ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 710

อะไรนะ?!

ฮองเฮาเหนียงเหนียงก็คือไป๋จื่อนั่นเอง?!

เสียงร่ำไห้ของเซียงอวี้หยุดชะงักลงแล้วในชั่วพริบตา  มองดูหนานหว่านเยียนอย่างตะลึงงัน

หนานหว่านเยียนหาได้โต้แย้งไม่  เพียงแต่ยิ้มกับนางแล้วคราหนึ่ง

สีหน้าของเซียงอวี้เปลี่ยนเป็นแดงก่ำไปทันใดเหมือนกับมะเขือเทศ  แทบจะพวยพุ่งเป็นควันแล้ว  นางอ้าปากมือไม้ทำอะไรมิถูก  คำพูดก็ยังสับสนตะกุกตะกักอยู่บ้างแล้ว  “ท่าน   ฮองเฮาเหนียงเหนียง  ไป๋จื่อ  เรื่องนี้  เรื่องนี้……บ่าวสมควรตาย!  ขอฮองเฮาเหนียงเหนียงโปรดลงโทษด้วย!”

พูดพลาง  นางก็คุกเข่าลงไปแล้ว  กล่าวขอโทษต่อหนานหว่านเยียนด้วยความเคารพ!

ถึงอย่างไรนางก็คิดมิถึงว่าไป๋จื่อจะเป็นหนานหว่านเยียนไปได้  เมื่อครู่นี้ยังคิดจะ “สั่งสอน” ไป๋จื่อด้วยซ้ำ  ยังดีที่มิได้กระทำ  มิฉะนั้นก็จะก่อปัญหาขึ้นมาแล้ว

เซียงเหลียนก็กระพริบตาอย่างตะลึงงันแล้วเช่นกัน  มิเข้าใจเป็นฮองเฮาเหนียงเหนียงอยู่ดีๆ  ไฉนต้องเปลี่ยนไปกลายเป็นไป๋จื่อด้วยเล่า?

เป็นสองคนอย่างเห็นได้ชัด

แต่ไท่เฟยจะต้องมิพูดปดเด็ดขาด  นึกถึงเมื่อครู่นี้ตนและน้องสาววิพากษ์วิจารณ์ไป๋จื่ออย่างเปิดเผย  พลันก็รู้สึกเคอะเขินอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนีขึ้นมาทันใด

นางก็คุกเข่าลงไปแล้วเช่นกัน  “บ่าวขอน้อมพบฮองเฮาเหนียงเหนียง  บ่าวพูดจาวิจารณ์เหนียงเหนียงลับหลัง  ขอเหนียงเหนียงโปรดลงโทษด้วย”

พี่น้องสาวคู่นี้สุดแสนภักดีต่อนาง  ต่อให้นาง “ตาย” แล้ว  ก็ยังปกป้องสุดกำลังเช่นกัน  หนานหว่านเยียนขอบคุณแทบมิทันด้วยซ้ำ  ไหนเลยจะสามารถตัดใจลงโทษได้

นางย่อตัวลงไปช่วยประคองพวกนาง  “ข้าเคยลงโทษพวกเจ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน  ล้วนลุกขึ้นมาเถอะ  แต่พวกเจ้าสามารถดื้อรั้นอวดดีตอนอยู่ต่อหน้าข้าเท่านั้น  ตอนอยู่ต่อหน้าผู้อื่นก็มิสามารถจะทำเช่นนั้นแล้ว  จะได้มิต้องถูกข่มเหงรังแก  ทราบแล้วหรือไม่?”

เซียงอวี้และเซียงเหลียนพยักหน้า  พากันลุกขึ้นยืนช้าๆ  เซียงอวี้เช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า  แล้วมองดูหนานหว่านเยียน  “ฮองเฮาเหนียงเหนียง  ท่าน  ท่านหลบหนีออกมาจากอัคคีภัยครั้งใหญ่ได้อย่างไร?”

“นอกจากนี้ยังมี  แล้วท่านไฉนจึงเปลี่ยนกลายเป็นไป๋จื่อไปแล้ว  และยังกลายเป็นคู่หมั้นหมายของขุนพลน้อยหยุนไปแล้ว?”

หนานหว่านเยียนยื่นมือไปตบไหล่ของเซียงอวี้พูดว่า  “เรื่องราวเหล่านี้  ข้าจะหาเวลาอธิบายให้พวกเจ้าฟังในภายหลัง  เจ้าก็อย่าได้ร้องไห้แล้ว  ข้าทราบว่าตอนที่ข้าไม่อยู่นั้นพวกเจ้าพี่น้องสองคน  ดูแลเอาใจใส่เกี๊ยวน้อยเป็นอย่างดี  ขอบคุณพวกเจ้าแล้ว”

ดวงตาของเซียงอวี้และเซียงเหลียนแดงก่ำขึ้นมาแล้วพร้อมกัน  ต่างล้วนสะอื้นไห้อยู่บ้างเล็กน้อย

“ฮองเฮาเหนียงเหนียง……”

หนานหว่านเยียนพูดว่า  “พวกเจ้าไปพักผ่อนให้ดีๆ สักครู่หนึ่งก่อน  ข้าต้องการสนทนากับไท่เฟยเหนียงเหนียงเป็นการส่วนตัว”

ไท่เฟยมาหานางตามลำพัง  จะต้องมีคำพูดบางอย่างที่ต้องการพูดอย่างแน่นอน

“เจ้าค่ะ  เหนียงเหนียง”  ทั้งสองพยักหน้าทันที  แล้วถอยออกไปด้วยความเคารพ

หนานหว่านเยียนหันมองไปทางไท่เฟย  “เสด็จแม่”

ไท่เฟยจ้องมองนาง  ดวงตาแดงอยู่บ้างเล็กน้อย  ทั้งสองเดินเคียงไหล่เข้าไปในตำหนักหยูซิน  แล้วนั่งลงบนเก้าอี้

หวางหมัวมัวคอยเฝ้าอยู่ตรงประตูทางเข้า  ภายในตำหนักจึงมีเพียงไท่เฟยและหนานหว่านเยียนสองคนแล้ว

นอกจากนี้ในยามปกติ  นางและพี่ชายล้วนติดต่อสื่อสารกันโดยตรง  จะไม่ส่งข่าวผ่านโดยให้ไท่เฟยเป็นคนกลาง

ไท่เฟยพยักหน้า  สีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาบ้างแล้วเล็กน้อย

“ใช่แล้ว  ยามเช้าเมื่อวานนี้ข้าได้รับจดหมายจากพิลาปสื่อสารของแคว้นต้าเซี่ยแล้ว  ทางด้านแคว้นต้าเซี่ยนั้นเห็นเจ้ามิกลับเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว  เตรียมส่งราชทูตมารับเจ้ากลับไปโดยตรง  เนื่องเพราะเกรงว่าเจ้าจะมิตอบตกลง  ก็เลยติดต่อกับข้าเป็นการส่วนตัวแล้ว”

หนานหว่านเยียนตกตะลึงวูบ  สีหน้าแววตาแปลกประหลาดอยู่บ้าง  “พี่ชายพวกเขา  ต้องการส่งคนมารับข้ากลับไปหรือ?”

นางเสียเวลาอยู่ในแคว้นซีเหย่นานมากเกินไปแล้วจริงๆ  ทำให้พี่ชายและคนอื่นๆ วิตกกังวลอยู่ในแคว้นต้าเซี่ย  นางเองก็ทำไม่ถูกต้องเช่นกัน

คิดต้องการพานางกลับไป  เป็นเรื่องที่ถูกต้องสมเหตุสมผลมากยิ่งกว่า  เพียงแต่เวลานี้สถานการณ์สลับซับซ้อนอีกแล้ว  นางไม่แน่ใจว่าลูกทั้งสองจะล้วนสามารถพาไปด้วยได้

ไท่เฟยพยักหน้าเล็กน้อย  ทอดถอนหายใจยาวๆ แล้วคำหนึ่ง

“ความจริงแล้ว  ข้ายังได้ใช้สมองขบคิดใคร่ครวญอย่างหนักมากเลยทีเดียวว่า  จะส่งเกี๊ยวน้อยออกจากวังไปได้อย่างไร  วันนี้ไปหาเจ้า  ก็เพราะต้องการปรึกษาหารือเรื่องนี้กับเจ้าเช่นกัน”

“แต่เวลานี้เจ้ากลับมาที่วังอีกแล้ว  ข้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว  บางทีเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ประเสริฐเรื่องหนึ่งก็ได้”

“แม้ว่าข้าคือมารดาบังเกิดเกล้าของโม่หาน  แต่ข้าและเจ้านั้นมาจากในยุคสมัยเดียวกัน  ข้าก็หวังอย่างยิ่งเช่นกันว่าเจ้าสามารถรั้งอยู่ต่อไป  แต่ข้าก็เข้าใจเช่นกันว่าก่อนหน้านี้โม่หานเคยทำผิดพลาดมากเกินไปแล้ว  ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ก็อย่าได้แข็งขืนฝืนบังคับ  เจ้าได้แกล้งเสียชีวิต  จากไปอย่างหลบๆ ซ่อนๆ และน่าคับแค้นใจ  เขากลับยังคงดื้อรั้นหัวแข็งอวดดื้อถือดีมีทิฐิมากเหมือนเดิม  เช่นนั้นเจ้าก็ฉวยโอกาสเปิดเผยศักดิ์ฐานะของเจ้าเสียเลย  รอคอยราชทูตของแคว้นต้าเซี่ยเดินทางมาต้อนรับเจ้ากลับไปด้วยตนเอง”

“เสด็จแม่……”  มุมปากของหนานหว่านเยียนกระตุกวูบ  ไท่เฟยกลับจับมือของนางไว้อย่างแนบแน่น  พูดขึ้นอย่างมิอาจปฏิเสธว่า  “หว่านเยียน  เจ้าคือจักรพรรดินีองค์ต่อไป  ศักดิ์ฐานะเทียบเท่าทัดเทียมกับโม่หาน  เจ้าก็สมควรจากไปอย่างมีเกียรติสง่างาม  มิจำเป็นจะต้องคับแค้นใจ!”

“เจ้าก็สมควรให้โม่หานได้ทราบว่า  เจ้านั้น  มิใช่คนที่เขาสามารถรังแกได้ตามอำเภอใจ——”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้