“อาจารย์คะ ความหมายของอาจารย์ก็คือ ให้ฉันเข้าร่วมกับตระกูลหานเหรอคะ?” ฉินซูถามขึ้นด้วยความลังเล
เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหานกับตระกูลกับฉู่ เธอก็ไม่อยากเข้าไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
"ยังไม่ต้องพูดเรื่องอื่นหรอก โครงการของเธอมีความสำคัญในการวิจัยอย่างยิ่ง การทำวิจัยนี้ให้เสร็จสิ้น จะเป็นโอกาสสำหรับเธอในการเรียนรู้และพัฒนา ทำไมไม่ลองดูล่ะ"
"ฉัน...ขอคิดดูก่อนนะคะ"
หลังจากที่เธอออกจากตระกูลฉู่แล้ว เธอเอาหานโม่หยางและคนที่เกี่ยวข้องเข้าบัญชีดำ เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาอีกต่อไป
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่ได้อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ว่าควรเข้าร่วมกับตระกูลหานหรือไม่
หลังจากที่เธอพูดขอบคุณฉางเหล่าแล้ว ฉินซูก็จากไปด้วยอารมณ์ที่ค่อนข้างซับซ้อน
พระอาทิตย์กำลังแผดเผา
เธอกำลังเดินอยู่ริมถนนและจู่ ๆ เธอก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
"แหวะ..."
เธอรีบเดินไปที่พุ่มไม้ จับต้นไม้แล้วอาเจียนออกมาพักหนึ่ง ก่อนที่อาการคลื่นไส้จะบรรเทาลงอย่างช้า ๆ
นี่คืออาการแพ้ท้องใช่ไหม?
ฉินซูยกมือขึ้นลูบท้องของเธอและครุ่นคิด
ในเวลานี้ โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นพอดี
เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์สำนักงานของมหาวิทยาลัย สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และรับโทรศัพท์ด้วยอย่างนิ่งเฉย
"นักศึกษาฉินซูใช่ไหม? ฉันคือผู้อำนวยการหลิวนะ หลังจากที่เราได้ปรึกษากันอีกครั้งแล้ว เราตัดสินใจคืนสถานะนักศึกษาให้เธอ เธอลองดูว่าว่างลงทะเบียนเข้าศึกษาตอนไหนนะ?"
แม้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังขอความเห็นจากฉินซู แต่ก็ยังอยู่ในน้ำเสียงที่เหนือกว่า
ในสายตาของเขา ฉินซูเป็นนักศึกษาที่ทำผิดพลาด แต่เนื่องจากคะแนนที่ดีของเธอ จึงทำให้คนเบื้องบน รั้งเธอไว้
แต่แท้จริงแล้วจิตใจของเธอก็ยังหดหู่อยู่มาก
เมื่อรู้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะคืนสถานะนักศึกษาให้กับฉินซู จางอี้เฟยก็มีความสุขกับเธอไปด้วย และอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยผู้คนในมหาลัยนั้น
"ไม่ต้องไปคิดอะไรให้มากความหรอก จงใจอยู่แล้วล่ะ ไม่คิดว่าจะวุ่ยวายขนาดนี้...หรือว่าจะเป็นความใจดีของฉู่หลินเฉินกันนะ?" เขากลอกตา
ฉินซูแบมือ ใครจะไปรู้ล่ะ?
จางอี้เฟยปล่อยวางหัวข้อทิ้งไป และพูดอย่างลึกลับว่า “อย่างไรก็ตาม ฉินซู ฉันจะบอกอะไรคุณอย่างหนึ่ง อย่าโกรธฉันเลยนะ”
"อะไรเหรอ?"
"คือว่าฉันเอาสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ที่จะบ่งบอกตัวตนของเธอให้แม่ดู" จางอี้เฟยมองฉินซูอย่างระมัดระวัง ด้วยท่าทางอย่างกับเขาทำผิดพลาด และพร้อมที่จะยอมรับคำวิจารณ์
เธอเพียงแค่ตกใจเล็กน้อย และหัวเราะขึ้นทันที "คิดว่าเรื่องใหญ่อะไรเสียอีก"
"คุณไม่โกรธก็ดีแล้ว" จางอี้เฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดต่อ “แต่แม่ของฉันเห็นเบาะแสบางอย่างจริง ๆ เธอบอกว่า เธอเห็นงานปักบนกระเป๋าของคุณที่บ้านเพื่อน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: วุ่นรักวิวาห์ลวง
เมื่อไรคะรอนานคะ...
รอๆๆๆอ่านต่อ...
ติดตามอ่านมาตลอด จะกรุณาอัพโหลดบทให้จบเรื่องได้มั้ยคะ...