ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ นิยาย บท 759

กู้โม่หานมองดูหยุนอี่ว์โหรวที่สิ้นสติไปแล้วด้วยสายตาเย็นชา  มิมีความเมตตาสงสารและเจ็บปวดใจแม้แต่น้อยนิด  มีแต่เพียงความขุ่นข้องโกรธเคืองและเฉยชา

หนานหว่านเยียนเองก็หาได้มีปฏิกิริยาตอบสนองมากมายเกินไปนักเช่นกัน  ปี้หยุนเพียงคนเดียวที่ร่ำไห้อย่างเศร้าโศกเสียใจระทมทุกข์สุดขีด  ทั้งวิตกกังวลและร้อนรนกระวนกระวายใจ

“เหนียงเหนียง  เหนียงเหนียงท่านเป็นอย่างไรแล้ว?”

สีหน้าขององค์ไทเฮากลับแปรเปลี่ยน  สายตาแสดงความรังเกียจ  แต่ยังคงสั่งหลี่หมัวมัวว่า  “นำนางไปที่ตำหนักเย็น!  แล้วให้หมอหลวงมาดูอาการ!”

“เพคะ  ไทเฮา”  หลี่หมัวมัวรีบขานรับ  มอบหมายคนให้ไปดำเนินการทันที

องค์ไทเฮาเดินมาถึงด้านหน้า  มองดูหนานหว่านเยียนและกู้โม่หานแล้วคราหนึ่ง  เอ่ยปากขึ้นต้องการจะพูดแต่แล้วก็หยุดชะงักลง  คำพูดใดๆ ล้วนมิสามารถพูดออกจากปาก

สิ่งที่นางได้ทำไปทุกอย่างในวันนี้  ไหนเลยจะมิใช่เหลวไหลไร้สาระเกินไปเช่นเดียวกันเล่า?

แต่นางเป็นคนที่ได้ก้าวเท้าเข้าไปอยู่ภายในโลงศพครึ่งก้าวแล้ว  นางเพียงแต่มิต้องการให้บุตรหลานต้องแปดเปื้อนด่างพร้อยมีชื่อเสียงอันบาปกรรม  และก็มิอาจให้พระโอรสที่เป็นสายโลหิตอันแท้จริงต้องสิ้นชีวิตลงในลักษณะเช่นนี้

หลี่หมัวมัวเรียกทหารองครักษ์รุดมาแล้วหลายคน  หามหยุนอี่ว์โหรวและคุมตัวปี้หยุนล่าถอยออกไปแล้ว

ภายใต้การประคองของหลี่หมัวมัว  องค์ไทเฮาก็ค่อยๆ ออกจากตำหนักหยูซินไปแล้ว

ในที่สุดเรื่องวุ่นวายไร้สาระแก่นสารก็ปิดฉากลงแล้ว  ตำหนักหยูซินในเวลานี้  ไม่มีสถานการณ์อันตึงเครียดเช่นนั้นอย่างเมื่อครู่นี้แต่แรกแล้ว (ที่มีการชักกระบี่พาดลูกศรบนคันธนูพร้อมสัประยุทธ์)  เหลือเพียงพายุคลื่นลมที่ยังไม่ราบเรียบสงบลงเท่านั้น  ที่กระแทกกระทั้นกระหน่ำใส่ลงบนจิตใจทุกคนระลอกแล้วระลอกเล่า

พวกเขามองดูหนานหว่านเยียนและกู้โม่หาน  ต่างล้วนทราบเช่นกันว่า  ระหว่างสองคนนี้ยังมีเรื่องราวมากมายนักที่มิได้มีการคลี่คลาย

เซียงอวี้ติดตามเซียงเหลียนค้อมกายแสดงการคารวะ  ปาดเช็ดน้ำตาล่าถอยออกไปแล้ว

เสิ่นอี่ว์ก็ก้าวเท้าติดตามไปอย่างกระชั้นชิด  เขาหันไปมองกู้โม่หานด้วยความรู้สึกวิตกกังวลห่วงใย  แล้วก็มองๆ ดูหนานหว่านเยียน

เฟิงยางสงบนิ่งมิเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย  คอยปกป้องอยู่ข้างกายหนานหว่านเยียน

กู้โม่หานมองดูนางคราหนึ่งแล้วพูดว่า  “เจ้าก็ถอยออกไปเถอะ”

มือขาวเย็นเฉียบของกู้โม่หานชะงักค้างอยู่กลางอากาศ  เขาจ้องมองนาง  ริมฝีปากบางเม้มเข้าด้วยกันเป็นเส้นตรงในชั่วพริบตา  เขาขบคิดแล้วยังคงหดมือกลับมา  ไม่ไปกล้ำกรายล้ำเส้นแตะต้องหนานหว่านเยียนอีกต่อไป

แต่ทันทีที่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่หนานหว่านเยียนเป็นฝ่ายริเริ่มเสนอต้องการให้เขาหย่าร้างกับหยุนอี่ว์โหรวขึ้นมานั้น  ความจริงภายในใจเขานั้น  มีความยินดีและประหลาดใจมากถึงเพียงนั้นวูบหนึ่ง

เนื่องเพราะที่ผ่านมานั้น  หนานหว่านเยียนมิเคยนำเรื่องของหยุนอี่ว์โหรวมาใส่ใจแม้แต่น้อย  และก็มิแยแสสนใจโดยสิ้นเชิงเช่นกัน  แต่วันนี้นางกลับไม่เงียบนิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว

นี่ใช่แสดงให้เห็นหรือไม่ว่า  ความจริงแล้วภายในใจของหนานหว่านเยียนนั้น  นางยังคงห่วงใยใส่ใจเขาอยู่?

คิดเช่นนี้พลาง  ริมฝีปากบางของกู้โม่หานเผยอขึ้น  น้ำเสียงนิ่มนวลอ่อนโยนลงบ้างแล้วพูดว่า  “วันนี้เจ้าให้ข้าเขียนหนังสือหย่าแก่นางฉบับหนึ่ง  เป็น……”

“เป็นอย่างไร?”  คำพูดของกู้โม่หานมิทันจบลง  หนานหว่านเยียนก็แค่นเสียงเย็นชาคำหนึ่ง  ขัดจังหวะคำพูดของชายบุรุษไปแล้วด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามดูแคลน

“เจ้าก็ได้เขียนหนังสือหย่าเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว  เวลานี้ก็สำนึกเสียใจที่หย่ากับนางอีกแล้วหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้