พบคนคนหนึ่ง?
หรือจะไปพบมารดาของกู้โม่หานเหรอ?
ใจของหนานหว่านเยียนอยู่ ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา “เจ้าจะพาข้าไปพบใคร……”
นางยังไม่ทันได้พูดจบ ตรงข้อมือก็รู้สึกแน่นขึ้นมา กู้โม่หานได้จับมือหนานหว่านเยียนไว้แล้วลากเดินไปทางหนึ่งแล้ว
ในดวงตาเขาแฝงความเกลียดและความมืดมนเอาไว้ เป็นครั้งแรกที่หนานหว่านเยียนเห็นเขาเป็นเช่นนี้ รอบตัวแฝงความเยือกเย็นที่ทำให้คนหวาดกลัว
ดวงตาของนางสั่นไหวเล็กน้อย แล้วไม่พูดอะไรอีก
ไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าตำหนักที่งดงามแห่งหนึ่ง บนประตูสลักคำว่า“ตำหนักอู๋ขู่”สามคำเอาไว้ ดูแข็งแรงและทรงพลัง
กู้โม่หานไม่ได้ให้โอกาสหนานหว่านเยียนได้หยุดหายใจ แล้วลากตัวนางเข้าไปข้างในเลย
ในตำหนัก หวางหมัวมัวที่กำลังทำความสะอาดอยู่ พอเห็นกู้โม่หานมา ก็รีบเช็ดไม้เช็ดมือ ยิ้มหน้าระรื่นขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ
“ท่านอ๋อง! ทำไมมาเช้าขนาดนี้เลยละเจ้าคะ เหนื่อยหรือเปล่า? เร็วเร็ว รีบเข้าไปนั่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
หวางหมัวมัวพูดไปแล้ว ก็เห็นหนานหว่านเยียนที่อยู่ด้านหลัวกู้โม่หาน แววตาที่ดีอกดีใจในตอนแรกมีความเย็นเข้ามาปกคลุมชั้นหนึ่งพอดี
ถึงแม้ว่าดวงตาของผู้หญิงตรงหน้าจะดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่คนของตระกูลหนาน ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนผีร้ายพวกนั้น ถึงจะกลายเป็นฝุ่นผงไปแล้ว นางก็ยังดูออกอยู่ดี!
“ท่านอ๋อง! ท่าน ท่านพานางมาทำไมเจ้าคะ! นางเป็นศัตรูที่ไม่มีวันให้อภัยได้ของตำหนักอู๋ขู่เรา เป็นศัตรูของท่าน เป็นศัตรูของหยีเฟยเหนียงเหนียงนะเจ้าคะ!”
หนานหว่านเยียนจ้องมองหวางหมัวมัวที่มีไรผมสีขาวทั้งสองข้าง แล้วคิ้วเรียวก็ขมวดขึ้นมา
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นางก็นึกว่ามีแต่กู้โม่หานคนเดียวเท่านั้นที่เกลียดนาง แต่ที่แท้ แม้แต่คนรับใช้ที่อยู่ข้างกายหยีเฟยก็ยังมีท่าทางเหมือนอยากสับนางให้เป็นหมื่น ๆ ชิ้น
บนใบหน้าคมคายราวแกะสลักมาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความเกลียด และยังจับข้อมือหนานหว่านเยียนไว้ตลอด
“แค้นจนไม่อยากอยู่ร่วมโลกด้วย ข้าไม่เคยลืม วันนี้ข้าจะให้นางได้เห็นสักหน่อย ว่าตกลงตระกูลหนานทำอะไรท่านแม่ไว้บ้าง!”
“ท่านอ๋อง……” หวางหมัวมัวอยากเปิดปากพูดห้ามปราม ไม่อยากให้คนของตระกูลหนานมาปรากฏกายที่ห้องนอนนี้ แต่กู้โม่หานกลับพาหนานหว่านเยียนเดินไปทางห้องนอนของหยีเฟยแล้ว
หวางหมัวมัวทำได้แค่อดทน และตามหลังไปภายใต้การพยุงของสาวใช้ ความเกลียดและความรังเกียจที่มีต่อหนานหว่านเยียนในดวงตานั้นไม่ได้ลดละลงไปเลย
ทุกที่ที่หนานหว่านเยียนเดินผ่าน สายตาเย็นชาของพวกคนรับใช้ที่ไม่ว่าจะงานยุ่งอยู่หรือว่างงานอยู่ ต่างก็จับจ้องมาที่นางคนนี้ “ผู้หญิงบาป”
สถานการณ์แบบนี้ ช่างแตกต่างกับตอนที่เข้าไปที่ค่ายเสินเชื่อกับกู้โม่หานโดยสิ้นเชิง
นิ้วมือของหนานหว่านเยียนกำแน่นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งถูกกู้โม่หานพาเข้าไปในห้องของหยีเฟย แล้วเห็นผู้หญิงที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง
จิตใจของนางเกรงกลัวเป็นอย่างมาก!
ร่างกายของหยีเฟยผอมแห้งราวกับไม้ไผ่ กล้ามเนื้อก็ลีบลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าสองแก้มตอบเป็นหลุมลึก ราวกับเป็นมัมมี่
นางหายใจรวยริน นอนสงบนิ่งอยู่แบบงั้น ต้องให้คนมาคอยดูแลปรนนิบัติทุกอย่าง การใช้ชีวิตประจำวันทุกอย่างต้องผ่านมือคนอื่นทั้งนั้น สำหรับพระสนมคนหนึ่งที่เคยสูงส่งสง่ามีเกียรติแล้ว มันเป็นการตกนรกชะมัด
สำหรับญาติพี่น้องแล้ว ก็เป็นการทรมานอย่างหนึ่ง
นางอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมามองกู้โม่หานเล็กน้อย ด้วยท่าทีซับซ้อน
“ทีแรกทุกอย่างสวยงาม ท่านอ๋องก็สามารถเติบโตโดยมีพระสนมคอยเคียงข้างได้ ชีวิตจะไม่มีสิ่งที่ขาดหาย แต่ทุกอย่าง ทุกอย่างนี้ กลับถูกตระกูลหนานของพวกเจ้าทำลายไปหมด……!”
ทุกคำกล่าวโทษของหวางหมัวมัว ติดอยู่ในใจหนานหว่านเยียนทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิด แค่รู้สึกว่าต้องมาทนรับความเกลียดของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผล ชีวิตมันมีลำบากเกินไปแล้วมั้ง
นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นแบบนี้……”
ไม่ได้จะแก้ตัวให้กับตัวเอง แต่นางไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนจริง ๆ หยีเฟยเกิดเรื่องขึ้นมาสิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นเจ้าของร่างเดิมก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น จะมาเข้าใจเรื่องน่ากลัวพวกนี้ได้ยังไง?
“เจ้าไม่รู้หรือ?!” กู้โม่หานเหมือนเป็นหิมะที่ถูกเหยียบ ยื่นมือไปจับอยู่ตรงหัวใจของหนานหว่านเยียน ทุกคำพูดราวกับมีด
“หนานหว่านเยียน สิบกว่าปีแล้ว เรื่องชั่วร้ายที่ตระกูลหนานของพวกเจ้าทำไว้ เจ้าจะไม่รู้ได้ยังไง? ในจวนเฉิงเซี่ยง มีใครที่ไม่ใช่เสือดาวเสือโคร่งบ้าง?!”
เรียวปากของหนานหว่านเยียนสั่นไหว นางพึมพำอยากจะพูดอะไร แต่อยู่ต่อหน้าผู้เสียหาย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาง แต่เป็นเรื่องชั่วร้ายที่พ่อของเจ้าของร่างเดิมก่อไว้
นางลองเปลี่ยนไปคิดในมุมของคนอื่นดู ถ้าพ่อของกู้โม่หานมาทำให้แม่ของนาง หรือลูกทั้งสองของนางกลายเป็นคนเจ้าหญิงนิทราไป
ความเกลียดที่นางมีต่อคนในครอบครัวกู้โม่หาน อาจจะรุนแรงมากกว่านี้
“ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ? ในที่สุดก็รู้สึกสำนึกผิดแล้วเหรอ?” พอกู้โม่หานเห็นว่าผ่านไปนานนางก็ไม่ยอมพูดอะไร ก็ยิ่งจับนางแน่นมากขึ้น
เขาจ้องมองดวงตาของนางไว้ บนใบหน้าหล่อเหลามีแววรีบร้อนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
“หนานหว่านเยียน ถ้าเจ้าช่วยท่านแม่ข้ากลับมาได้ ความคับแค้นใจในอดีต ข้าสามารถล้มเลิกกันไปทุกอย่างกับเจ้าได้……”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...