คำถามโผล่ออกมาทีละข้อ ราวกับมีกรงเล็บแหลมคมกำลังขีดข่วนอยู่ภายในใจของฉู่หลินเฉิน
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะว่าฉินซูคนนั้นกับเขา ไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว
ฉู่หลินเฉินบังคับตนเองให้ละทิ้งความอยากรู้อยากเห็น แต่กลับพบว่าไม่สามารถควบคุมความคิดเหล่านั้นได้เลย
และยังอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องของฉินซูกับจางอี้เฟย
หวังอี้หลินเดินออกมาหลังจากจัดการสภาพบาดเจ็บเสร็จเรียบร้อย เธอมองเห็นสีหน้าท่าทางของเขาที่เคร่งขรึม จากนั้นจึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “หลินเฉิน คุณมีงานในบริษัทใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นคุณกลับไปเถอะ ฉันกลับไปที่กองถ่ายเองได้”
สติของฉู่หลินเฉินกลับมาเล็กน้อย และมองไปที่เธอ เขาขมวดคิ้วจาง ๆ “เธอบาดเจ็บทั้งตัว ยังต้องกลับไปถ่ายต่อเหรอ?”
หวังอี้หลินฝืนยิ้ม “ช่วยไม่ได้นี่ กองถ่ายยังรอฉันอยู่ ฉันเลือกเส้นทางนักแสดงนี้เอง และฉันก็รักงานนี้ ลำบากหน่อยบาดเจ็บบ้างก็ไม่เป็นไร”
ท่าทางที่รู้จักคิดและเด็ดเดี่ยวของเธอ ทำให้หัวใจของฉู่หลินเฉินกระตุกและเอ่ยขึ้น “ผู้หญิงของฉู่หลินเฉินไม่ควรลำบากขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกำลังต่อสู้เพื่อความฝัน” หวังอี้หลินพูดอย่างเฉียบขาด ก้มหน้าก้มตาลงเล็กน้อยและพูดว่า “อีกอย่าง เราไม่ใช่...ยังไม่ได้แต่งงานกัน”
คำพูดนี้ทำให้ฉู่หลินเฉินรู้สึกผิดกับเธอมากขึ้นเล็กน้อย
“เชื่อฉัน ฉันจะจัดงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวใหญ่โลกให้เธอ” เขาสัญญาด้วยเสียงที่หนักแน่น
ดวงตาหวังอี้หลินเป็นประกาย และภาพนั้นก็ปรากฏออกมาในหัวเธอทันที เธอพยักหน้าอย่างเต็มไปด้วยการรอคอย
“ฉันพาเธอไปทานข้าวก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นจะไปส่งเธอที่กองถ่าย” ฉู่หลินเฉินพูด
ครั้งนี้หวังอี้หลินไม่ได้แสร้งทำเป็นสงบเสงี่ยมอีก พูดอย่างหวานชื่น “ค่ะ ฉันเชื่อคุณ”
ฉู่หลินเฉินโพล่งออกมา “งั้นไปทานอาหารแต้จิ๋วไหม? ฉันได้ยินคนบอกว่าแถวนี้มีร้านอาหารที่ดีอยู่”
เขาจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยคุยเรื่อยเปื่อยกับฉินซู เธอบอกว่าอาหารของเธอมาจากร้านนั้น
ให้ตายเถอะ ทำไมต้องฉินซูอีกแล้ว?
รอให้เขาตอบสนองกลับมาก็ช้าไปหนึ่งก้าว หวังอี้หลินพยักหน้าอย่างยินดีแล้ว
หวังอี้หลินคิดจะใช้เหตุผลนี้ในการออกไป ก่อนพูดจึงไม่ลืมที่จะเหลือบมองฉู่หลินเฉินก่อน แล้วจึงพูดขอความคิดเห็น “หลินเฉิน งั้นเรา…”
“ไม่เป็นไร เรานั่งตรงนี้ก็ได้” คาดไม่ถึงว่าฉู่หลินเฉินจะนั่งลงไปอย่างไม่ใส่ใจ
หวังอี้หลินตกตะลึง แต่ก็จำใจต้องนั่งลงตรงข้ามเขา
ทันทีที่นั่งลง เธอก็หยิบทิชชู่เปียกฆ่าเชื้อออกมา แล้วเริ่มเช็ดลงบนโต๊ะ หลังจากเช็ดเรียบร้อยแล้ว ก็ยังรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย เธอวางมือทั้งสองลงบนขา ไม่ให้สัมผัสกับบนโต๊ะแม้แต่นิด
หลังจากนั้นเธอก็ถามขึ้นมาราวกับเป็นธรรมชาติ “หลินเฉิน เพื่อนคนไหนแนะนำร้านนี้กับคุณเหรอ?”
ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหนที่ไร้รสนิยม หลังจากนี้เมื่อเธอกลายเป็นคุณนายฉู่ จะต้องให้ฉู่หลินเฉินอยู่ห่าง ๆ จากคนนั้น
ฉู่หลินเฉินกำลังจะพูด สายตาจาง ๆ ที่เหลือบมองแวบหนึ่งก็หยุดลงฉับพลัน
ตำแหน่งของโต๊ะที่สามใกล้หน้าต่าง ที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปสองโต๊ะ น่าตกใจเพราะผู้หญิงที่นั่งหันหน้าให้เขา และกำลังทานอาหารอยู่คือฉินซู
ส่วนผู้ชายที่หันหลังอยู่ก็คือจางอี้เฟย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
เมื่อไรคะรอนานคะ...
รอๆๆๆอ่านต่อ...
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...