ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 440

หนานหว่านเยียนกลับถึงเรือนเซียงหลิน พบว่าเด็กๆ ถูกพาไปเรียนหนังสือที่เรือนด้านหลังแล้ว

ดังนั้นนางจึงไม่สนใจมาก กลับถึงห้องก็ปิดประตู กินมื้อเช้าพลางคิดแผนการอนาคตในหัว รวมถึงงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ด้วย

แต่คิดไปคิดมา นางก็ค่อยๆ หลับตาแล้ว

สติหรือจะเอาชนะความง่วงเหงาหาวนอนไม่ได้ นางไม่ได้นอนมาทั้งคืน เหนื่อยจริงๆ หัวหนานหว่านเยียนหนักๆ เพิ่งปีนขึ้นเตียงก็ผล็อยหลับไปทันที

การนอนนี้ลากยาวไปถึงตอนกลางคืน หนานหว่านเยียนสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมา เนื้อตัวเบาหวิว

อดนอนมาทั้งคืน นอนมาหนึ่งวัน ในที่สุดก็รู้สึกสบายขึ้นมาหน่อย

ครั้นเซียงอวี้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเคาะประตูทันใด เข้าห้อง “พระชายา ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”

“อือ” หนานหว่านเยียนหมุนข้อมือลุกขึ้น ยืดตัวบิดขี้เกียจ “เดี๋ยวข้าจะออกไปสักหน่อย เด็กๆ มอบให้เจ้ากับเซียงเหลียนแล้ว”

เซียงอวี้พยักหน้าพลางหัวเราะคิกคัก “พระชายาโปรดวางใจเถิด บ่าวกับพี่เซียงเหลียนต้องดูแลพวกคุณหนูอย่างดีแน่ ท่านรีบไปแต่งตัวทำผมเถอะ ท่านอ๋องรอท่านอยู่ข้างนอกแล้ว”

กู้โม่หานกำลังรอนาง?

“ข้ารู้แล้ว” หนานหว่านเยียนตอบกลับเรียบๆ แต่งเนื้อแต่งตัวสักครู่ เมื่อเปิดประตูก็เห็นกู้โม่หานในชุดสีดำขลิบทอง ยืนอยู่ในลานบ้านอย่างเงียบๆ

หากไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่น กู้โม่หานหล่อเหลาโดยแท้ งามยิ่งกว่าชายใดที่นางเคยพบพาน

สายตากู้โม่หานพลันฉายประกาย แต่ไม่นานก็ถูกซุกซ่อนเอาไว้ ราวกับหมึกที่กองอยู่ด้วยกันไม่สลายตัว ลุ่มลึกปราศจากคลื่น

เขาผินหน้า มองหนานหว่านเยียนนิ่งๆ เผยอริมฝีปากบาง “นอนเก่งจริงแท้”

หนานหว่านเยียน “...”

คำพูดคำจาน่ารังเกียจยิ่งนัก

เขาหมุนตัวเดินออกไป พอเห็นว่าหนานหว่านเยียนไม่ได้ตามมาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบอีก “ยังต้องให้ข้ารอเจ้านานแค่ไหน?”

“อ้อ” หนานหว่านเยียนตอบไปแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตามหลังกู้โม่หานอยู่ไม่ไกล ก่อนจะเดินออกจากเรือน

ผ่านไปครู่หนึ่ง บนรถม้าตรงปากประตูจวนอ๋อง

กู้โม่หานไม่ได้ขี่ม้าตามความต้องการของหนานหว่านเยียน

ทั้งสองนั่งอยู่ในรถม้า เบนสายตามองนอกหน้าต่าง ราวกับต่างฝ่ายต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน

หนานหว่านเยียนพาดตัวกับหน้าต่างตากลม กลับไม่เคยสังเกตเห็นสายตาของชายชุดสีหมึกที่จับจ้องนางเป็นครั้งคราวว่าลุ่มลึกเพียงใด มืดมนและซับซ้อนเพียงใด

ปากประตูจวนอ๋อง กู้โม่หลิงในชุดสีครามอ่อนกำลังรอหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานอยู่ โดยมีองครักษ์หลินเซี่ยวเย่ยืนอยู่ข้างๆ

ครั้นเห็นรถม้าเคลื่อนมาอย่างอ้อยอิ่งจากจุดไม่ไกล มุมปากของกู้โม่หลิงฉีกยิ้ม ดูเหมือนคนไม่มีพิษไม่มีภัย แต่หลินเซี่ยวเย่รู้ว่ารอยยิ้มนี้มีความหมายเชิงลึกอยู่

รถม้าหยุดอยู่ตรงหน้ากู้โม่หลิง ก่อนที่หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานจะลงจากรถม้า

กู้โม่หลิงสาวเท้าไป เหน็บพัดที่เขาพกประจำอยู่ตรงเอว ดวงตาจิ้งจอกโค้งงอเป็นจันทร์เสี้ยว ก้มศีรษะกับกู้โม่หานและหนานหว่านเยียนที่เพิ่งลงมาจากรถด้วยความเคารพ

หนานหว่านเยียนและกู้โม่หานต่างชื่นชมนานหน่อย ครั้นหลินเซี่ยวเย่สังเกตเห็นก็ชี้สวนดอกไม้เหล่านั้น พร้อมอธิบายกับกู้โม่หานและหนานหว่านเยียน

“ท่านอ๋องอี้ พระชายาอี้ นี่คือดอกไม้ที่อ๋องเจ็ดเราปลูกยามว่างด้วยตนเองขอรับ ไม่ว่าเวลาใด ท่านอ๋องก็จะไปซื้อพันธุ์ดอกไม้ของฤดูกาลนั้นๆ ทั้งสวย ทั้งหอมขอรับ”

กู้โม่หานสีหน้าราบเรียบ หนานหว่านเยียนยิ้มน้อยๆ เอ่ย “น้องเจ็ดมีอารมณ์สุนทรีย์อย่างที่คิดไว้เลย ดอกไม้พวกนี้วางไว้ในจวน ดูแล้วชวนให้คนอารมณ์ดีขึ้นมากมายทีเดียว”

กู้โม่หลิงกลับหันมาอย่างถ่อมตน ยิ้มเอ่ย “ขายหน้ากับพี่สะใภ้หกแล้ว ปกติข้าก็ไม่มีอะไรทำ ใช้ชีวิตเพาะปลูกเรียบง่ายอยู่ในจวน รู้สึกดียิ่งนัก”

“เดิมข้ายังอยากมอบพันธุ์ไม้ให้พี่หกกับพี่สะใภ้หกจำนวนหนึ่ง แต่คิดดูแล้วพี่หกมีงานรัดตัว เกรงว่าจะไม่มีเวลาจัดการ ดังนั้นจึงล้มเลิกไปเสีย”

แม้จะได้ยินดังนั้น ดวงตาหมึกลุ่มลึกของกู้โม่หานก็ยังนิ่งสงบเหมือนเดิม หนานหว่านเยียนกลับฉายความประหลาดใจ จงใจพูดว่า

“พี่หกของเจ้าเอาแต่ยุ่งนั่นยุ่งนี่จริงๆ นั่นแหละ มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนข้าไม่มาก ถ้าเขาอู้งานได้เหมือนอย่างน้องเจ็ดก็ดีสิ เสด็จพ่อทรงมอบหมายการค้าของราชวงศ์ให้น้องเจ็ด กำไรท้องพระคลังเพิ่มพูนทุกปี ประสบความสำเร็จได้เช่นนี้ น้องเจ็ดน่าจะยุ่งมากเลยทีเดียว”

“แต่น้องเจ็ดยังมีใจปลูกดอกไม้ มีวิธีจัดการเวลาอะไรหรือไม่ สอนพี่หกเจ้าหน่อยสิ ให้เขาเรียนรู้เสียบ้าง จะได้เจียดเวลามาอยู่เป็นเพื่อนข้าบ้าง?”

คำพูดนี้ไม่เหมือนกันชมเชยเขา แต่เป็นการหยั่งเชิงเขา

กู้โม่หลิงดวงตานิ่ง แต่ไม่นานก็ยิ้มตอบ

“พี่สะใภ้หกชอบพูดเล่นจริงๆ ข้าเป็นเพราะโชคดีทั้งนั้น ได้ถนนสองสามสายนั่นที่ตอนนี้มีกิจการดี การค้ารุ่งเรือง ถึงได้ประสบความสำเร็จแบบง่ายๆ ”

“เช่นนั้นหรือ?” หนานหว่านเยียนยิ้มตาหยี แลดูไร้พิษภัย “ต่อให้เป็นการค้ายอดนิยมทำง่าย แต่ถ้าไม่ได้ความหัวดีกับทัศนะกว้างไกลของน้องเจ็ด ก็คงทำได้ไม่นานหรอก”

“น่าเสียดาย น้องเจ็ดด้อยประสบการณ์ ถ้าได้ออกสู่โลกกว้าง ด้วยความสามารถเช่นนี้ ต้องประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งในราชสำนักแน่...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้