จะตายอยู่แล้วยังมีหน้ามายิ้มอีกหรือไง เขามันบ้า!! ไม่รักชีวิตตัวเองเลยใช่ไหม
“รถพยาบาลมาแล้วครับคุณหนู” พี่โจ้รีบวิ่งมาบอกอย่างรีบร้อน
“พี่โจ้ช่วยประคองพี่เลย์ไปทีค่ะ”
พี่โจ้พยักหน้าก่อนจะช่วยประคองพี่เลย์ขึ้นแล้วพาเดินไปยังรถพยาบาลที่จอดอยู่หน้าบ้าน ฉันตัดสินใจขึ้นรถพยาบาลมากับพี่เลย์ด้วย เพราะรู้สึกผิดที่ผลักเขาลงน้ำไปแบบนั้น ตลอดทางไปโรงพยาบาลพี่เลย์หลับไปไม่ได้สติ
#โรงพยาบาล
ตอนนี้พี่เลย์ปลอดภัยแล้ว โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรที่มันอันตราย แต่หมอบอกว่าพี่เลย์มีไข้ จึงให้พักที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการก่อน
ฉันโทรบอกพี่ลีโอแล้วว่าตอนนี้พี่เลย์อยู่โรงพยาบาล แต่ด้วยความที่ตอนนี้พี่ลีโออยู่ต่างจังหวัดจึงมาไม่ได้ คุณป้ารสรินก็อยู่ด้วย ฉันจึงคิดว่าจะเอายังไงดี จะอยู่เฝ้าดีไหม เพราะที่พี่เลย์เป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน
ในตอนนี้ฉันกำลังนั่งมองหน้าพี่เลย์ที่กำลังหลับอยู่ พยายามบอกตัวเองว่าห้ามใจอ่อน เขาไม่สมควรได้รับโอกาสอะไรทั้งนั้น แต่อีกใจกลับไม่ได้คิดแบบนั้น ฉันกำลังสับสนกับความคิดของตัวเองอย่างหนัก
ฉันกลัว กลัวทุกอย่าง ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากร้องไห้และทรมานแบบครั้งนั้นอีก
กริ๊ง~ เสียงโทรศัพท์ที่มันดังขึ้นทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เมื่อก้มดูที่จอโทรศัพท์มันขึ้นโชว์ชื่อของเฮีย ฉันจึงรีบกดรับสายทันที
( ค่ะเฮีย )
( กลับมาบ้านเฮียจะไปรับ จะไปเฝ้ามันทำไม ไหนบอกเฮียว่าจะไม่ใจอ่อน จะไม่ให้อภัยมันเธอลืมแล้วหรือไง )
( หนูจะกลับไปได้ยังไงล่ะคะเฮีย )
( พูดแบบนี้แปลว่าเธอยอมใจอ่อนให้มันแล้วจริงๆ )
( เปล่าค่ะ หนูไม่ได้ใจอ่อน )
( แล้วมันยังไง )
( หนูคือคนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ หนูไม่ได้ใจอ่อนแต่หนูรู้สึกผิดค่ะเฮีย )
( พูดแบบนี้แปลว่าเธอจะอยู่เฝ้ามันให้ได้ )
( หนูรู้สึกผิดจริงๆ ค่ะ )
( ถ้าแค่รู้สึกผิดเฮียจะไม่ห้าม แต่อย่าใจอ่อนให้มันก็แล้วกัน )
( ขอบคุณนะคะที่เข้าใจหนู )
( จะเฝ้ามันกี่วัน เดี๋ยวเฮียให้ไอ้โจ้ไปอยู่เป็นเพื่อน )
( คงต้องรอให้พี่ลีโอกลับมาจากต่างจังหวัดก่อนค่ะ )
( เมื่อไหร่มันจะกลับ )
( คงเป็นพรุ่งนี้ค่ะ )
( อื้ม ) เฮียถอนหายใจออกมาดังๆ ( อย่าพลาดท่าให้มันอีกก็แล้วกัน )
พูดจบสายก็ถูกตัดไป ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นแล้วคิดทบทวนคำพูดของเฮียวนซ้ำๆ ไปมา
“อ่า ปวดหัว” เสียงของพี่เลย์ดังขึ้นมาเขาฟื้นแล้ว ฉันกำลังจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปหา แต่ก็ต้องนั่งลงเหมือนเดิมแล้วทำเหมือนไม่สนใจ ทั้งที่ข้างในมันดีใจที่เห็นว่าเขาฟื้นแล้ว
“…ไอริส” เสียงแหบพร่าของพี่เลย์เรียกชื่อฉัน จากนั้นเขาก็พยายามจะลุกขึ้นให้ได้ แต่ด้วยความที่ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจึงไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้
“หมอบอกให้นอนดูอาการก่อน เพราะมีไข้สูง” ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“ฉันไม่เป็นอะไร” พี่เลย์บอก
ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก ขนาดแรงจะลุกขึ้นนั่งยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ อวดเก่งไม่เข้าเรื่อง
ฉันลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปหยุดข้างๆ กับเตียงของพี่เลย์ ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอก
“อยากตายมากเหรอคะถึงได้ปล่อยให้ตัวเองจมน้ำแบบนั้น ปัญญาอ่อนหรือไง!!”
“งั้นก็ตายไปเถอะ” ฉันตอบอย่างขอไปที
ฉันทำหน้าบึ้งก่อนจะยอมลุกขึ้นมาจากโซฟา “แค่หอมแก้มจะยอมตรวจใช่ไหม”
ฉันถามย้ำอีกครั้ง เพราะกลัวว่าพี่เลย์จะคิดไม่ซื่อ
“หอมสิ เห็นไหมว่าหมอรีบไปตรวจคนไข้คนอื่นอีก”
พี่เลย์พูดเร่ง ทีตอนแรกท่าทางของเขายังเหมือนคนจะตายให้ได้ พอตอนนี้กลับมีแรงพูดฉอดๆ เชียวนะ
ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกแตะลงไปบนแก้มของพี่เลย์ ใบหน้าของเขามันร้อนระอุราวกับเปลวไฟที่กำลังแผดเผา ฉันจึงรีบผละหน้าออก
“หอมหรือต่อย” พี่เลย์ถาม
“อย่าเรื่องมาก!!” ฉันบอกเสียงแข็ง แต่นั่นมันทำให้พี่เลย์ที่เคยทำหน้าบูดบึ้งยิ้มออกมาได้
สุดท้ายเขาก็ยอมให้คุณหมอตรวจแต่โดยดี หลังตรวจเสร็จคุณหมอก็พูดบอกก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
“ไข้ยังขึ้นสูงอยู่นะคะ เดี๋ยวหมอจะบอกพยาบาลมาเช็ดตัวให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวเมียผมเช็ดให้เอง”
“นี่!! ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะเช็ดตัวให้คุณ”
“ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าเธอเป็นเมีย รีบขัดแบบนี้แสดงว่าเธอ…..”
“หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
ใบหน้าของฉันมันชาหนึบเมื่อถูกถามแบบนั้น ก็ในห้องนี้มีแค่ฉันกับเขา ถ้าไม่ได้หมายถึงฉันแล้วหมายถึงผีเจ้าที่หรือไง!!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ว่าที่ 'เมีย' | Hate love Nc20+