ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 755

ภายในตำหนักหยูซิน  สองมือของหยุนอี่ว์โหรวจับมีดไว้แน่นมิยอมปล่อย  ฝ่ามือก็ยังหลั่งเลือดแล้ว  ตะโกนเสียงแหบเสียงแห้งร้องลั่นคำรามขึ้น  ดังก้องไปตลอดทั่วทั้งตำหนักหยูซิน

เสิ่นอี่ว์ใช้พละกำลังตลอดทั้งร่างสุดแรงเกิด  ช่วงชิงกระบี่หักภายในมือของกู้โม่หานและหยุนอี่ว์โหรวไปแล้ว  “ฮ่องเต้  ทรงโปรดอย่าได้กระทำเด็ดขาด!”

เขาคุกเข่าลงอย่างหนักหน่วงต่อกู้โม่หาน  ขว้างกระบี่หักทิ้งไปทางด้านข้าง  มีภาพลักษณ์ที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่โดยแท้จริง

เฟิงยางเลิกคิ้วขึ้นจ้องมองดูกู้โม่หาน  สีหน้าแววตาเย็นชาสงบนิ่งไร้ระลอกคลื่นใดๆ  นางหันหน้ามองไปทางหนานหว่านเยียน  เพียงเห็นหนานหว่านเยียนสีหน้าซีดขาว  เม้มปากที่เป็นสีแดงระเรื่อ  กำนิ้วมือไว้อย่างแนบแน่น

หนานหว่านเยียนเองก็คิดมิถึงเช่นกันว่า  กู้โม่หานกลับหาญกล้าใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน  อาการบาดเจ็บด้วยกระบี่บนหน้าอกนั้น  มีโอกาสเสียชีวิตสูงอย่างยิ่ง  เขา……เขาแสดงออกถึงความจริงใจอย่างแท้จริงแล้ว

หยุนอี่ว์โหรวจ้องมองกู้โม่หานพลาง  ส่ายศีรษะร่ำไห้ร้องตะโกนว่า  “ฮ่องเต้  อี่ว์โหรวหาได้ต้องการให้ท่านตายไม่!”

“ไม่ว่าท่านจะลงโทษหม่อมฉันอย่างไร  หม่อมฉันล้วนยอมรับแล้ว  แต่มิอาจเกิดเรื่องขึ้นกับท่านอย่างเด็ดขาด!”

หากเกิดเรื่องขึ้นกับกู้โม่หานแล้ว  เช่นนั้นแล้วการจัดเตรียมวางแผนของนางตลอดเวลาหลายปีมานี้ก็ดี  การเสียสละที่กระทำไปก็ช่าง  ทั้งหมดต่างล้วนสูญเปล่าไร้ประโยชน์จนหมดสิ้นแล้ว

นางปีนป่ายบรรลุถึงตำแหน่งนี้ได้อย่างยากลำบากแสนเข็ญเลือดตาแทบกระเด็น  กระทำไปก็เพื่อให้ได้อยู่ใต้คนเดียว  และอยู่เหนือคนจำนวนนับหมื่น  นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นคนที่นางชื่นชอบ  สามารถทำให้นางได้สมหวังดังใจปรารถนาพอดี  ในอนาคตนางยังต้องรั้งอยู่เคียงข้างกู้โม่หาน  เป็นเพื่อนเคียงคู่เขาคอยเฝ้ามองก้อนเมฆเคลื่อนคล้อยหมู่เมฆสัญจรม้วนตลบด้วยกัน (อุปมา เฝ้ามองดูโลกหล้าด้วยกันอย่างไร้วิตกกังวลสงบนิ่งมิอนาทรร้อนใจ เห็นความดีความชอบและความเสื่อมเสียเป็นเรื่องปกติ เหมือนดอกไม้เบ่งบานบุปผาร่วงหล่นโรยรา เห็นการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งเป็นเรื่องปกติมิแปลกใจ) ไหนเลยจะสามารถทำร้ายเขาได้จริงๆ!

กู้โม่หานกลับบันดาลโทสะจนเลือดเข้าตาแล้ว  ถลึงตามองเสิ่นอี่ว์ที่สีหน้าซีดเผือด  เต็มเปี่ยมด้วยเพลิงโทสะเหี้ยมหาญดุดันและเหี้ยมเกรียมทะมึน  “เสิ่นอี่ว์  เจ้าหาญกล้าบังอาจขัดขวางข้า?!”

เขากำหมัดแน่น  ตลอดจนเงื้อมือชูกำปั้นขึ้นมาแล้ว  ต้องการซัดกระหน่ำใส่ร่างเสิ่นอี่ว์อย่างดุดัน  ทว่าหลังจากขบคิดแล้ว  ยังคงข่มเพลิงโทสะเอาไว้แล้ว  หันร่างคิดจะชักกระบี่ยาวออกมาอีกครั้ง

“ฮ่องเต้  มิได้นะเพคะ!”  แต่เซียงอวี้และเซียงเหลียนซึ่งมีบทเรียนของเสิ่นอี่ว์ที่เป็นกองหน้าก่อนแล้ว  จึงเข้าไปข้างหน้าทันที  ขัดขวางเอาไว้อยู่เบื้องหน้ากู้โม่หานอย่างสุดชีวิต

“ไสหัวไปให้พ้น!”  ดวงตาสีแดงเลือดของกู้โม่หานเหี้ยมหาญดุดันฆ่าคนมิชดใช้ชีวิต  ตลอดทั่วทั้งภายในตำหนักหยูซิน  วุ่นวายจนยุ่งเหยิงไปหมดอีกทั้งบรรยากาศก็ร้อนระอุกระวนกระวายน่าวิตกกังวล

หนานหว่านเยียนเม้มปากหาได้พูดจาอันใด  แต่ฝีเท้ากลับขยับเคลื่อนไหวไปมาตามกู้โม่หานแล้วโดยมิรู้ตัว

และยามนี้เอง  ณ บริเวณประตูทางเข้าของตำหนักหยูซิน  เสียงอันชราภาพแต่กลับเปี่ยมเดชอำนาจบารมีน่าเกรงขามอย่างยิ่งเสียงหนึ่งก็คำรามอย่างโกรธเคืองดังมา  “ทุกคนล้วนหยุดมือให้ข้า!”

พลันทุกคนตระหนกตกใจวูบทันใด  มองไปยังทิศทางต้นเสียง  ก็เห็นมิทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด  องค์ไทเฮาถูกหลี่หมัวมัวประคองเข้ามาในห้องโถงใหญ่แล้ว

หนานหว่านเยียนหันหน้ามองไปทางองค์ไทเฮา  นางขมวดคิ้วแนบแน่นขึ้นมาแล้ว

เสด็จย่าไฉนจึงได้รุดมาแล้วในเวลาเช่นนี้?

เรื่องนี้นางจงใจสกัดกั้นปิดผนึกข่าวสารเอาไว้แล้ว  ก็เพื่อมิให้เกิดปัญหาวุ่นวายตามมา

หยุนอี่ว์โหรวได้เห็นองค์ไทเฮา  กลับรู้สึกว่าตนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายเอาไว้ได้แล้วเส้นหนึ่ง  ประกายแสงริบหรี่ในดวงตาก็ลุกโชนสว่างไสวฟื้นคืนกลับมา  โอกาสรอดชีวิตมีขึ้นมาแล้วอีกสายใยหนึ่ง

“ไทเฮา……”

องค์ไทเฮาทอดพระเนตรดูความวุ่นวายยุ่งเหยิงภายในตำหนักด้วยความตระหนกตกใจ  รู้สึกแต่ว่าห้วงคำนึงก็ยังวิงเวียนอยู่บ้างเล็กน้อย

นางเห็นสามคนต่างล้วนขัดขวางกู้โม่หานไว้มิให้กระทำเรื่องโง่เขลา  ก็ยิ่งรู้สึกวิตกกังวลจนหลั่งเหงื่อออกทั่วทั้งศีรษะ  สลัดจากการประคองของหลี่หมัวมัวได้ก็รีบเร่งก้าวเท้าจนมาถึงเบื้องหน้ากู้โม่หานแล้ว

นางถลึงตาจ้องมองดูกู้โม่หาน  เอ่ยปากด่ากราด  “เหลวไหลสิ้นดี!  ฮ่องเต้  เจ้าคือองค์ราชันแห่งแว่นแคว้นหนึ่ง  ไฉนจึงกระทำเรื่องเหลวไหลเลอะเลือนไร้สาระเช่นนี้ออกมาได้?!”

กู้โม่หานกัดฟันกรอด  มองดูเหล่าไท่ไท่(หญิงชรา)ที่สีหน้าซีดขาว  “เสด็จย่า  ท่านมิทราบอะไรทั้งสิ้น  ยังคงอย่าได้กล่าววาจามากความแล้ว”

คำพูดจบลง  องค์ไทเฮาก็รู้สึกโกรธเคืองมากยิ่งขึ้นมาแล้ว  นางมองๆ ดูหนานหว่านเยียน  แล้วก็หันมามองๆ ดูกู้โม่หานอีก  สุดท้ายสายตาจ้องมองดูบนร่างของหยุนอี่ว์โหรวตาเขม็ง  พูดขึ้นเสียงดังด้วยความโกรธเคืองว่า  “อันใดเรียกว่าข้ามิเข้าใจกระจ่าง?”

“ยังมิต้องพูดถึงศักดิ์ฐานะของหยุนอี่ว์โหรวก่อน  เพียงเพื่อเห็นแก่บุตรน้อยภายในท้องของนาง  ข้าก็จะมิปล่อยให้พวกเจ้าคลี่คลายปัญหาอย่างรวบรัดง่ายดายด้วยตนเองแล้ว!”

นางไหนเลยจะมิต้องการให้หยุนอี่ว์โหรวถูกกรรมตามสนอง  เพียงแต่บุตรน้อยภายในท้องของนางนั้น  มิอาจให้ตกตายไปอย่างผู้บริสุทธิ์ในลักษณะเช่นนี้จริงๆ

มิฉะนั้นแล้ว  ความทรงจำที่กู้โม่หานเหลือทิ้งไว้ให้แก่คนรุ่นหลังนั้น  จะช่างเลือดเย็นโหดเหี้ยมอำมหิตไร้น้ำใจมากเพียงใดนะเนี่ย!

องค์ไทเฮายืนกรานอย่างดื้อดึงมิยินยอม  พลันสีหน้าของหนานหว่านเยียนแปรเปลี่ยนแล้ว  “เสด็จย่า!”

หรือว่าเสด็จย่าทรงต้องการปกป้องหยุนอี่ว์โหรว?

เซียงอวี้และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้าง  ตระหนกตกใจจนก้มหน้าลงมิพูดจา

เฟิงยางมองดูทุกคนด้วยสีหน้าเย็นชา  ภายในใจรู้สึกต่อต้านความอยุติธรรมอย่างยิ่งแทนหนานหว่านเยียน

ต่อให้ภายในท้องของหยุนอี่ว์โหรวมีลูกน้อยแล้วอย่างไรล่ะ  จวิ้นจู่ของนางนั้นก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน  รวมทั้งยังถูกตำหนิด่ากราดและเข้าใจผิดอย่างไร้เหตุผลอย่างมากมายถึงเพียงนั้น

กล่าวถึงที่สุดแล้ว  ผู้คนเหล่านี้เพียงให้ความสำคัญกับพระโอรสเท่านั้น  หาได้อาทรสนใจความรู้สึกของจวิ้นจู่แม้แต่น้อยนิดไม่

แต่ภายในคำพูดของไทเฮานั้นแฝงความนัยอยู่  ซึ่งทำให้หยุนอี่ว์โหรวตะลึงงันไปแล้วครู่ใหญ่

ชั่วพริบตานางก็ตระหนักถึงความสำคัญของการตั้งครรภ์ของตนแล้วทันใด  คิดเช่นนั้นแล้วนางก็คลานมาถึงเบื้องหน้าองค์ไทเฮา  ร่ำไห้เรียกร้องขอความเมตตาอภัยโทษต่อองค์ไทเฮา

“ไท  ไทเฮา  หม่อมฉัน  หม่อมฉันยังกำลังตั้งครรภ์พระโอรสขององค์ฮ่องเต้อยู่  ต่อให้องค์ฮ่องเต้ต้องการชีวิตของหม่อมฉัน  ก็ไม่สามารถทำร้ายทายาทมังกรแล้วเช่นกันเพคะ!”

“ขอท่านโปรดทรงแสดงพระมหาเมตตากรุณา  ช่วยเหลือหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ  องค์ชายน้อยที่อยู่ภายในท้องหม่อมฉัน  ยังต้องการหม่อมฉันนะเพคะ——”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้