ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 753

นางสามารถเข้าใจกระจ่างการเชื่อมโยงของทั้งหมด  เพียงมิอาจเข้าใจในจุดนี้เท่านั้น

กู้โม่หานฟังการสอบถามของเสิ่นอี่ว์ที่มีต่อหยุนอี่ว์โหรวแล้ว  ภายใต้ดวงตาอารมณ์ก็เดือดพลุ่งพล่านขึ้นมาทันใด  ดวงตาสวยงามสดใสน่าเกรงขามกวาดมองไปทางหยุนอี่ว์โหรว  สำนึกเย็นเฉียบเพียงพอจะสังหารผู้คน

หยุนอี่ว์โหรวเห็นสถานการณ์เช่นนั้น  จิตใจก็ยังรู้สึกสั่นสะท้านแล้ว  เสแสร้งแกล้งแสดงออกในลักษณะที่สำนึกเสียใจและเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งนัก

“กราบบังคมทูลฮ่องเต้  หม่อมฉันยอมรับว่าได้แอบอ้างความดีความชอบของฮองเฮาเหนียงเหนียงแล้ว  แต่นั่นหาใช่เจตนาความตั้งใจของหม่อมฉันไม่  ยามราตรีของคืนวันนั้น  หลังจากองค์ฮ่องเต้ท่านถูกช่วยเหลือขึ้นมาอยู่บนฝั่งแล้ว  ประจวบกับข้าบังเอิญผ่านทางมาพอดี  ด้วยจิตใจที่ความห่วงใยปรารถนาดี  จึงได้เข้าไปไต่ถามถึงความปลอดภัยของท่าน  ตอนนั้นหม่อมฉันหาได้เห็นเงาร่างใดๆ ของฮองเฮาเหนียงเหนียงในบริเวณโดยรอบไม่  ย่อมมิทราบเช่นกันว่าผู้ใดที่ได้ช่วยท่านเอาไว้”

“แต่ท่านไม่พูดอะไรสักคำก็จับมือหม่อมฉันไว้  แล้วระล่ำระลักกล่าวขอบคุณหม่อมฉัน  พูดว่าท่านจะตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตต่อหม่อมฉัน”

“หม่อมฉันเดิมก็คือสตรีจากครอบครัวยากจน  ย่อมละโมบต่อความเมตตาของท่านที่มีต่อหม่อมฉัน  จึงได้กระทำความผิดครั้งแล้วครั้งเล่า  หาใช่เจตนาต้องการแอบอ้างโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่เป็นความสัตย์จริง!”

หนานหว่านเยียนมองดูลักษณะที่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจของหยุนอี่ว์โหรวแล้ว  คนที่ไม่ทราบยังต้องคิดว่านางช่างมีความเมตตากรุณาอย่างยิ่ง  จึงแค่นเสียงเย็นชาขึ้นคำหนึ่ง

“หยุนอี่ว์โหรว  กล่าวคำพูดแก้ต่างแก่ตนเองให้น้อยลงเถอะ  ต่อให้ตอนนั้นกู้โม่หานจำคนผิดไปแล้วโดยนึกว่าเป็นเจ้า  ต่อมาภายหลังเจ้าก็สามารถบอกความจริงให้เขาทราบได้เช่นกัน  แต่เจ้าก็หาได้กระทำไม่  ไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่อันใดกัน  เจ้าก็เพราะมีความละโมบโลภมากในความดีความชอบนั่นเอง  ใจดำอำมหิตก็คือสีดำนั่นเอง  ไม่สามารถซักฟอกให้เป็นสีขาวได้!”

กู้โม่หานหันมองไปทางหนานหว่านเยียน  นางแยกแยะบุญคุณความแค้นกระจ่างเสมอมา  ต่อให้สุดแสนเกลียดชังเขาแล้ว  ก็ยังออกหน้าพูดจาแทนเขาเช่นกัน

แต่ย้อนกลับมาดูเขาสิ……

จิตใจเขากำลังสั่นคลอน  กำลังสะท้านหวั่นไหว

ไม่ทราบเพราะเหตุใด  เห็นได้ชัดว่าอยู่ใกล้กับนางเพียงแค่เอื้อม  กลับรู้สึกเหมือนเช่นอยู่ห่างไกลกันจนสุดขอบฟ้าอีก  สิ่งที่เขาติดค้างนางนั้น  ตลอดชั่วชีวิตนี้ก็ไม่สามารถชดใช้คืนได้หมดสิ้นแล้ว……

หยุนอี่ว์โหรวถูกหนานหว่านเยียนก่นด่าจนกัดฟันกรอดแทบแหลกละเอียด  ตอนที่มองดูหนานหว่านเยียนนั้น  ภายในดวงตานางไม่เพียงแต่มีความเกลียดชังเท่านั้น  ยังมีสิ่งที่ซ่อนเร้นแฝงอยู่อย่างลึกซึ้ง  ความโกรธเคืองอย่างบ้าคลั่งเดือดดาล  และความอิจฉาริษยาที่ทุกอย่างล้วนถูกช่วงชิงไปชนิดนั้น

“หม่อมฉันในตอนนั้นไร้สิทธิ์ไร้เสียงปราศจากอำนาจ  ยิ่งไม่มีที่พึ่งพาอาศัย  อยู่แต่ภายในจวนแม่ทัพตลอดทั้งวัน  อีกทั้งผ่านวันเวลาที่ผู้คนมองหม่อมฉันด้วยความเหยียดหยามมิยินดีมามากเพียงพอแล้ว  อาศัยแสงสว่างของดวงจันทราหม่อมฉันได้เห็นใบหน้าขององค์ฮ่องเต้แล้ว  หม่อมฉันมองคราเดียวก็จำเขาได้ทันทีว่าคือองค์ชายหก  เป็นทายาทที่โปรดปรานของแคว้นซีเหย่นั่นเอง”

“ในฐานะของสตรีผู้หนึ่ง  หากสามารถอยู่ด้วยกันกับคนที่รูปลักษณ์หล่อเหลาคมคายเช่นนี้  อีกทั้งกอปรด้วยอำนาจวาสนาสูงส่งเทียมฟ้า  ย่อมยินยอมกระทำทุกสิ่งทุกอย่างแน่นอน!”

“หม่อมฉันยอมรับว่าหม่อมฉันเห็นแก่ตัวจริงๆ  ทว่าในเวลาเช่นนั้น  ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ตาม  พวกเขาล้วนต้องการมีชีวิตอยู่ด้วยกันกับองค์ฮ่องเต้เหมือนเช่นเดียวกับหม่อมฉัน  หรือว่ามิใช่หรอกหรือ?”

พูดจบนางก็จ้องมองดูกู้โม่หาน  ร่ำไห้ร้องตะโกนอย่างเศร้าโศกเสียใจระทมทุกข์สุดขีดขึ้นว่า  “กราบบังคมทูลฮ่องเต้!  หม่อมฉันทราบความผิดแล้ว  ทราบความผิดแล้วจริงๆ  แต่หม่อมฉันขอร้องท่านแล้ว  ขอร้องท่านโปรดละเว้นชีวิตหม่อมฉันสักครั้งเถอะเพคะ!”

“ที่ผ่านมาหม่อมฉันกระทำผิดประพฤติชั่วมามากมายนัก  ซึ่งเป็นเรื่องที่มิสามารถให้อภัยได้ทั้งหมด  หม่อมฉันก็มิมีข้ออ้างแก้ตัวใดๆ เช่นกันที่จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ  เพียงแต่ขอร้องท่านโปรดได้เห็นแก่บุตรน้อย  โปรดละเว้นชีวิตหม่อมฉันสักครั้ง  ขอเพียงละเว้นให้หม่อมฉันมีชีวิตรอดสักครั้ง  ต่อให้พระองค์ขับไล่หม่อมฉันออกจากวังไป  หรือว่าเนรเทศหม่อมฉันไปอยู่ในที่ใดสักแห่งนอกเมืองหลวง  หม่อมฉันล้วนยินยอมเพคะ!”

“เวลานี้หม่อมฉัน  เวลานี้หม่อมฉันเพียงแค่ต้องการให้กำเนิดลูกคนนี้อย่างปลอดภัยเท่านั้น  สิ่งอื่นๆ หม่อมฉันไม่เรียกร้องขออะไรอีกแล้ว!”

นางยังคิดจะมีข้อเรียกร้องอีกหรือ?

เนื่องเพราะนางพูดโกหกโป้ปดมดเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ทำให้เขาสูญเสียหัวใจของหนานหว่านเยียนไปแล้ว  ยังเกือบจะเกิดเรื่องขึ้นกับลูกน้อยแล้วด้วยซ้ำ

เนื่องเพราะนางนั่นเอง  เขาจึงเกือบต้องผู้คนล้มตายบ้านช่องพินาศบ้านแตกสาแหรกขาดแล้ว  นางยังมีหน้ามาจะมีข้อเรียกร้องอีกหรือ?

ภายในดวงตาของกู้โม่หานเต็มเปี่ยมด้วยเพลิงโทสะเหี้ยมโหดดุดันและความเคียดแค้นโกรธเคือง

“หยุนอี่ว์โหรว  ข้าเองก็ยังไม่มีโอกาสแล้ว  เจ้ายังคิดจะมีโอกาสอีกหรือ?”

เมื่อได้ยินคำพูด  หัวใจของเสิ่นอี่ว์ก็กระตุกวูบขึ้นอย่างรุนแรง  องค์ฮ่องเต้……น่าจะกำลังทรงตำหนิโทษตัวเองอย่างยิ่งกระมัง

เขาหันหน้ามองไปทางหนานหว่านเยียน  แต่นางหาได้กล่าวคำพูดอันใดเลยสักเล็กน้อยเพื่อปลอบประโลมองค์ฮ่องเต้  ลูบไล้ท้องน้อยที่นูนขึ้นของนางอย่างเย็นชาสุดเปรียบปาน  คล้ายดั่งสิ่งที่องค์ฮ่องเต้กล่าวนั้นถูกต้องแล้วก็ปาน  ฮองเฮาเหนียงเหนียงจะไม่ให้โอกาสองค์ฮ่องเต้อีกแล้ว……

หยุนอี่ว์โหรวมิเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของกู้โม่หาน  ตั้งแต่ต้นจนปลายนางไม่ยอมละทิ้งโอกาสสุดท้ายที่จะมีชีวิตรอดต่อไป

เพื่อทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้  นางจ่ายค่าตอบแทนออกไปแล้วมากมาย  และก็สูญเสียไปแล้วมากมาย  หากเสียชีวิตในตอนนี้แล้ว  จะให้นางยินยอมได้อย่างไร!

นางโขกศีรษะอย่างหนักหน่วงต่อกู้โม่หานและหนานหว่านเยียน  พูดด้วยน้ำเสียงสูงและเต็มเปี่ยมด้วยความสำนึกเสียใจ  “กราบบังคมทูลฮ่องเต้!  หม่อมฉันทราบความผิดแล้ว  แม้ว่าในอดีตหม่อมฉันไม่เคยช่วยท่านมาก่อน  แต่เมื่อครั้งที่แล้ว  ครั้งที่แล้วหม่อมฉันใช้ชีวิตปกป้องท่าน  หรือว่ายังจะแปลกปลอมอีกหรือ?!”

“ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  หน้าอกของหม่อมฉันมักกำเริบปวดเป็นระยะ  หมอหลวงยังพูดแล้วว่า  จะเหลือเป็นโรคแฝงเร้นเรื้อรังติดตัวตลอดชีวิตแล้ว  หรือว่าน้ำใจไมตรีครั้งเก่าก่อนในส่วนนี้  ท่านก็ยังไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อยแล้วจริงๆ?”

“ท่านมิใช่ตำหนิโทษตัวเองเสมอมาหรอกหรือ  ไฉนท่านจึงมิเห็นแก่น้ำใจไมตรีแต่เก่าก่อนตอนนั้น  ละเว้นปล่อยหม่อมฉันสักครั้งเล่า?!”

“พอได้แล้ว!”  เสียงคำพูดของหยุนอี่ว์โหรวเพิ่งจบลง  กู้โม่หานก็มิสามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว  เขาฟาดฝ่ามือใส่แจกันดอกไม้ใกล้มือจนแตกกระจาย  เพลิงโทสะพุ่งพรวดขึ้นไปถึงกลางกระหม่อมแล้ว  เขาในยามนี้มิอาจพูดด้วยสติปัญญาและเหตุผลแล้วแม้แต่น้อย

ภายในตำหนักหยูซินเงียบสงัดจนน่ากลัว  ทุกคนได้ยินแต่เสียงหายใจเหนื่อยหอบอันหนักหน่วงของกู้โม่หาน  และเสียงเต้นถี่เร็วของหัวใจเขา

ช่วงเวลาพริบตาถัดมา  พลันเขาก็ชักกระบี่คู่กายของเสิ่นอี่ว์ออกมาทันใด  โยนโครมลงเบื้องหน้าของหยุนอี่ว์โหรว

“ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้ายังติดค้างเจ้าชีวิตหนึ่ง  เช่นนั้นวันนี้ข้าก็จะมอบคืนให้เจ้าเหมือนกับในตอนนั้น  ทดแทนมอบคืนให้เจ้าที่ช่วยต้านทานแทนข้าหนึ่งกระบี่!”

คำพูดจบลง  ทุกคนต่างล้วนตะลึงงันอยู่กับที่ไปแล้ว  สีหน้าเสิ่นอี่ว์แปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง  “ฮ่องเต้!  อย่าพะย่ะค่ะ!”

ม่านตาของหนานหว่านเยียนก็หดเล็กลงแล้วในทันใด  ขมวดคิ้วแนบแน่นขึ้นมาแล้ว

เฟิงยางได้ยินคำพูด  นางเลิกคิ้วขึ้นมองดูกู้โม่หานด้วยความหมายลึกซึ้งอย่างอื่นคราหนึ่ง  คล้ายดั่งคาดคิดมิถึงว่าเขาจะเด็ดเดี่ยวมากถึงเพียงนี้

ในยามนี้  เขากลับมีภาพลักษณ์อันเด็ดขาดและรุนแรงดุจอสนีบาตสายฟ้ารวดเร็วฉับไวดั่งสายลม  อย่างที่ราชันแห่งแว่นแคว้นหนึ่งพึงมีโดยแท้จริงแล้ว (หมายเหตุ ภาพลักษณ์อันเด็ดขาดและรุนแรงดุจอสนีบาตสายฟ้ารวดเร็วฉับไวดั่งสายลม อุปมา การปฏิบัติการที่รุนแรงรวดเร็วฉับไว)

หยุนอี่ว์โหรวยิ่งมองดูอย่างรู้สึกเหลือเชื่อ  นางส่ายหน้าแล้วผลักกระบี่ยาวเล่มนั้นออก  “ไม่  มิใช่หมายความเช่นนี้  ฮ่องเต้  หม่อมฉัน——”

“จงหุบปาก!”  กู้โม่หานตวาดเสียงดังลั่นขึ้นคำหนึ่ง  หยุนอี่ว์โหรวตกใจกลัวจนมิกล้าพูดอีก

ยามนี้คิ้วเรียวยาวดุจกระบี่เฉียงของบุรุษขมวดจนแนบแน่นอย่างยิ่ง  ภายในม่านตาดำมืดคู่นั้น  ระลอกกระแสน้ำสีดำกำลังหมุนวนพลุ่งพล่านโหมพัดซัดกระหน่ำ

เขาเอ่ยปากกล่าวช้าๆ น้ำเสียงเย็นเฉียบทะมึนสะท้านจิตใจผู้คน  “ข้าไม่ได้บอกว่าจะละเว้นปล่อยเจ้าไป  ข้าดีกับเจ้ามานานร่วมสิบปีแล้ว  คอยตามอกตามใจโปรดปรานรักใคร่เจ้า  ข้าจะจ่ายค่าตอบแทนออกไปเพื่อชดใช้ความผิดพลาดของตัวเอง”

“ชดใช้คืนเจ้าหนึ่งชีวิต  เพื่อหักลบกลบหนี้บุญคุณความแค้นระหว่างข้าและเจ้า!  ข้าจะไม่ติดค้างเจ้าแม้แต่น้อยนิดอย่างเด็ดขาด  เจ้าอย่าได้คิดนำเอาน้ำใจไมตรีมากล่าวอ้างอีกต่อไป!”

“แต่เจ้า——เจ้าจ้องเล่นงานทำร้ายหว่านเยียนมานานร่วมสิบปี  ทำร้ายบุตรสาวของข้า  แม้แต่พ่อบ้านกาวก็เกือบทำร้ายเสิ่นอี่ว์เสียชีวิตไปแล้ว  และอีกทั้งยังมีโทษฐานความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง!”

“ให้ลงทัณฑ์! ประหารชีวิต! หลิงฉือ! ในทันที!”

(หมายเหตุ การลงโทษประหารชีวิตหลิงฉือ หรือ ชุ่นจั่น(ตัดเป็นนิ้วๆ) และ การลงทัณฑ์ตรึงกางเขน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า การลงทัณฑ์นับพันนับหมื่นมีด หั่นร่างเป็นหมื่นท่อน และความตายมาตราส่วนขนาดเป็นนิ้ว

หลิงฉือเป็นการลงโทษประหารชีวิตแบบเก่าสมัยโบราณ และนับเป็นหนึ่งในจำนวนการลงทัณฑ์ที่โหดเหี้ยมทารุณที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

ขั้นตอนการลงทัณฑ์คือ เพชฌฆาตใช้มีดคมเชือดเฉือนเลือดเนื้อของผู้ถูกลงทัณฑ์ออกทีละชิ้น ตั้งแต่หลักร้อยมีดไปจนถึงหลักพันมีดไม่เท่ากัน ผู้ถูกลงทัณฑ์จะได้รับความทุกข์ทรมานเจ็บปวดแสนสาหัส มักต้องทนกับความเจ็บปวดนานหลายชั่วโมงก่อนที่จะหลั่งเลือดจนเสียชีวิตลง)

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้