยแต่ทำไมจู่ๆ ถึงรู้สึกกลัวกับน้ำเสียงแบบนี้ของพี่เลย์นะ เหมือนว่าเขารู้ รู้ว่ากรอยู่กับฉันด้วย
( เลิกเรียนแล้วทำไมถึงไม่โทรมา ) พี่เลย์ถามเสียงแข็ง
( ก็ ก็พี่เลย์บอกจะโทรมาตอนเย็นนี่คะ )
( หึ!! ไปกินข้าวกับผู้ชายคงจะอร่อยมากสินะ อร่อยมากจนลืมผัวเลยใช่ไหม )
เฮือก!! คิดไว้แล้วว่าพี่เลย์ต้องรู้ เพราะน้ำเสียงและคำพูดของเขามันแปลกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ว่าที่ 'เมีย' | Hate love Nc20+