ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 241

เมื่อเสิ่นอี่ว์เห็นกู้โม่หานตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว จึงมิได้เอ่ยสิ่งใดมากความ ดูเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยเตือนว่า “ท่านอ๋อง พระชายารอง......นางยังมิฟื้น จะไปดูอาการนางหรือไม่?”

“จงไปตามหมอมาดูอาการนาง ข้ามิใช่หมอ รักษาอาการมิเป็น ต่อให้ไปก็ไร้ประโยชน์” สีหน้าของกู้โม่หานมิได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ทว่าอาการบาดเจ็บที่หัวไหล่ยังคงเจ็บปวดอยู่ ริมฝีปากของเขาขาวซีด แววตาดูเยือกเย็นเล็กน้อย “บ่าวรับใช้ของนางเล่า โบยหนึ่งร้อยไม้แล้วหรือ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นอี่ว์เห็นกู้โม่หานปฏิบัติต่อหยุนอี่ว์โหรวอย่างเยือกเย็น

เขารีบตอบว่า “ทูลท่านอ๋อง โบยเรียบร้อยแล้วขอรับ โดยมิได้เมตตานาง......แต่ว่า แต่ว่าบ่าวรับใช้นางนั้นอ่อนแอนัก เกรงว่า เกรงว่าจะมิอาจรอดชีวิตได้”

ต่อให้นางรอดชีวิตมา ก็คงอยู่ได้อีกมินาน

แม้แต่บรรดาเหล่าทหารในค่ายทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเหมือนหนังหุ้มเหล็ก หากถูกโบยเข้าสักร้อยไม้ก็คงแทบตาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่มิเคยทำงานหนักมาก่อน คาดว่านางอาจรับมิไหว และเรื่องนี้ท่านอ๋องก็ควรรู้ดี

แต่ว่าเขามิเข้าใจความหมายของกู้โม่หานเท่าไหร่นัก

ท่านอ๋องต้องการปกป้องพระชายารอง จึงได้ไว้ชีวิตบ่าวรับใช้ผู้นั้น? หรือว่า......เขาต้องการปกป้องพระชายากันแน่?

พระชายาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นท่านอ๋องจึงมิต้องการให้บ่าวรับใช้นางนั้นตายอย่างง่ายดาย ต้องให้นางทรมานก่อนแล้วค่อยตายไป?

หากเป็นเช่นนั้น ความคิดในใจของท่านอ๋องก็เก็บกลั้นเอาไว้ได้ลึกล้ำเหลือเกิน โดยเกรงว่าจะมีคนมองออก เรื่องที่ท่านอ๋องเป็นห่วงเป็นใยพระชายา......

เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของกู้โม่หานก็ดูเยือกเย็นลงเล็กน้อย แต่มิมีความประหลาดใจ และมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก เขาเดินตรงเข้าไปในห้องเพื่อจัดการกับบาดแผล......

ขณะเดียวกัน ณ เรือนจู๋หลาน

หยุนอี่ว์โหรวถูกพาตัวกลับมาที่เรือนจู๋หลาน นางก็สลบไสลมิได้สติ

สีหน้าของนางขาวซีด ร่างกายยังคงเต็มไปด้วยรอยช้ำเลือด มองไปช่างน่าตกใจ เนื่องจากนางแช่อยู่ในน้ำที่เย็นยะเยือก

ต่อให้มีผ้าห่มผืนหนาคอยห่อหุ้มเอาไว้ ก็อดมิได้ที่จะร่างกายสั่นคลอน

ตัวหยุนอี่ว์โหรวบัดนี้ช่างน่าสมเพช ดุจดั่งสตรีที่ถูกทอดทิ้ง หาได้สง่างามดังเมื่อก่อน

บรรดาบ่าวรับใช้เห็นดังนั้นจึงทำได้เพียงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางก่อน เพื่อมิให้นางมีอาการบาดเจ็บมากขึ้น

ตอนที่หยุนอี่ว์โหรวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เชี่ยนปี้ที่ถูกโยนไปโบยหนึ่งร้อยไม้ซึ่งบัดนี้ยังมิรู้จะเป็นหรือตายก็ถูกแบกหามเข้ามาด้านในห้อง

ริมฝีปากของนางยังคงมีรอยเลือดสีแดงสด ที่หลังถูกโบยเสียจนเลือดสาด บางแห่งก็เผยเห็นกระดูกขาว นางเจ็บปวดเสียจนมิอาจร้องสิ่งใดออกมาได้ ดูเหมือนตายทั้งเป็น

พ่อบ้านกาวเห็นดังนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วสั่งให้คนไปตามหมอประจำจวนมารักษาอาการบาดเจ็บให้ทั้งสองคนนี้

ถึงอย่างไรนางก็เป็นพระชายารองของจวนอ๋องอี้ จะปล่อยให้นางตายง่ายดายเช่นนี้มิได้

หมอประจำจวนรีบเดินทางมา ณ เวลานั้นหยุนอี่ว์โหรวได้สะลึมสะลือลืมตาขึ้น ดวงตาของนางขุ่นมัวไร้ซึ่งแววตา ร่างกายเจ็บปวดรวดร้าวแทบหายใจมิออก

หนานหว่านเยียน ทุกอย่างนี้เป็นเพราะเจ้า!

หมอประจำจวนจับชีพจรนางแล้วทำสีหน้ามิดีนัก

หหยุนอี่ว์โหรวเหลือบมองไปเห็นเชี่ยนปี้ที่นอนหายใจรวยรินอยู่มุมห้องก็ยิ่งรู้สึกคับแค้นใจมากกว่าเดิม

แต่บัดนี้นางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเช่นกัน แม้แต่จะเอ่ยวาจาสักคำก็อยากยิ่ง

“ทำไมหรือ?”

หมอประจำจวนมองไปทางนางด้วยท่าทางลำบากใจ

“เอ่อ......เดิมที มดลูกของพระชายารองก็ค่อนข้างจะเย็น หากได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องสักครึ่งปีก็พอมีโอกาสหาย ทว่าในวันนี้ที่ลงไปในบ่อน้ำ ความหนาวเย็นนั้นแทรกเข้าไปในกระดูก อนาคตเกรงว่าท่านอาจมิสามารถตั้งครรภ์ได้......”

“อะไรนะ?”

มิสามารถตั้งครรภ์ได้!?

สีหน้าของหนานหว่านเยียนที่ดูอ่อนแรง บัดนี้เปลี่ยนเป็นโมโหเกรี้ยวกราด นิ้วมือขาวซีดเหี่ยวย่นจับไปที่ขอบเตียง ดวงตาแดงเรื่อร้อนผ่าว ราวกับวินาทีต่อมาจะมีสายน้ำตาแห่งโลหิตไหลนอง

นี่คือสิ่งที่นางรนหามันเอง แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็มิอาจยอมรับชะตากรรมได้ ในสมองมีแผนการมากมายแล่นผ่านเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะหนานหว่านเยียน!

ร่างกายของนางสั่นสะท้าน โมโหเสียจนหัวใจปวดร้าว

หมอประจำจวนเองก็มองออก เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วกล่าวปลอบโยนว่า “พระชายารองอย่าได้โมโหไป นี่เป็นเพียงการคาดเดา......”

“เป็นไปมิได้ ข้าอายุยังมิถึงยี่สิบปีเสียด้วยซ้ำ บัดนี้เพียงแค่พักผ่อนรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีก็กลับเป็นได้ดังเมื่อก่อน หากเจ้ากล้าดีเอ่ยคำมิน่าฟังเหล่านี้ให้ท่านอ๋องรับรู้ละก็ ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” หยุนอี่ว์โหรวกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

ซาลาเปาน้อยก็พยักหน้าเช่นกัน ดวงตาอันสดใสนั้นดูหวาดกลัวเล็กน้อย “ข้าก็เห็นเช่นนั้น ท่านแม่มิเป็นอะไรใช่หรือไม่ เขารังแกท่านแม่หรือเปล่า?”

ตอนที่เกี๊ยวน้อยเอ่ยปากขึ้นหนานหว่านเยียนรู้สึกประมาททันที ต่อมาเมื่อเข้าใจความหมายของเจ้าหนูทั้งสองคน นางจึงได้เผยอยิ้มขึ้น

โชคดีเหลือเกิน ตามปกติแล้วแม่หนูทั้งสองอ่านหนังสือละครแต่มิได้อ่านจนถึงฉากเด็ด แม่หนูทั้งสองยังมิเข้าใจในเรื่องเหล่านี้

นางละความคิดเหล่านั้นแล้วเผยอยิ้มขึ้นด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

“เขานะหรือ? ลงมือแต่มิประสบผล แน่นอนว่าเขาสู้แม่ของพวกเจ้ามิได้ แม่จะได้รับบาดเจ็บอย่างไรเล่า?”

เกี๊ยวน้อยและซาลาเปาน้อยหัวเราะออกมาเริงร่าสะใจ แต่เมื่อชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ พวกนางจึงพบว่าที่ลำคอของหนานหว่านเยียนมีรอยแดงเรื่อที่ถูกกัด

เกี๊ยวน้อยชะโงกมองด้วยความสงสัย นางสัมผัสไปบริเวณที่ถูกกัด

“เอ๋ ท่านแม่ ถูกใครกัดเข้า?”

ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วยกแขนเสื้อขึ้นด้วยความโมโหกล่าวว่า “ต้องเป็นเจ้าคนเลวนั้นแน่นอน เขาช่างเลวร้ายเหลือเกิน มากัดท่านแม่ได้อย่างไร ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขา!”

หนานหว่านเยียนเพิ่งจะรู้ว่ากู้โม่หานทิ้งร่องรอยฟันเอาไว้ที่คอของนาง นางโมโหและเกลียดการกระทำของชายผู้นี้เป็นที่สุด

นางจูงมือของเกี๊ยวน้อยเอาไว้แล้วกล่าวว่า “มิใช่รอยกัดหรอก เป็นรอยกระแทกต่างหาก ตอนที่แม่ต่อสู้กับเขามิทันระวังจึงกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ”

“งั้นหรือ ในอนาคตท่านแม่ต้องคอยระมัดระวังสักหน่อย”

ตอนที่ตรวจบัญชีคงจะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน สตรีใจร้ายผู้นั้นตกลงไปในบ่อน้ำ น่าสมเพชเหลือเกิน แต่กู้โม่หานก็มีท่าทีผิดปกติไป เขาทิ้งหยุนอี่ว์โหรวเอาไว้ตามลำพังแล้วมาอยู่ข้างกายท่านแม่

นั่นหมายความว่ากู้โม่หานยังให้ความใส่ใจต่อท่านแม่ใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่าเขายังมิได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว......

ซาลาเปาน้อยกะพริบดวงตากลมโตของนาง แก้มน้อยๆ เบียดเสียดมาที่อ้อมกอดของหนานหว่านเยียน มือทั้งสองข้างกุมไว้ที่หน้าของหนานหว่านเยียน

“ท่านแม่ ข้าและท่านพี่มีคำถามหนึ่งที่อยากจะถาม ท่านต้องตอบมาตามความจริง!”

“ท่านแม่และอ๋องอี้คนนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะคืนดีกันหรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้