“ข้าคิดว่าท่านี้สบายกว่า” กู่โม่หานขมวดคิ้ว บาดแผลตามหลังของเขาปวดหนึบ “รถม้ามันก็ขนาดแค่นี้เอง ข้าก็ไม่มีที่ไป”
หนานหว่านเยียนยังคงสงบเฉย แต่ขยับกายไปด้านข้างอย่างรังเกียจ
"ถึงอย่างนั้น เจ้าก็เผลอออกมาแบบนั้นไม่ได้เลยอ่า น่ากลัวมาก ทำให้ข้าเสียสมาธิความคิดขาดไป"
“เมื่อกี้ข้าพูดถึงไหนแล้ว”
กู้โม่หานจ้องมองใบหน้าสวยแต่แสดงความบูดบึ้งของนาง เห็นว่านางกลัวเขาเข้าใกล้เข้าไป แววตาของเขาเย็นชาและมืดมนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดื้อดึง ถอยหลังนิดหนึ่งและกึ่งเอนตัวลงที่ที่นั่ง และไขว้ขาเรียวไว้ด้วยกัน.
“เจ้าบอกว่าพุ่มหนามในเรือนกู้โม่หลิงน่าสงสัยอยู่ ข้าจะสั่งคนไปจัดการเรื่องนี้”
“อ๋อ ข้านึกได้แล้ว” หนานหว่านเยียนมองไปที่ผู้ชายตรงหน้ากันซึ่งไม่อารมณ์ไม่แน่นอนอย่างระแวดระวัง และม้วนริมฝีปากของนางด้วย
"อันที่จริง งานค่ำวันนี้ ข้าคิดว่ากู้โม่หลิงนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เขาเป็นคนทำธุรกิจจริง ๆ คำพูดของเขาก็ราบเรียบช่ำชองมาก และข้ามีสัญชาตญาณที่อธิบายไม่ได้ว่าเขาอยากใช้เราที่จะทำอะไรที่ไม่ดีสำหรับเราหรือสำหรับใครคนอื่น”
"ข้ากลับไม่เห็นด้วย" กู้โม่หานพูดด้วยเสียงเย็น ๆ และมองนางอย่างมีเลศนัย
แววตาของเขาเหมือนหมาป่า เฉียบคมและเย็นเฉียบ และความเป็นผู้ชายระหว่างคิ้วของเขาก็ค่อยๆ รวบรวมเหมือนมีชั้นของน้ำแข็งปกคลุมอยู่
"คนที่เขาอยากใช้ให้เป็นประโยชน์ไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าต่างหาก"
งานเลี้ยงครั้งนี้ ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ทั้งความหมายตรงแฝงของคำพูดกู้โม่หลิงก็แสดงว่าเขามีความสนใจต่อหนานหว่านเยียน อย่างชัดเจน
ไม่ใช่แค่เนื่องจากความงามของหนานหว่านเยียนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพรสวรรค์และความสามารถที่นางแสดงออกมาในช่วงนี้
กู้โม่หานรู้สึกหึงไปเล็กน้อยทันที คิ้วยาวของเขาขมวดแรงขึ้นแล้วแรงขึ้นอีก และเขาจ้องมองที่หนานหว่านเยียนโดยไม่กระพริบตา
หนานหว่านเยียนรู้สึกอึดอัดไม่สบายมากที่ถูกเขาจ้องมองแบบนี้ โดยเฉพาะสิ่งที่กู้โม่หานพูดเมื่อกี้ทำให้นางรู้สึกยิ่งงุนงงขึ้นมา
“ทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ”
กู้โม่หานพูดแบบมีความหมายอื่นแฝงอยู่ และเขาพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า "ดูว่าเจ้ามีอะไรที่น่าให้กู้โม่หานสนใจด้วย"
หนานหว่านเยียนโกรธและอึดอัดด้วย นางเหยียดขาออกแล้วเตะไปที่น่องของกู้โม่หาน
"เจ้าสายตาไม่ดีเลย ข้าน่าทึ่งมาก ทั้งยังสาวและสวย สามารถรักษาโรคช่วยชีวิตคนได้ เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะมีคนตามชอบไม่ใช่หรือ แต่ข้าไม่ได้คุยเล่นกับเจ้า ข้ากำลังคุยกับเจ้าอย่างจริงจัง”
"เจ้าก็ได้ยินแล้ววันนี้ที่กู้โม่หลิงพูดมา เขาอยากที่จะยุยงให้รำตำให้รั่วระหว่างเรา ถ้าเราเกิดความขัดแย้งกันจริง ๆ คงจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามส่าใจมากพอสมควร ดังนั้นเราต้องเสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่างความร่วมมือของเรา จนกว่าเราจะไปถึงเป้าหมายของเราให้ได้ "
กู้โม่หานมองไปที่ใบหน้าที่สวยงามเหมือนได้รับการแกะสลักอย่างประณีตจากพระเจ้าของหนานหว่านเยียน นางยังสาวและสวยมีความสามารถจริง ๆ มีคนชอบนางอีกเยอะ
ถ้านางไม่ใช่อยากเป็นพระชายาอี้ต่อไป ก็คงจะมีคนมาขอแต่งงานอีกมากมาย ทำให้เขาต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา "อืม"
รถม้าแล่นไปตามถนนอย่างช้าๆ และทั้งสองคนก็ค่อยๆ เงียบลง แม้ว่าจะไม่พูดอะไรมาก แต่บรรยากาศก็ดูเหมือนจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง
ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว รถม้าก็หยุดลงที่ประตูจวนอ๋องอี้
ทั้งสองคนลงจากรถไป
หนานหว่านเยียนจะกลับเรือนไปเจอเด็กหญิงน้อยทั้งสองเพื่อดูว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่
กู้โม่หานเดินตามนางไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อทั้งสองคนกำลังจะถึงทางแยก ก็เห็นหยุนอี่ว์โหรวยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าซีดขาว ข้าง ๆนางคือหวางหมัวมัวซึ่งยิ้มอย่างอบอุ่นและถือของว่างอยู่
แววตาของหนานหว่านเยียนมืดลง และนางก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
กู้โม่หานชำเลืองมองที่หนานหว่านเยียนโดยไม่รู้ตัว และตามนางด้วยแววตาลึกล้ำ
แต่หวางหมัวมัวกลับมองไปที่หยุนอี่ว์โหรวด้วยความโล่งใจ และช่วยพูดให้นางด้วยว่า "ท่านอ๋อง พระชายารองหยุนเป็นห่วงท่านจริงๆ"
เจ้าเล่ห์แสร้งตัว แร-เงียบซะงั้น
หนานหว่านเยียนไม่สนใจที่จะฟังคำพูดของดอกบัวสีขาวแล้ว จึงกำลังจะเดินจากไป
ขณะนี้ หวางหมัวมัวส่งเสียงขึ้นมาหยุดนางทันที "พระชายา โปรดอยู่ต่อเลยเพคะ"
นางยื่นขนมให้หนานหว่านเยียนดู และพูดอย่างมีความหมายอื่นว่า "ช่วงนี้บ่าวปวดฟัน แต่ก็อยากกินขนมด้วย จึงซื้อทั้งหมดนี้มาและขอให้พระชายาช่วยดูหน่อยเพคะ ว่าจะใช้ได้ไหมเพคะ"
แต่ที่จริง ทั้งหมดนี้เตรียมไว้สำหรับหยีเฟย นางก็ไม่รู้ว่าได้หรือไม่ แต่หยุนอี่ว์โหรวอยู่นี่ นางก็ไม่สามารถถามโดยตรงได้ ดังนั้นจึงได้แต่ถามแบบลับๆ
หนานหว่านเยียนมองไปที่ขนม เข้าใจทันทีว่าหวางหมัวมัวหมายความว่าอะไร และพูดอย่างใจเย็น ๆว่า
"ถ้าปวดฟัน ตอนนี้ก็อย่ากินขนมมากเกินไป เปลี่ยนเป็นอาหารเหลวจืด ๆจะดีกว่า แต่ถ้าอยากกินมากจริงๆ เตรียมขนมอบนุ่มหน่อยก็ใช้ได้อยู่"
"ดีเพคะ บ่าวจะไปเตรียมสักประเดี๋ยวเพคะ" หวางหมัวมัวรับพร้อมยิ้ม และชื่นชมหนานหว่านเยียนมากยิ่งขึ้นแล้ว
หยุนอี่ว์โหรวเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งไม่สบายใจด้วย
นางไม่รู้ว่ามีหนานหว่านเยียนกับหวางหมัวมัวพูดมีความหมายแฝง แต่นางแค่รู้สึกว่าหวางหมัวมัวดูเหมือนจะเข้าใกล้กับหนานหว่านเยียนให้มากขึ้นแล้ว
นี่เป็นความหวังสุดท้ายของนาง นางไม่สามารถนั่งงอมืองอเท้ารอตายอีกต่อไปแล้ว
นางเดินเข้าไปหาหนานหว่านเยียนอย่างหน้าซื่อใจคด และพูดอย่างจริงใจว่า
"พระชายา โหรวเอ๋อร์ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้ท่านต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อเสด็จแม่ทั้งคืน โหรวเอ๋อร์ขอเชิญพระชายาไปทานอาหารที่ลานเรือน และหวังว่าพระชายาจะให้เกียรติมาด้วย..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ อยากรู้ว่านางเอกจะใจอ่อนยอมยกโทษให้กู้โม่หานหรือเปล่า...
ฉันว่า ถ้าไม่ติดว่ามีไทเฮาคอยดูหนุนหลังรักและเอ็นดูนางเอก ป่านนี้น่าจะโดนกู้โม่หาน ทรมานจนตายล่ะ...
อ่าน ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1,846 www.sunnewsfocus.com...
อ่านยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ ตอนที่ 998 - 1846 sunnewsfocus.com นะคะ...
ขัดใจหลายหย่าง 1. นางเอก - ก็รู้ว่าตัวเองสู้เเพ้อ๋องทุกครั้ง เเทนที่จะฝึกวิชาป้องกันตัวบ้าง เเต่ก็ไม่เห็นทำไร 2. ลูก - ก็เห็นอยู่ว่าเเม่ตัวเองทุกข์ใจที่ต้องอยู่กับอ๋อง เเทนที่จะสนับสนุนให้เลิก เเต่ยังจะให้คบกันต่อ คือพวกเอ็งจะขาดพ่อไม่ได้เลยรึไงฟะ 3. อ๋อง - รักเเต่ใช้วิธีผิด นางไม่ยอมก็ขังนางไว้ เจอผู้ชายคนไหนก็ขู่จะทำร้ายเค้า ? เป็นพระเอกที่ห่วยบัดซบ...
ใครที่คิดว่าหนานหว่านเยียนอคติเกินไป ลองย้อนไปดูสิ่งที่กู้โม่หานทำกับนางเอกในช่วงแรกๆ ว่ามันสมควรให้อภัยกันง่ายๆมั้ย...
ไม่แปลกหรอกที่นางเอกจะเกลียดกู้โม่หาน และไม่ยอมให้อภัยกู้โม่หาน ก่อนหน้านั้นหนานหว่านเยียนโดนทำร้ายทั้งกายและจิตใจมามาก โดนจับขังในเรือนเย็น ทั้งตั้งท้องลูก คลอดลูกเอง เลี้ยงเอง ข้าวที่จะกินแทบจะหาไม่ได้ พระเอกมักจะเลือกช่วยหยุนอี่โหรวก่อนนางเอกเสมอ สมควรได้รับที่สิ่งทำไว้ในอดีต นางเอกไม่ได้ทำอะไรผิดแต่โดนพระเอกกระทำมาโดยตลอด...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
ดูๆ ไปแล้ว เรื่องนี้คงมีแค่ 997 ไม่ต่อแล้ว เศร้าไปสิ...
กลับมาอัพเดทหน่อยจ้า..แอด,😁😁...